
จนท.ปะทะวิสามัญโจรใต้ จากกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปิดล้อมป่าละเมาะกลางทุ่งนาพื้นที่ ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จนเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบอย่างดุเดือดตลอด 3 วันตั้งแต่วันที่ 14-16 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบถูกวิสามัญเสียชีวิต 7 ศพ ยึดอาวุธปืนคนร้ายได้ 9 กระบอก ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย นั้น
เหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับโจรใต้ ในป่าละเมาะกลางทุ่งนาใน หมู่บ้านบือแนจือแล หมู่ 2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพบคนร้าย 5 คน อาวุธครบมือกบดานอยู่แต่เกิดไหวตัวใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อแยกย้ายหลบหนี
จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 14 สค.ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ขอสนับสนุนกำลังเสริมเข้ามาปิดล้อมบริเวณโดยรอบกำชับพื้นที่ตลอดทั้งคืนทั้งวัน กระทั่งวันที่ 15 ส.ค. นำเฮลิปคอปเตอร์บินตรวจสอบพบคนร้าย 3 คนหลบอยู่ในทุ่งหญ้า
และยังใช้ปืนยิงใส่เฮลิปคอปเตอร์จนต้องบินออกจากพื้นที่ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ภาคพื้นที่ดินเข้าตรวจสอบจนเกิดยิงตอบโต้กันคนร้ายถูกวิสามัญอีก 2 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
จนท.ปะทะวิสามัญโจรใต้ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รอง แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ,พล.ต.ปิยะพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี และพ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.หน่วยเฉพาะกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุปะทะ
หลังได้รับรายงานว่าพบศพคนร้ายรายที่ 5นอนเสียชีวิตในทุ่งหญ้า หลังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัวเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 15 ส.ค. หลังวิสามัญคนร้ายรายที่ 3-4 แล้วหลบหนีมา กระทั่งเช้ามาพบเป็นศพ จากการตรวจสอบสภาพศพมีบาดแผลถูกยิง คาดว่าเสียชีวิตจากบาดแผลถูกยิงบาดเจ็บและพยายามหลบหนี ทั้งขาดน้ำอาหารจนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด โดยข้างศพยังพบปืนสงคราม 1 กระบอก จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่า ภารกิจตลอด 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีความพยายามปฏิบัติตามแนวทางของแม่ทัพภาคที่ 4 มาโดยตลอดด้วยการเจรจา โดยเชิญผู้นำท้องที่มาเจรจาให้ออกมามอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายยังคงยิงใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 3 วัน เจ้าหน้าที่ได้ยึดการบังคับใช้กฎหมายเป็นสำคัญ และดำเนินการจากเบาไปหาหนักตามขั้นตอนปฏิบัติ ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิตรายที่ 5 วันนี้ เชื่อว่าน่าจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แต่ไม่ยอมที่จะยอมแพ้หรือออกมามอบตัว ทั้งนี้ทุกคนเป็นห่วงแม้ว่าจะเป็นผู้กระทำผิดหรืออะไรก็ตาม เพราะถือว่าเป็นมนุษย์ด้วยกัน ต้องการให้ออกมาสู้ในกระบวนการยุติธรรมดีกว่าต้องมาสู้กันแบบนี้
