
เมื่อได้เบาะแสตำรวจจึงเชิญตัวนายเสริมมาสอบปากคำอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1998 ครั้งนี้นำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ เมื่อถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแฟนสาว นายเสริมแสดงพิรุธให้เห็นอย่างชัดเจน ในที่สุดก็ยอม คำรับสารภาพ หมอเสริม ว่าลงมือสังหารแฟนสาวเสียชีวิตไปแล้ว
นายเสริมอ้างว่า หลังจากพบกับแฟนสาวที่ห้างเวิลด์เทรดแล้ว มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน เนื่องจากเจนจิราบอกเลิก เหตุเกิดภายในรถยนต์ของผู้ตาย เกิดโมโหจึงบีบคอจนขาดใจตาย หลังจากนั้นจึงไปเปิดห้องพักในโรงแรมม่านรูด 99 ซอยรางน้ำ ลงมือชำแหละศพในอ่างอาบน้ำ แล้วทิ้งชิ้นส่วนศพลงในโถชักโครก
คำรับสารภาพ หมอเสริม ว่าตนเองเป็นฆาตกร ที่ฆ่าหั่นศพแฟนสาวของตัวเองไปแล้วจริง ๆ การทำแผน ประกอบคำรับสารภาพในชั้นแรกของเขา ยังเป็นที่คลางแคลงใจหลายฝ่าย เขาเล่าเป็นฉากเป็นตอนราวกับนิทานชั้นหนึ่งว่า
6 มกราคม พ.ศ.2541 ห้างเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ราชประสงค์
เสริม สาครราษฏร์ ชื่อเล่นว่า เอ นักศึกษาแพทย์ ปี 2 ของวชิระพยาบาลนัดพบ นางสาว เจนจินา พลอยองุ่นศรี นักศึกษาแพทย์รุ่นพี่ สถาบันเดียวกัน เพื่อปรับความเข้าใจเรื่องความรัก ที่ระหองระแหง ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่มีปากเสียงกันมาหลายครั้งหลายครา และยังตกลงเรื่องราวของความสัมพันธ์ในหัวใจที่ค้างคากันมานาน 2 ปี ไม่สำเร็จ
เจนจิรา เธอยังยืนยันขอแยกทางกับเสริม เพราะรู้สึกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นิสัยของฝ่ายชายเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าเข้ากันไม่ได้กับเธอ
เสริมตกใจกับคำปฏิเสธของหญิงสาว เขาตามง้อ วิงวอง เพราะเจนจิราเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักจนหมดหัวใจ เขาเดินตามสาวคนรักมาที่ลานจอดรถ ที่ค่อนข้างเงียบสงัดและลับตาคน และตามไปนั่งคุยต่อในรถของฝ่ายหญิง
เขาเกิดอารมณ์โกรธสุดขีด มันทำให้เขาขาดสติจนยั้งใจไม่อยู่ เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาลืมตัวบีบคอแฟนสาวจนตายคามือของเขา
แต่เมื่อสติหวนคืนกลับ เสริมตกใจกลัวสุดขีด ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาน่ะ มันรุนแรงแค่นั้นเขารู้ดี ชีวิตของเขา หน้าที่การงานของเขา จะถูกทำลายเพราะถูกจับฐานฆ่าคนไม่ได้
คิด คิด คิดสิ คิด????
เขานั่งรถข้างศพเจนจิรานาน 2 ชั่วโมงแล้วแผนการต่าง ๆ ถูกร่างขึ้นในสมอง เขากำลังหาวิธีทำลายศพแฟนสาว จะทำอย่างไรล่ะ เผา ทิ้งแม่น้ำ ฝังศพไว้ในป่าลึก เพราะถ้าไม่มีศพ ก็ไม่มีพยานหลักฐานที่เอาผิดได้
ทันใดนั้นเอง….เขาก็คิดได้…แต่กรรมวิธีนั้นมันสยดสยอง และหฤโหดสุดคณา
เขาขับรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน 8ษ-8580 กรุงเทพฯ ของเจนจิรา ออกลานจอดรถห้างเวิลด์เทรดในเวลาพลบค่ำ พาร่างที่ไร้วิญญาณของเจนจิราอยู่ในกระโปรงรถหลัง เขาตรงไปที่ประตูน้ำ และปลายทางลิ้นสุดลงที่ห้อง 156 ของโรงแรม 99 ในซอยรางน้ำ
หลังจากจ่ายค่าห้องแบบค้างคืนแล้ว เสริม สาครราษฏร์ ค่อย ๆ อุ้มศพของเจนจิรา เข้าไปในห้องน้ำ วางศพเธอที่แข็งตัวแล้วไว้ที่อ่างน้ำ ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออก
ตามปกติเสริมเป็นชอบพกมืด ขนาดยาวประมาณ 5 นิ้ว ไว้ในกระเป๋าสะพายติดตัวอยู่บ่อย ๆ มีดเล่มที่ลมกริบเล่มนั้น มันคือเครื่องมือสำคัญในการกำจัดศพของเธอ
เขาค่อย ๆ เฉือนอณูเนื้อของแฟนสาวออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามที่ร่ำเรียนมาจากคณะแพทย์ เขาเฉือนเสร็จ ก็ทิ้งลงในชักโคลก แล้วกดน้ำทิ้ง เขาทำเช่นนี้อยู่นาน 2 ชั่วโมง จนชักโคลกและท่อระบายน้ำเกรอะเริ่มอุดตันขากเศษเนื้อมนุษย์ จนเขาเริ่มวิตก
ต่อมาเขาขับรถกลับโรงแรมอีกครั้ง เขาซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาดับกลิ่น น้ำยาขจัดสิ่งอุดตัน ถุงดำใส่ขยะ ที่ปั๊มลมสำหรับโถส้วม ที่ร้านเซเว่นฯในละแวกนั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขากลับชำแหละศพของแฟนสาว แบบนอกตำราต่อจน ไม่มีอะไรเหลือ หัวกะโหลก และโครงกระดูกทุกชิ้ของเจนจิราถูกใส่ถุงดำถึง 3 ถุงใหญ่
แผนการขั้นต่อไปเขาคิดขึ้นมาได้ “กำจัดหัวกะโหลกและกระดูก” ทำลายหลักฐานทั้งหมดให้สิ้นซาก ที่ไหน อย่างไรดีล่ะ ???
เสริมตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่โรงแรม 99 แล้วเรียกแท็กซี่ กลับห้างเวิลด์เทรดฯ อีกครั้งเพื่อกลับไปเอารถของเขา แล้วไปจอดที่โรงแรมเฟิร์สต์ สี่แยกราชเทวี เพื่อไม่ให้มีพิรุธ และเป็นที่น่าสงสัยของห้าง
เขานั่งแท็กซี่ กลับไปที่โรงแรม 99 อีกเที่ยว แล้วนำถุงกระดูกของเจนจิราทั้ง 3 ถุง ใส่รถของเธอ ขับขึ้นทางด่วน ไปลงถนนบางนา- ตราด มุ่งหน้าต่อไปยังสะพานปะกง จอดรถที่กลางสะพาน ดูจนแน่ใจว่าไม่มีคนเห็น จากนั้นก็โยนถุงทั้งหมดทิ้งลงแม่น้ำปางปะกง เพื่อทำลายหลักฐาน
ลาก่อน เจนจิรา หากชาติหน้ามีจริง เราคงได้พบกัน
เสริมขับรถของเจนจิรา กลับมาโรงแรมเฟิร์สต์ อีกครั้งขนถ่ายเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของเธอ มาใส่รถของตัวเอง แล้วขับรถแฟนสาวไปทิ้งหน้าบริษัท ทีแอนด์ที โอเพ่นนิ่ง จำกัด ในหมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ
จากนั้นก็ต่อรถแท็กซี่ กลับเอารถของตัวเอง กลับไปหอพักเก็บของเสร็จสรรพแล้ว เขาไม่ยอมนอน เขาขับรถต่อไปยังบ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่งในย่านบางพลัด ถนนจริญสนิทวงศ์ เมื่อเวลาสว่างพอดี เขาขอให้เพื่อนล้างรถ เสร็จแล้ว
เดินทางไปหอพัก เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และขับรถไปบ้านเกิดที่จังหวัดชลบุรี เพื่อเผาทำลายเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเจนจิราจนหมดสิ้น
นำทรัพย์สินของเจนจิราไปทิ้งถังขยะหน้าโรงพยาบาลยันฮี แล้วไปหาเพื่อนที่บ้านพักย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ล้างรถแล้วกลับบ้านที่ จ.ชลบุรี ในวันรุ่งขึ้น นำเสื้อผ้าและของใช้อีกส่วนหนึ่งของแฟนสาวไปเผาทิ้ง
สิ้นควันไฟ เขาถอนหายใจ ทุกอย่าง ถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ไม่ให้ตำรวจสาวตัวมาถึงเขาได้ แน่นอนถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีศพ ก็ไม่มีใครเอาผิดเขาได้
ตำรวจเข้าค้นหาหลักฐานตามคำให้การของนายเสริม ซึ่งส่วนใหญ่พบหลักฐานตามที่ให้การ โดยเฉพาะรถยนต์มีคราบเลือด เส้นผม และกระดุมเสื้อของเจนจิราตกอยู่ ยกเว้นแต่ที่โรงแรมม่านรูด 99 ตำรวจไม่พบหลักฐานใดๆ แม้จะตรวจสอบบ่อเกรอะของโรงแรมก็ไม่พบชิ้นส่วนของเจนจิรา จึงเค้นเอาความจริงครั้งแล้วครั้งเล่า
จนยอมสารภาพอีกครั้งว่า จุดชำแหละศพอยู่ที่ห้องเลขที่ 604 พีเอสเฮาส์คอนโดมิเนียม โดยก่อนเกิดเหตุได้ชวนแฟนสาวไปติววิชาเรียนที่ห้องพัก ก่อนจะมีปากเสียงกันเรื่องผู้ชายคนใหม่ของเจนจิรา
ระหว่างทะเลาะกันเจนจิราเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อกลับออกมาก็ถูกนายเสริมใช้ปืนขนาด.38 ยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวาเสียชีวิตทันที ด้วยความกลัวจึงลงมือชำแหละศพทิ้งลงชักโครกทำลายหลักฐาน