
งานสมทบของนวนิยายชุด คอร์โมรัน สไตรก์
งานสมทบของนวนิยายชุด ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาโรว์ลิงได้พูดถึงการเขียนนวนิยายบันเทิงคดีอาชญากรรมอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งในงานเทศกาลหนังสือเอดินบะระปี 2007 เอียน แรนคินได้อ้างว่าภรรยาของเขาเห็นโรว์ลิงเขียนนวนิยายแนวนักสืบไว้อย่าง “ลวก ๆ” ที่ร้านกาแฟ ภายหลังแรนคินได้ออกมาถอนคำพูดพร้อมกับบอกว่ามันเป็นเพียงแค่มุกตลกของเขาเท่านั้น
แต่ข่าวลือก็ยังคงมีอยู่ต่อไปหลังมีรายงานในปี 2012 หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนได้ออกมาคาดการณ์ว่าหนังสือเล่มต่อไปของโรว์ลิงจะเป็นนวนิยายแนวบันเทิงคดีอาชญากรรม และจากการให้สัมภาษณ์กับสตีเวน ไฟรเมื่อปี 2005 ที่โรว์ลิงได้บอกว่าเธออยากจะเขียนหนังสือเล่มต่อ ๆ ไปด้วยชื่อปลอม แต่เธอเองก็ได้ยอมรับกับเจเรมี แพ็กซ์แมนไว้ตั้งแต่ปี 2003 ว่าหากเธอเขียนด้วยชื่อปลอมนักข่าวอาจจะรู้ได้ในทันที
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2013 สำนักพิมพ์ลิตเติ้ล บราวน์ได้ตีพิมพ์หนังสือ เสียงเพรียกจากคักคู ซึ่งเป็นหนังสือเล่มเปิดตัวของนักเขียนชื่อโรเบิร์ต กัลเบรธ โดยสำนักพิมพ์ได้กล่าวถึงประวัติของกัลเบรธว่าเป็น “อดีตตำรวจสอบสวนนอกเครื่องแบบของกรมตำรวจ เขาลาออกจากกรมเมื่อปี 2003 เพื่อเข้าทำงานในบริษัทคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” หนังสือเสียงเพรียกจากคักคูเป็นเรื่องราวของคอร์โมรัน สไตร์ก นักสืบเอกชนที่ได้รับการว่าจ้างให้ไขคดีการตายของนางแบบสาว
ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าเธอฆ่าตัวตาย หนังสือขายไปได้เกือบ 500 เล่มในรูปแบบปกแข็งจากยอดพิมพ์ทั้งหมด 1,500 เล่ม และได้รับคำชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์ และนักเขียนบันเทิงคดีอาชญากรรมอีกหลายคน นิตยสารพับลิชเชอร์ส วีคลี่ย์ได้วิจารณ์หนังสือเล่มนี้ว่าเป็น “การเปิดตัวที่เจิดจรัส” ในขณะเดียวกันหมวดนิยายลึกลับของไลบรารี เจอร์เนิล ได้ยกย่องหนังสือเล่มนี้ให้เป็น “การเปิดตัวแห่งเดือน”
อินเดีย ไนท์ นักเขียนนิยายและคอลัมนิสต์จากนิตยสารซันเดย์ ไทมส์ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าเธอได้อ่านเสียงเพรียกจากคักคูและคิดว่ามันเป็นนวนิยายที่ดีสำหรับการเปิดตัวครั้งแรก หลังจากนั้นได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อจู๊ด คาลิคการี (Jude Callegari) ได้ตอบกลับเธอไปว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ “โรว์ลิง” ไนท์ได้ถามเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ไนท์จึงได้แจ้งต่อไปยังริชาร์ด บรู๊ค บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของซันเดย์ ไทมส์ซึ่งก็ได้เริ่มหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากนั้นเขาพบว่าโรว์ลิงและกัลเบรธต่างมีทั้งตัวแทนและบรรณาธิการเป็นคนเดียวกัน จึงได้ส่งหนังสือไปให้นักภาษาศาสตร์ตรวจสอบ ซึ่งพบความเหมือนทางภาษาหลายอย่าง จากนั้นเขาได้ติดต่อตัวแทนของโรว์ลิงก่อนจะได้รับการยืนยันว่ากัลเบรธคือชื่อปลอมของโรว์ลิง
ไม่กี่วันหลังการเปิดเผยว่าว่าโรว์ลิงคือผู้เขียน ยอดขายหนังสือได้พุ่งขึ้นกว่า 4,000 เปอร์เซ็นต์ สำนักพิมพ์ลิตเติ้ล บราวน์จึงได้ตีพิมพ์หนังสือเพิ่มอีก 140,000 เล่มเพื่อตอบรับความต้องการของผู้อ่านที่เพิ่มขึ้น ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 หนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกพร้อมลายเซ็นที่ได้ขายออกไปในราคา 4,453 ดอลล่าร์สหรัฐ และมีการเสนอราคาไว้กว่า 6,188 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกพร้อมลายเซ็นซึ่งเหลือเป็นเล่มสุดท้าย
โรว์ลิงได้กล่าวว่าเธอรู้สึกสนุกกับการเขียนหนังสือภายใต้ชื่อปลอม โดยเธอได้อธิบายที่มาของชื่อนี้วไว้ในเว็บไซต์โรเบิร์ต กัลเบรธของเธอว่าชื่อมีที่มาจากโรเบิร์ต เคนเนดี ซึ่งเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของเธอและจากชื่อเอลล่า กัลเบรธ ชื่อที่เธอเคยอยากให้คนอื่นเรียกเธอเมื่อตอนยังเป็นเด็ก
ไม่นานหลังการเปิดเผย บรู๊คคิดว่าจู๊ด คาลิคการีอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของโรว์ลิง เพื่อเรียกความสนใจของสาธารณชนต่องานเขียนของเธอ โดยจูดี้ “จู๊ด” คาลิคการี เป็นเพื่อนสนิทกับภรรยาของคริส กอสเซจ ผู้ร่วมหุ้นของบริษัททนายความรัสเซลล์และตัวแทนด้านกฎหมายของโรว์ลิง
โรว์ลิงก็ได้ออกคำแถลงกล่าวว่าเธอรู้สึกโกรธและผิดหวัง ภายหลังรัสเซลจึงได้ออกมาขอโทษเรื่องข่าวหลุดและยืนยันว่าไม่ใช่แผนการตลาด และได้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิทหารในนามของโรว์ลิงเพื่อเป็นค่าชดใช้ทางกฎหมายแก่โรว์ลิง ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 สำนักงานควบคุมระเบียบทนายความ (SRA) ได้ออกมาตำหนิกอสเซจผ่านทางจดหมายและปรับเงินเขาอีก 1,000 ปอนด์ เนื่องจากการละเมิดกฎสิทธิส่วนบุคคลของลูกความ
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 โรว์ลิงได้ประกาศว่าหนังสือเล่มที่สองของชุดนวนิยายคอร์โมรัน สไตรก์จะวางแผงในเดือนมิถุนายน ปี 2014 และจะใช้ชื่อเรื่องว่า หนอนไหม เนื้อหาเกี่ยวข้องกับการสืบหาการหายตัวไปของนักเขียนที่เป็นที่จงเกลียดจงชังของเพื่อน ๆ จากการที่เขาได้เย้ยหยันเพื่อน ๆ ลงไปในนิยายเล่มใหม่ของเขา
ในปี 2015 โรว์ลิงได้กล่าวผ่านเว็บไซต์โรเบิร์ต กัลเบรธว่าหนังสือเล่มที่สามของชุดนวนิยายคอร์โมรัน สไตรก์ ว่า “จะมีแผนการวิกลจริตจำนวนมาก มากที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเขียนหนังสือมา” หลังจากนั้นในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2015 โรว์ลิงได้ประกาศว่าเธอเขียนจบแล้วและหนังสือจะวางแผงในช่วงปลายปี 2015 ใช้ชื่อเรื่องว่า Career of Evil ก่อนที่หนังสือภาคต่ออย่าง Lethal White และ Troubled Blood จะวางจำหน่ายในปี 2018 และ 2020 ตามลำดับ

งานสมทบของนวนิยายชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์
โรว์ลิงเคยพูดไว้ว่าคงเป็นไปได้ยากที่เธอจะเขียนหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มใหม่อีก ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2007 เธอได้บอกว่างานเขียนในอนาคตของเธอคงจะไม่ใช่แนวแฟนตาซี และถึงแม้เธอจะเคยให้สัมภาษณ์กับโอปราห์ วินฟรีย์ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ว่ามีความเป็นไปได้ที่หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มใหม่จะเกิดขึ้น แต่จากการสัมภาษณ์ล่าสุดกับรายการเดอะทูเดย์โชว์ เธอกล่าวว่าเธอไม่ได้กำลังเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มใหม่และคิดว่าหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มที่แปดคงจะไม่เกิดขึ้น
ในปี 2007 โรว์ลิงกล่าวว่า เธอมีแผนที่จะเขียนหนังสือสารานุกรมเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งรวบรวมเนื้อหาสาระและข้อความสำคัญต่าง ๆ ที่ยังไม่เคยได้ตีพิมพ์ โดยกำไรจากการขายทั้งหมดจะมอบให้แก่การกุศล[151] ในระหว่างงานแถลงข่าวที่โรงละครโกดักเธียเตอร์เมื่อปี 2007
โรว์ลิงได้ถูกถามถึงสารานุกรมของเธอว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหนบ้างแล้ว เธอได้ตอบกลับไปว่า “มันยังไม่ได้คืบหน้าไปถึงไหน และฉันก็ยังไม่เริ่มเขียน ฉันไม่เคยบอกว่ามันจะเป็นสิ่งต่อไปที่ฉันจะทำ” ปลายปี 2007 โรว์ลิงได้บอกว่า สารานุกรมเล่มนี้อาจต้องใช้เวลากว่า 10 ปีจึงจะเขียนเสร็จ
ในเดือนมิถุนายน ปี 2011 โรว์ลิงได้ประกาศว่าโครงการในอนาคตของแฮร์รี่ พอตเตอร์และการดาวน์โหลดทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด จะปรากฏอยู่บนเว็บไซต์พอตเตอร์มอร์เป็นหลัก ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลของตัวละคร, สถานที่และสิ่งของในจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ไว้กว่า 18,000 คำ
อิ๊กคาบ็อก
เมื่อปี 2006 โรว์ลิงประกาศว่าเธอกำลังเขียนหนังสือเทพนิยายการเมืองสำหรับเด็กเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจ โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้อ่านที่อายุน้อยกว่าผู้อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2007 เธอได้ระบุว่า “หนังสือสำหรับเด็กที่ตอนนี้เขียนเสร็จไปกว่าครึ่งก็อาจเป็นหนังสือเล่มต่อไปที่ฉันจะตีพิมพ์” ต่อมาในเดือนมีนาคม ปี 2008 โรว์ลิงกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าเธอได้กลับไปเขียนหนังสือที่ร้านกาแฟในเอดินบะระอีกครั้ง และตั้งใจจะเขียนนิยายสำหรับเด็กเรื่องใหม่ ซึ่งเธอยังยืนยันว่าเทพนิยายการเมืองสำหรับเด็กของเธอใกล้ที่จะสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม โรว์ลิ่งตัดสินใจเก็บร่างนิยายเรื่องดังกล่าวไว้ในห้องใต้หลังและไม่ได้นำมันออกมาตีพิมพ์จนกระทั่งเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงกลางปี 2020 เธอได้นำตัวร่างนิยายมาปรับปรุงและเผยแพร่ให้อ่านฟรีทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 ถึงวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ภายใต้ชื่อเรื่อง อิ๊กคาบ็อก ก่อนที่นิยายเรื่องดังกล่าวจะได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ซึ่งภาพประกอบที่ถูกนำมาใช้ร่วมกับตัวบทนั้นยังเป็นภาพที่ผ่านการคัดเลือกจากการประกวดออนไลน์ทั้งหมดอีกด้วย