พล.ต.ปราโมทย์ เผยอีกว่า ซึ่งผลการปะทะตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีคนร้ายเสียชีวิต 5 ราย ทราบชื่อแล้ว 3 ราย คือ นายมะซูกี สารูเมาะ อายุ 37 ปี หัวหน้าอาร์เคเค ระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิ 2 หมาย นายอันวา กอแล อายุ 28 ปี สมาชิกระดับปฎิบัติการ มีหมายจับ ป.วิ จำนวน 1 หมาย และนายมาสุวัน กะจิ อายุ 33 ปี อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ส่วนอีก 2 ราย ยังไม่ทราบชื่ออยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วย อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปืนเล็กยาวเอ็ม16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และยังคงตรวจสอบพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งอาวุธที่พบบางส่วนได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ตรวจสอบเพื่อขยายผลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคนร้ายถูกวิสามัญแล้ว 5 ราย แต่เจ้าหน้าที่ยังคงกำลังกระชับวงล้อมเข้าพื้นที่ต่อไปตามยุทธวิธี โดยตรวจค้นตามจุดต่างๆ รอบพื้นที่เกิดเหตุในระยะรัศมี 1-5 กม. เพื่อตรวจค้น หาหลักฐานอย่างละเอียดจนมั่นใจว่าพื้นที่จุดปะทะไม่มีคนร้ายหลบซ่อนอยู่อีกหรือจนกว่าแน่ใจแล้วว่าพื้นที่นั้นปลอดภัยแล้ว
วันเดียวกัน พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยกรณีเหตุปะทะในพื้นที่ ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับเน้นย้ำการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ให้ใช้ความระมัดระวังและพยายามที่จะบังคับใช้กฏหมายเพื่อนำคนผิดมาลงโทษตามกฏหมาย
แต่การปฏิบัติที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วยความยากลำบากเนื่องจากพื้นที่ที่คนร้ายหลบซ่อนตัวเป็นป่าละเมาะและทุ่งนาบริเวณกว้าง วันแรกและวันที่สองก็ได้มีการเจรจาโดยการนำผู้นำ 4 เสาหลัก ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น มาเกลี้ยกล่อมหลายรอบ แต่คนร้ายใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนนำไปสู่การวิสามัญ
ล่าสุดมีรายงานจากหน่วยความมั่นคงว่า เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงได้เข้าไปปิดล้อมตรวจค้นและตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณป่าละเมาะจุดปะทะ ปรากฏว่าพบพื้นที่บริเวณโดยรอบมีลักษณะคล้ายมีการฝังสิ่งของบางอย่าง จำนวน 9 จุดเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขุดขึ้นมาปรากฏว่า พบถังพลาสติกถูกฝังไว้ใต้ดิน
เมื่อเปิดดูพบว่าภายในมีอุปกรณ์ทำระเบิด ประกอบด้วย กล่องเหล็ก วงจรระเบิด ดินระเบิด และระเบิดชนิดขว้างที่ประกอบเสร็จแล้ว จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้นำออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทำการเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบรอยนิ้วมือแฝงและหาความเชื่อมโยงว่าสิ่งของทั้งหมดมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่
จากการตรวจสอบอุปกรณ์และชิ้นส่วนระเบิดที่ยึดได้ในครั้งนี้ เชื่อว่าหากนำมาประกอบระเบิดน่าจะได้ระเบิดแสวงเครื่องบรรจุกล่องเหล็กขนาด 3-5 กก. ประมาณ 15-20 ลูก ซึ่งจากการทลายแหล่งพักพิงครั้งนี้ ถือเป็นการปิดพื้นที่รังประกอบระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบ และยังสามารถกดดันกลุ่มสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ อ.ยะรัง. อ.มายอ จ.ปัตตานี และพื้นที่บางส่วนของ จ.ยะลาได้มาก
เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณริมชายป่าติดกับถนนเรียบคลองชลประทาน พื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง บ้านเกือลองแตยอ ต.ม่วงเตี้ย-บ้านวังกว้าง ม.5 ต.ป่าไร่ อ.เเม่ลาน จ.ปัตตานี ตรวจพบอุปกรณ์แผงวงจร จำนวน 18 ชิ้น
ประกอบพร้อมใช้งาน จำนวน 1 ชุด เชื้อประทุระเบิดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุงฮีโร่ จำนวน 1 เครื่อง ถ่าน AA และ ถ่าน 9 โวล์ต ประกอบชุด จำนวนหนึ่ง วิทยุสื่อสาร จำนวน 2 เครื่อง แบตเตอรี่วิทยุสื่อสาร จำนวน 5 ก้อน ท่ออลูมิเนียมตัดสั้น จำนวน 3 ชิ้น เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน เข้าพิสูจน์ทราบพร้อมเก็บหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป