Skip to content
Home » News » ขอหมายจับ จองจุนยอง ปมแอบถ่าย

ขอหมายจับ จองจุนยอง ปมแอบถ่าย

ขอหมายจับ จองจุนยอง
https://www.sanook.com/news/7710758/

อัยการกลางกรุงโซลยื่นขอให้ศาลกรุงโซลของเกาหลีใต้ อนุมัติ ขอหมายจับ จองจุนยอง นักร้องและนักแต่งเพลงวัย 30 ปี ในวันนี้ (19 มี.ค.62) หลังจากนายจองตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากการแอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอย่างน้อย 10 ราย และส่งคลิปเหล่านี้ต่อไปยังผู้อื่น

นอกจากนี้ อัยการยังยื่นขอหมายจับชายอีก 2 คน คืออดีตพนักงานผับฉาว เบิร์นนิ่ง ซัน ที่เปิดเผยเพียงว่าใช้นามสกุลคิม ด้วยข้อหาการถ่ายคลิปเพศสัมพันธ์ และผู้บริหารอีกรายหนึ่งของผับแห่งนี้ ที่ใช้นามสกุล จาง ด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย

ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้เรียกตัวนายจอง ไปสอบสวน 2 ครั้ง และได้ยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องของนายจองเอาไว้ เพื่อการสอบสวน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศาลกรุงโซลยังไม่ได้ระบุวันฟังคำอนุมัติขอหมายจับแต่อย่างใด

ขอหมายจับ จองจุนยอง ทั้งนี้นายจองแอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจำนวนหนึ่ง และนำคลิปเหล่านี้ไปเผยแพร่ในห้องแชทระหว่างปี 2558-2559 ที่มีผู้เกี่ยวข้องรวม 8 คน ที่มีนายอี ซึง-ฮยอน อดีตสมาชิกวง BIGBANG (บิ๊กแบง) นายชเว จง-ฮุน สมาชิกวง FTISLAND (เอฟทีไอแลนด์) รวมอยู่ด้วย

ขณะเดียวกัน นายอี ซึง-ฮยอน หรือ ซึงรี ก็กำลังตกเป็นเป้าสอบสวนจากการพัวพันการใช้ยาเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ การเลี่ยงภาษี การมีความสัมพันธ์พิเศษกับเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย เพื่อเลี่ยงความผิดที่เกิดขึ้นจากผับเบิร์นนิ่งซัน ที่นายอีเคยมีชื่อเป็นผู้บริหาร

นายจอง จุน-ยอง นักร้องและนักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้ และนายอี ซึง-ฮยอน หรือ ซึงรี อดีตสมาชิกวงบิ๊กแบง เดินทางถึงสำนักงานตำรวจกรุงโซลเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (14 มี.ค) ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) เพื่อให้ปากคำและเข้ารับการสอบสวนกรณีฉาวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงและการกระทำผิดทางเพศเมื่อช่วงที่ผ่านมา

กรณีของนายจอง เกี่ยวกับการแอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอย่างน้อย 10 ราย และส่งเข้าไปในแชทกลุ่มให้ผู้อื่นชม ตั้งแต่ปี 2558-2559 ซึ่งนายจองยอมรับว่าตนทำผิดจริง และได้ขอลาออกจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้ไปก่อนหน้านี้

ส่วนกรณีของนายอี เป็นการสอบสวนเกี่ยวกับการเป็นนายหน้าจัดหาผู้หญิงไปให้บริการทางเพศแก่นักลงทุนภายในสถานบันเทิงที่นายอีเป็นผู้บริหาร แต่ที่ผ่านมานายอีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ถึงอย่างนั้นได้กล่าวว่าจะให้ความร่วมมือต่อการสอบสวนอย่างเต็มที่

แม้กรณีทั้ง 2 จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีส่วนทับซ้อนกันตรงที่ กลุ่มแชทที่มีการส่งคลิปฉาวนั้น นายจอง และนายอี เป็นสมาชิกของกลุ่ม และคาดว่ามีคนดังอีกหลายคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อออกมา

ด้าน เจ้าหน้าที่มิน กับ-รยง ผู้บัญชาการตำรวจเกาหลีใต้ เผยว่า มีการตั้งคณะทำงานกว่า 120 คน เพื่อสอบสวนกรณีฉาวนี้แล้ว

ขอหมายจับ จองจุนยอง
https://www.sanook.com/news/7710758/

จดหมายขอโทษฉบับดังกล่าว มีข้อความดังนี้

ขอโทษเหยื่อ-ผู้คนที่โกรธแค้น

“ผมเขียนจดหมายนี้ด้วยความละอายและรู้สึกผิด

ผม นายจอง จุน-ยอง รับทราบอีกครับว่าสถานการณ์นี้จริงจังเพียงใด หลังจากกลับมายังเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 12 มี.ค. แม้ว่าจะสายไปแล้ว ผมก็อยากจะขอโทษผ่านจดหมายฉบับนี้ไปยังทุกคนที่แสดงความสนใจต่อผมและคนที่ให้โอกาสผมเป็นครั้งที่ 2

ผมขอยอมรับว่าผมได้ทำทุกสิ่งที่มีการรายงานข่าวออกไป ผมถ่ายคลิปผู้หญิงหลายคนโดยพวกเธอไม่รู้เรื่อง แถมยังส่งไปในกรุ๊ปแชท และตอนที่ผมทำ ผมไม่รู้สึกเลยว่าเป็นเรื่องผิด

ในฐานะบุคคลสาธารณะ การกระทำที่ไร้จริยธรรมนี้ สมควรแล้วที่จะโดนวิจารณ์

เหนือไปกว่านั้น ผมอยากคุกเข่าขอโทษผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปและที่เพิ่งทราบถึงความจริงที่ซ่อนอยู่มานานทันทีที่มีการเปิดเผยเรื่องนี้ และขอโทษไปยังผู้คนมากมายที่โกรธแค้น ผิดหวัง และตกใจ ต่อเรื่องนี้

ถอนตัวจากทุกรายการทีวี-ลาออกจากวงการ

ผมจะถอนตัวจากรายการทุกรายการที่มีผมอยู่ และจะระงับกิจกรรมทั้งหมดในอุตสาหกรรมบันเทิง ผมจะไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในฐานะบุคคลสาธารณะ และจะสำนึกต่อการกระทำที่ไร้จริยธรรมและผิดกฎหมายของผม ที่จะถูกมองว่าเป็นอาชญากรรม ไปตลอดชีวิตของผม

นอกจากนี้ ผมอยากขอโทษผู้หญิงทุกคนทุกข์ทรมานจากการกระทำของผม ไปยังคนอีกมากมายที่รู้สึกโกรธแค้นและผิดหวัง ขอโทษไปยังทุกคนที่ทำให้ผมมีชื่อเสียงและห่วงใยผมมาตลอด

ผมจะตั้งใจที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับการสอบสวนที่จะเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 14 มี.ค. และจะยอมรับการลงโทษทุกอย่าง

ผมขอกล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง ขอโทษจริงๆ ครับ

นายจอง จุน-ยอง”

ขอหมายจับ จองจุนยอง : เหยื่อสาวคลิปแอบถ่าย

ขอหมายจับ จองจุนยอง
https://www.bbc.com/thai/international-57499648

คยอง-มี (นามสมมุติ) ถูกล้อเลียนและข่มเหงรังแกทางออนไลน์ อีกทั้งยังถูกตำรวจและอัยการเกาหลีใต้สอบสวนนานหลายชั่วโมง หลังจากเธอกล่าวหาว่าแฟนหนุ่มที่เป็นศิลปินเค-ป็อป แอบถ่ายวิดีโอขณะที่เธอกับเขามีเพศสัมพันธ์กันโดยที่เธอไม่ยินยอม

หญิงสาวผู้นี้คือเหยื่ออาชญากรรมทางเพศผ่านสื่อดิจิทัล แต่เธอเล่าให้ ลอรา บิคเกอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงโซล ฟังว่า “ไม่มีใครรับฟังเธอเลย”

“ตอนนั้นฉันอยู่ในวัยเรียน ยังเด็ก และโดดเดี่ยวมาก ไม่มีใครอยู่ข้างฉันเลย” เธอเล่า

“ฉันอยากตายมาก แต่ทำไม่ได้…เพราะถ้าฉันตาย ก็จะไม่มีใครได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ จอง จุนยอง”

จอง จุนยอง เป็นนักร้องเค-ป็อปชื่อดังที่มีแฟนเพลงทั่วเอเชียตะวันออก 

คยอง-มี เล่าว่าเขาเป็นแฟนที่เอาใจใส่และช่างเอาอกเอาใจ จนกระทั่งเขาได้แอบถ่ายคลิประหว่างที่ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กันโดยที่เธอไม่ยินยอม

คยอง-มี นำเรื่องนี้เข้าแจ้งตำรวจครั้งแรกในเดือน ส.ค. ปี 2016 แต่เธอบอกว่าตำรวจไม่ได้เข้ายึดโทรศัพท์ที่เขาใช้ก่อเหตุ ทำให้เธอต้องถอนแจ้งความดำเนินคดีในที่สุด

แม้ตอนนั้น คยอง-มี จะรู้ดีว่าการแจ้งความเอาผิดกับคนดังจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะถูกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติราวกับเป็นผู้ถูกล่าวหาว่ากระทำผิดเสียเอง

“ตำรวจหญิงบอกไม่ให้ฉันแจ้งความ เธอบอกว่ามันยากที่จะดำเนินคดีกับคนดัง”

“จากนั้นอัยการเรียกตัวฉันไปสอบสวน ไม่ใช่เขา พวกเขา (อัยการ) เอาแต่ถามฉันว่า ‘พวกคุณถ่ายคลิปเก็บไว้ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณชอบทำกันหรือ'”

“ฉันรู้สึกอับอาย และถูกขู่ให้กลัว จนฉันเองเริ่มคิดว่าฉันกำลังแจ้งความเอาผิดต่อผู้บริสุทธิ์”

หลังจากวันนั้น ต้องใช้เวลาอีก 3 ปีกว่าที่ความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับศิลปินดังรายนี้จะถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล

ตำรวจเกาหลีใต้ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับคลิปวิดีโอจำนวนมากในโทรศัพท์ของจอง จุนยอง ในปี 2019 และในที่สุดก็ออกหมายอายัดโทรศัพท์ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเขาได้แอบถ่ายคลิปตัวเองกำลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง 12 คน ซึ่งรวมถึงคยอง-มี แล้วส่งต่อคลิปเหล่านั้นให้เพื่อน ๆ ศิลปินดูในกลุ่มแชต

จอง จุนยอง ได้ยอมรับว่าทำผิดจริง พร้อมประกาศอำลาวงการบันเทิงในปี 2019 และปัจจุบันกำลังรับโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี

โฆษกตำรวจเกาหลีใต้บอกกับบีบีซีว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในคดีของคยอง-มี กำลังถูกสอบสวน

คำพูดอาจฆ่าคนได้

นับตั้งแต่จอง จุนยอง ถูกจำคุก คยอง-มี ก็ได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุนบ้าง แต่หากย้อนกลับไปในปี 2016 ตอนที่เธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเขา เธอกลับถูกโจมตีและคุกคามอย่างหนักทางออนไลน์ รวมทั้งจากคนใกล้ตัวของเธอเอง

“เพื่อน ๆ บอกว่าฉันทำลายชีวิตของจอง จุนยอง และไม่ว่าฉันจะเป็นทุกข์แค่ไหน แต่สื่อก็ยังเล่นข่าวของฉันตลอดเวลา”

“คนทั้งประเทศพูดเกี่ยวกับฉัน ไม่มีใครปกป้องฉันเลย”

คยอง-มี เรียกประสบการณ์ที่ตกเป็นจำเลยสังคมนี้ว่า “การตกเป็นเหยื่อซ้ำสอง” ซึ่งสังคมกล่าวโทษผู้ตกเป็นเหยื่อ แทนที่จะตำหนิผู้กระทำผิด

“การแสดงความเห็นจากความเกลียดชังเหล่านี้สามารถฆ่าผู้หญิงได้” เธอบอก

ตราบาปจากสังคม

น่าเศร้าที่ประสบการณ์เลวร้ายที่คยอง-มี ได้พบเจอไม่ใช่เรื่องแปลกในเกาหลีใต้

องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากเหยื่ออาชญากรรมทางเพศผ่านสื่อดิจิทัล และพบว่าคนเหล่านี้ต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม

มีข้อมูลว่า ระหว่างปี 2013 – 2018 มีการแจ้งความเหตุใช้กล้องแอบถ่ายภาพลามกอนาจารของผู้หญิงหรือเด็กหญิงในเกาหลีใต้กว่า 30,000 คดี

เฮเธอร์ บาร์ ผู้จัดทำรายงานฉบับดังกล่าวของฮิวแมนไรท์วอทช์ บอกกับบีบีซีว่า “เหยื่อที่เราสัมภาษณ์มีประสบการณ์เลวร้ายกับตำรวจคล้าย ๆ กัน”

บาร์ บอกว่า ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมประเภทนี้มักถูกตำรวจปฏิเสธรับแจ้งความ บางรายถูกปฏิเสธซ้ำหลายครั้ง หลายคนถูกสอบปากคำเกี่ยวกับประเด็นละเอียดอ่อนในพื้นที่สาธารณะเป็นเวลาหลายชั่วโมง ถูกตำรวจรังแกให้ถอนแจ้งความ และถูกขู่จะเอาผิดฐานหมิ่นประมาทหากไม่ทำตาม

“เรายังได้ยินเรื่องที่ตำรวจเก็บภาพถ่ายส่วนตัวที่เหยื่อให้ไว้เป็นหลักฐาน แล้วเอาไปเผยแพร่ทั่วโรงพักเป็นเรื่องสนุกในหมู่เพื่อนตำรวจ”

บีบีซีติดต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และโฆษกได้ออกหนังสือแถลงการณ์ว่าปัจจุบันได้มีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ รวมทั้งได้มีการตั้งทีมสอบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ขึ้นในทุกเมืองและทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจยังให้คำมั่นจะจัดการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่สม่ำเสมอ และจัดพนักงานสอบสวนเพศเดียวกับเหยื่อเพื่อให้ผู้เสียหายรู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อด้วย

สร้างความตระหนักรู้ในสังคม

รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ ซึ่งสำรวจความเห็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศผ่านสื่อดิจิทัลกว่า 500 ราย พบว่าประสบการณ์นี้ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง และนำไปสู่ความคิดฆ่าตัวตาย ยกตัวอย่าง หญิงสาวคนหนึ่งที่ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองหลังจากถูกเพื่อนร่วมงานแอบถ่ายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถหลุดพ้นจากตราบาปที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิดนี้ไปได้

คยอง-มี อยากให้สังคมเกาหลีใต้ได้ใคร่ครวญว่าพวกเขาควรมองเหยื่ออาชญากรรมทางเพศผ่านสื่อดิจิทัลอย่างไร

“เหยื่อไม่ใช่คนต่ำต้อยที่พวกคุณจะปฏิบัติไม่ดีได้ และพวกเขาก็ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อจากความโง่เขลาหรือความอ่อนต่อโลก…แต่เป็นเพราะพวกเขาโชคร้าย พวกคุณเองก็อาจตกเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน ถ้าคุณไม่โชคดีพอ”

หลังเผชิญกับประสบการณ์เลวร้าย เธอตัดสินใจปลีกวิเวกไปอยู่ในชนบท เพื่อเยียวยาจิตใจตัวเอง

“ฉันลาออกจากโรงเรียนในขณะที่รับความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ ฉันย้ายไปอยู่ในชนบทที่ไม่มีใครรู้จักฉัน และอ่านหนังสือเป็นพัน ๆ เล่มอยู่เงียบ ๆ คนเดียว…และการพูดคุยกับเหยื่อความรุนแรงทางเพศคนอื่น ๆ ก็ช่วยเยียวยาฉันด้วย” คยอง-มี เล่า

“ฉันทนความเจ็บปวดนี้ด้วยความหวังว่าความจริงจะปรากฏขึ้นสักวันหนึ่ง และสังคมจะมีความตระหนักรู้มากขึ้น”

“สังคมเกาหลีจำเป็นต้องทำมากกว่าแค่รับรู้ความเจ็บปวดของเหยื่อ และจัดตั้งระบบที่ช่วยคุ้มครองเหยื่อในทางกฎหมาย” เธอกล่าว

กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้บอกกับบีบีซีว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมทางเพศผ่านสื่อดิจิทัลให้มีความรุนแรงขึ้นกว่าในอดีตที่มักเป็นการตัดสินให้รอลงอาญา หรือเสียค่าปรับ เพื่อให้สาสมกับโทษที่ก่อและความทุกข์ที่เหยื่อต้องเผชิญ โดยเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีนี้