
การโจมตีของตาลีบัน ผู้คนอัฟกันบาดเจ็บและเสียชีวิต กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานยืนยันว่ามีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตกว่า 100 นาย จากเหตุโจมตีที่ฐานทัพใกล้เมืองมาซาเอชารีฟ เมื่อวาน
การปะทะต่อสู้กินเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่หน่วยคอมมาโดอัฟกานิสถานจะควบคุมสถานการณ์ได้
กระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่านักรบ กลุ่มตาลีบันพุ่งเป้าการโจมตีไปที่ประชาชนที่ทยอยออกจากมัสยิด หลังการละหมาดวันศุกร์ และผู้ที่อยู่ในโรงอาหารภายในฐานทัพ
หลังเหตุ การโจมตีของตาลีบัน กลุ่มตาลีบันได้ออกแถลงการณ์ประกาศว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตน โดยมือระเบิดฆ่าตัวตายได้ปลอมตัวแต่งกายเป็นทหาร ขับรถเข้าไปในฐานทัพก่อนเปิดฉากโจมตี กลุ่มตาลีบันเผยด้วยว่าผู้ก่อเหตุจำนวนหนึ่งเป็นทหารอยู่ในฐานทัพมาเป็นเวลานานและรู้ทุกซอกทุกมุมภายในฐานทัพเป็นอย่างดี
การประเมินก่อนหน้านี้ระบุว่าอาจมีผู้เสียชีวิตถึง 134 ราย แต่แถลงการณ์ล่าสุดของกระทรวงกลาโหมที่ออกมาในวันนี้แจ้งว่ายอดผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บอยู่ที่ราว 100 ราย
มีนักรบตาลีบันเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และทางการอัฟกานิสถานสามารถจับตัวไว้ได้หนึ่งคน
พันเอกจอห์น โทมัส โฆษกกองทัพสหรัฐฯ บอกว่าเหตุดังกล่าวเป็นการโจมตีครั้งสำคัญ แต่ได้กล่าวยกย่องหน่วยคอมมานโดอัฟกานิสถานที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ญาติของทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคนตั้งคำถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ฐานทัพแห่งนี้ และชี้ว่าการโจมตีครั้งนี้สะท้อนว่ากลุ่มตาลีบันยังสามารถวางแผนและปฏิบัติการโจมตีที่ซับซ้อนได้
ฐานทัพมาซาเอชารีฟเป็นที่ตั้งของกองทัพอัฟกานิสถานหน่วยที่ 209 รับผิดชอบด้านความมั่นคงในพื้นที่ทางเหนือของประเทศ รวมทั้งจังหวัดคุนดุซ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักหน่วงเมื่อไม่นานมานี้
ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่ามีทหารจากเยอรมนีและอีกหลายประเทศประจำการอยู่ในฐานทัพแห่งนี้ด้วย
อัฟกานิสถานไว้อาลัยเหยื่อจาก การโจมตีของตาลีบัน
ประธานาธิบดีอัชราฟ กานีกล่าวว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นใกล้กับเมืองมาซาร์เอชารีฟ เป็นการกระทำที่ขัดกับหลักคำสอนของอิสลาม
นักรบกลุ่มตาลีบันพุ่งเป้าการโจมตีไปยังผู้ที่กำลังออกจากมัสยิดหลังพิธีละหมาดวันศุกร์ และผู้ที่อยู่ในโรงอาหารภายในฐานทัพ
ผู้รอดชีวิตบางคนบอกว่า ผู้ก่อเหตุได้รับเบาะแสและความช่วยเหลือจากคนใน
กลุ่มตาลีบันออกแถลงการณ์ประกาศว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตน เหตุดังกล่าวนับเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในอัฟกานิสถาน
กองทัพอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งพรางตัวแต่งกายในชุดทหารได้ขับรถทหารเข้าไปภายในฐานทัพ จากนั้นจึงเปิดฉากโจมตี
มีนักรบตาลีบันเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และคนหนึ่งถูกจับกุมตัวไว้ได้
กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานไม่ได้ระบุจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่แน่ชัด เพียงแต่แจ้งว่ามีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตกว่า 100 ราย
แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งให้ข่าวโดยไม่ระบุชื่อและตำแหน่งงานบอกว่า อาจมีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 140 ราย
บิดาของทหารนายหนึ่งบอกสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “เมื่อสามเดือนก่อน ผมส่งลูกไปเป็นทหาร จากนั้นก็ไม่ได้เจอลูกอีกเลย มาวันนี้ พวกเขาส่งศพลูกกลับมาให้ผม”
เมื่อวาน (22 เม.ย.) ประธานาธิบดีกานีได้บินไปยังพื้นที่เกิดเหตุ และเยี่ยมทหารบาดเจ็บในโรงพยาบาล
ฐานทัพในเมืองมาซาร์เอชารีฟเป็นที่ตั้งของทหารหน่วยที่ 209 รับผิดชอบด้านความมั่นคงให้กับพื้นที่ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน รวมทั้งจังหวัดคุนดุซซึ่งเกิดเหตุสู้รบอย่างหนักหน่วงเมื่อเร็ว ๆ นี้
การโจมตีของตาลีบัน ใช้รถพยาบาลติดตั้งระเบิดก่อเหตุโจมตี
เจ้าหน้าที่ทางการอัฟกานิสถานระบุว่า กลุ่มตาลีบันติดตั้งระเบิดบนรถพยาบาลแล้วขับผ่านด่านตรวจของตำรวจเข้าไปยังใจกลางกรุงคาบูลก่อนก่อเหตุโจมตี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 95 คน บาดเจ็บอีก 158 คน
คนร้ายขับรถพยาบาลที่ติดตั้งวัตถุระเบิดผ่านด่านตรวจของตำรวจเข้าไปยังถนนสายหนึ่งที่เปิดให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเข้าเท่านั้น เหตุเกิดใกล้กับอาคารกระทรวงมหาดไทยแห่งเก่า และสำนักงานของสหภาพยุโรป และสภาสันติภาพระดับสูง
กลุ่มตาลีบันระบุว่า พวกเขาได้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายเดือน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมาชิกกลุ่มติดอาวุธตาลีบันเพิ่งก่อเหตุโจมตีที่โรงแรมหรูกลางกรุงคาบูล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พื้นที่นี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานทูตต่างชาติ และสำนักงานใหญ่ของตำรวจกรุงคาบูล มีผู้คนอยู่หนาแน่นในช่วงที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อเวลา 12.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ (27 ม.ค.) กลุ่มควันจำนวนมากสามารถมองเห็นได้จากทั่วเมือง
เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่มีการนำตัวผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา
ด้านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ระบุว่า การใช้รถพยาบาลในการก่อเหตุเป็นเรื่อง “โหดเหี้ยม”
นี่เป็นการโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายเดือน
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 176 คนจากการโจมตีด้วยระเบิดทั่วประเทศอัฟกานิสถานในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว กองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถานได้สูญเสียกำลังพลไปจำนวนมากจากฝีมือของกลุ่มตาลีบัน ซึ่งต้องการนำกฎหมายอิสลามกลับมาบังคับใช้ในประเทศอีกครั้ง
เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 150 คน จากการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงคาบูล กลุ่มตาลีบันปฏิเสธการก่อเหตุในครั้งนั้น แต่รัฐบาลอัฟกานิสถานระบุว่า กลุ่มฮักกานี (Haqqani) ซึ่งเป็นเครือข่ายของตาลีบันเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากปากีสถาน
ด้านปากีสถานปฏิเสธการสนับสนุนสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุโจมตีหลายครั้งในอัฟกานิสถาน โดยสหรัฐฯ ได้ตัดความช่วยเหลือด้านความมั่นคงที่ให้แก่ปากีสถานในเดือนนี้ เพราะปากีสถานล้มเหลวในการดำเนินการต่อต้านเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ
กลุ่มตาลีบันควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของอัฟกานิสถานและหลายพื้นที่ในปากีสถานซึ่งอยู่ติดกัน
พวกเขาถูกโค่นอำนาจจากการปกครองอัฟกานิสถาน หลังจากกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ บุกเข้าโจมตีในปี 2001 แต่ทางกลุ่มก็ยังสามารถกลับมาควบคุมพื้นที่สำคัญหลายแห่งได้
ระเบิดฆ่าตัวตายที่อัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 คน และบาดเจ็บ 80 คน จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีศูนย์แผยแพร่ศาสนาและวัฒนธรรมของชาวชีอะห์ ในย่านตะวันตกของกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน
กระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานระบุกับบีบีซีว่า มีเหตุระเบิดอีก 2 ครั้งตามมา หลังจากมือระเบิดฆ่าตัวตายจุดชนวนระเบิดลูกแรก แต่ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กลุ่มที่เรียกตนเองว่ารัฐอิสลาม หรือไอเอส ได้ก่อเหตุระเบิดโจมตี โดยมีเป้าหมายเป็นผู้ที่นับถือนิกายชีอะห์ในอัฟกานิสถานหลายครั้ง
หลังจากเกิดเหตุ มีผู้นำภาพมาเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งอยู่ที่สนามหญ้า
หัวหน้าอัฟกันเพรส ซึ่งเป็นสื่อของกลุ่มนิกายชีอะห์ กล่าวกับบีบีซีว่า ในขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตหลายสิบศพออกจากอาคาร และเจ้าหน้าที่ทางการรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนกำลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
รายงานระบุว่า ขณะที่เกิดเหตุ มีนักเรียนจำนวนหนึ่งกำลังร่วมงานเสวนากับสื่อมวลชนอยู่ด้านในสำนักงาน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 39 รายในเหตุโจมตีมัสยิดของชาวชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายใกล้กับสำนักงานข่าวกรองของอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล
ระเบิดมัสยิดอัฟกานิสถาน
เกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายบุกเดี่ยวโจมตีมัสยิดของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์แห่งหนึ่งในกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถาน ขณะมีการชุมนุมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 35 คน กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างเป็นผู้ก่อเหตุ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ (21 พ.ย.) ระหว่างที่ประชาชนร่วมประกอบพิธีเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา ที่มัสยิดบากีร์ อูล โอลุม ทางตะวันตกของกรุงคาบูล ตำรวจอัฟกานิสถาน ระบุว่า คนร้ายแฝงตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนในมัสยิดจากนั้นก็จุดชนวนระเบิด
ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงใกล้เสร็จพิธี สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีเด็กรวมอยู่ด้วยหลายคน
ด้านกลุ่มไอเอส ซึ่งนับถือนิกายซุนนี อ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ นับเป็นเหตุโจมตีชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ครั้งล่าสุดที่ไอเอสอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุรุนแรงระหว่างนิกายในศาสนาอิสลามเพิ่มขึ้นทั้งในปากีสถาน อิรัก และอัฟกานิสถาน