Skip to content
Home » News » กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม นายกฯ ชวนสวดมนต์สกัดพายุ

กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม นายกฯ ชวนสวดมนต์สกัดพายุ

กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม
https://www.bbc.com/thai/thailand-58696316

กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม นายกฯ ชวนสวดมนต์สกัดพายุ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย​ อ.ศรีสำโรง แสดงวิสัยทัศน์จัดการน้ำต้องบริหารเป็นภาพใหญ่ บอกชาวบ้านน้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติ ขอช่วยกันสวดมนต์ไล่พายุ

นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ 2 จุด ใน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย​ ด้วยรถยนต์​ พร้อมมีการพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียง​ และทักทายสวัสดี “นะจ๊ะ” ประชาชน​ที่อยู่ตามบ้านเรือนตลอดเส้นทาง​​ โดยบอกว่า​ นี่เป็นภัยธรรมชาติ​ ก็ต้องแก้กันไป​ ขอให้ทุกคนแข็งแรง​ ปลอดภัย​

การลงพื้นที่ในวันนี้ (26 ก.ย.) เกิดขึ้นในขณะที่มีสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัด จากอิทธิพลของร่องมรสุมและพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัยแล้ว 14 จังหวัด ในภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง ตามรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อเวลา 9.30 น. วันนี้ (26 ก.ย.)

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ ปัญหาบ้านเมืองไม่ใช่มีเพียงแค่ตรงนี้ ซึ่งมีหลายที่ด้วยกันโดยขณะนี้มีพายุเข้ามาโดยปีที่แล้วพายุเข้ามา 5 ลูก​ และนี่ เพียงลูกเดียว จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์​ อย่าให้พายุเข้ามาอีกเลย​ พายุลูกเดียวนี่ก็พอแล้ว​ พร้อมต้องช่วยกันคิดใหม่ว่าวันข้างหน้าจะอยู่กันอย่างไร จะต้องปลูกบ้านอย่างไรจะต้องปลูกบ้าน 2 ชั้นหรือขยับขยายไปอยู่ในที่สูงขึ้น ซึ่งรู้ว่ายากแต่ถ้าตั้งใจฝั่งรัฐบาลพูดบ้าง​ ก็น่าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง 

พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นนายกรัฐมนตรีก็ใช่จะสบายต้องทำงานทุกวันต้องพยายามคิดอะไรใหม่ๆ ทั้งในเรื่องของการเกษตรโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาความยากจน การกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ​ ซึ่งทุกคนจะต้องพัฒนาขีดความสามารถ​ เพราะวันข้างหน้าลูกหลานต้องอยู่กับเทคโนโลยีดิจิทัล​ ต้องการเรียนภาษาโคดดิ้ง​ เพื่อสั่งการด้วยคอมพิวเตอร์​

ตลอดการลงพื้นที่ รวมทั้งการกล่าวที่จุดประสานงานที่วัดบ้านซ่าน พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงการทำเกษตรกรรมที่เกษตรกรต้องปรับความคิดใหม่ การทำนาทำไร่แบบเดิมจะไม่คุ้มทุนอีกต่อไป และกล่าวถึงนโยบายการบริหารจัดการน้ำว่า จะต้องบริหารเป็นพื้นที่ภาพใหญ่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะตัดยอดน้ำออกทางดานข้างให้ได้ และในอนาคตบางพื้นที่อาจมีความจำเป็นที่ต้องอาศัยเป็นพื้นที่เก็บน้ำชั่วคราว เช่น ทุ่งบางระกำ เป็นต้น 

“เราอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย มีปัญหาเรื่องความยากจนก็แก้กันไป น้ำท่วมก็แก้กันไป มันไม่ได้ท่วมตลอดไป เดี๋ยวมันก็ลง แต่ต้องลงให้เร็วที่สุด ค่าเสียหายต้องจ่ายให้เร็วที่สุด แต่ทำยังไงจะเสียหายน้อยลง ด้วยการปลูกพืชที่ไม่ใช่เชิงเดี่ยว พอท่วมหมด ตายหมด” 

ตอนหนึ่ง นายกฯ กล่าวด้วยว่า ลงพื้นที่วันนี้นำพาหัวใจคนกรุงเทพมหานคร หัวใจคนต่างจังหวัดมามอบให้กับคนสุโขทัย จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายรู้สึกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกผู้ประสบภัย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านอุทกภัยครั้งนี้ไปให้ได้ ในส่วนรัฐบาลได้สั่งการให้ส่วนราชการสำรวจความเสียหายเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนอย่างครบถ้วน ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ในส่วนของน้ำท่วมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 100% เพราะศักยภาพของพื้นที่ แต่จะต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม ทั่วไทย 

กว่า 20 จังหวัดน้ำท่วม นายกฯ ชวนสวดมนต์สกัดพายุ รายงานของ ปภ. เมื่อเวลา 9.30 น. วันนี้ (26 ก.ย.) ระบุว่าเกิดอุทกภัยใน 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิจิตร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา รวม 55 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,930 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด 

อย่างก็ตาม ในรายงานของ ปภ. ไม่ได้ระบุถึงเหตุอุทกภัยใน จ.ลพบุรี ซึ่ง รายงานสถานการณ์ล่าสุด วันที่ 25 ก.ย. ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดให้ข้อมูลกับบีบีซีไทย มีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 5 อำเภอ ได้แก่ ลำสนธิ โคกสำโรง ชัยบาดาล สระโบสถ์ และท่าหลวง กระทบครัวเรือนทั้งสิ้น 7,580 ครัวเรือน

สถานการณ์หนักสุดเป็นพื้นที่ อ.ลำสนธิ ซึ่งมีเขตติดต่อกับพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ มีสถานการณ์น้ำท่วม 31 หมู่บ้าน กระทบกว่า 6,400 ครัวเรือน 

ในโซเชียลมีเดีย มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโพสต์ภาพความเดือดร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ

ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า เจ๊’ปลาย สั่งลุย ซึ่งระบุว่าเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่พื้นที่หมู่ 1 ต.หนองรี อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี ถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นภาพที่เธอและครอบครัวอยู่ในบ้านที่มีน้ำเข้าท่วม และสมาชิกในบ้านคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กเล็กวัย 4 เดือน ก่อนที่ทั้งหมดได้พยายามปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านเพื่อหนีน้ำ 

“อยู่บนหลังคาแล้วนะ ไฟก็ดับ ฝนก็ตก” เสียงจากวิดีโอเฟซบุ๊กไลฟ์ของเฟซบุ๊ก เจ๊’ปลาย สั่งลุย ระบุ ก่อนที่ในเวลาต่อมา เธอได้โพสต์ภาพหญิงกางร่มและกำลังประคองอุ้มเด็กเล็ก พร้อมด้วยขวดนม รอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ 

ขณะที่ในเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ น้ำทะลักเข้าท่วม ภายในสำนักงานเกษตร อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี มีผู้ติดค้างอยู่ภายในไม่สามารถออกมาได้ ต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคา

สถานการณ์ล่าสุดช่วง 11.00 น. เช้านี้ (26 ก.ย.) ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้แจ้งเตือนบ้านรังวัด หมู่ 8 ต.ยางราก อ.โคกเจริญ ให้ประชาชนอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังจากมีข้อมูลปริมาณน้ำฝนของสถานีเตือนภัยล่วงหน้าน้ำท่วมฉับพลันดินถล่ม ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา พบว่ามีประมาณน้ำฝนสะสม 12 ชม. อยู่ที่ 123 มิลลิเมตร ที่อยู่ในเกณฑ์สีแดง เตือนภัยให้อพยพ 

อีกพื้นที่ที่สถานการณ์หนักคือ ที่ จ.ชัยภูมิ ที่ปรากฏภาพน้ำท่วมภายในโรงพยาบาลอำเภอบำเหน็จณรงค์ ในระดับน้ำที่สูงกว่าครึ่งคันรถยนต์

ด้านกองอำนายการน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศฉบับที่ 14 เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบาย เตือนพื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จังหวัด ท้ายน้ำ พร้อมรับมือ ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ในช่วงระหว่างวันที่ 27-30 ก.ย. ที่จะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่ระบายจากเขื่อเจ้าพระยา ในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 0.30 – 1.00 เมตร

ประกาศดังกล่าวระบุว่า ในช่วงวันที่ 26-30 ก.ย. นี้ ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน ทั้งนี้ อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง มีฝนเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ในอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง