จับ ศักดิ์ ปากรอ มือฆ่าแขวนคอ 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี ย้อนรอยคดีสุดสะพรึง กับวิธีการฆ่าสุดโหดเหี้ยม
จับเด็ก 3 คนมัดมือมัดเท้า แขวนคอต่อหน้าพ่อ ก่อนแขวนคอพ่อตาม และฆ่าแม่ทิ้ง เพียงเพราะต้องการเงิน 1 ล้านบาท และล่าสุดปิดตำนานมือฆ่า ศักดิ์ ปากรอ โดนมือปืนยิงตายที่หน้าบ้านพัก หลังออกจากคุก
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุการฆ่าหมู่ครอบครัว “บุญทวี” ซึ่งเมื่อตรวจสอบภายในบ้านพบศพของ นายประภาส บุญทวี อายุ 43 ปี หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านระวะ ต.ระวะ จ.สงขลา และลูกชายอีก 3 คน อายุไล่เรียงกันตั้งแต่ 13 ปี, 11 ขวบ และ 9 ขวบ ถูกแขวนคอห้อยกับราวบันได
ส่วนห้องนอนชั้นบนพบร่างของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของนายประภาส ถูกมัดมือมัดเท้า มีบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็งที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตประมาณ 12 ชั่วโมง
และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบเพียงร่องรอยรื้อค้นทรัพย์สินเต็มไปหมด ซึ่งตำรวจเชื่อว่าการฆ่ายกครัวครั้งนี้ไม่ได้ประสงค์เอาทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความแค้นกันบางอย่าง เพราะวิธีการฆ่านั้นเหี้ยมโหด และยังฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กซึ่งไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ด้วย

ส่วนศพที่ถูกแขวนตรงราวบันไดถูกผูกมัดด้วยปมเงื่อนแบบเดียวกัน เลยคาดว่าคนที่ลงมือสังหารต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เชือกเป็นพิเศษ
ส่วนการปูพรมจับคนร้ายนั้น เบื้องต้นตำรวจได้เบาะแสจากพลเมืองดีวัย 70 ปี ว่าพบวัยรุ่นต้องสงสัย 2 คน เข้าไปในบ้านพักของครอบครัวบุญทวี ช่วงค่ำของวันที่ 25 เมษายน โดยชายคนดังกล่าวเล่าว่า ตอนเย็นวันนั้นตนจะเข้าไปคุยกับหมอ (นายประภาส) แต่เห็นคนร้ายสองคนจับเด็ก ๆ มัดมือมัดเท้าเอาไว้ แต่ยังไม่แขวนคอ
ส่วนหมอยังไม่กลับบ้าน ตนกลัวมาก จึงเดินเลี่ยงกลับบ้านไม่กล้าบอกใคร ซึ่งคนร้ายเป็นวัยรุ่นชาย 2 คน คนหนึ่งผิวคล้ำ คนหนึ่งผิวขาว ซึ่งคนผิวคล้ำหันมาเห็นตน เขายังยิ้มให้ตนด้วย ตนไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน และตนมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนในละแวกนี้
จากเบาะแสของชายวัย 70 บวกกับร่องรอยการรื้อค้นข้าวของภายในบ้าน จนพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง พร้อมกับจี้เล็ก ๆ ของภรรยานายประภาสได้หายไป และที่สำคัญคือพระเครื่องจำนวนหลายร้อยองค์ที่นายประภาส จัดสร้างร่วมกับเจ้าอาวาสวัดป่าขาด หายไปไม่เหลือแม้แต่องค์เดียว
จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปนมัสการเจ้าอาวาสและได้เบาะแสมาอีกว่า เจ้าอาวาสได้มอบพระเครื่องแก่นายประภาสเกือบ 400 องค์ เจ้าหน้าที่เลยลุยแผนล่อเหยื่อให้ปลาตะครุบเบ็ด ด้วยการเช่าพระเครื่องรุ่นนี้มาแจกจ่ายผู้นำท้องถิ่นและตำรวจในพื้นที่ จ.สงขลา โดยหวังว่าให้พระรุ่นนี้เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อคนร้ายจะได้เอาพระเครื่องที่ขโมยมาออกมาจำหน่าย
จับ ศักดิ์ ปากรอ และในที่สุดปลาก็กินเบ็ด ทีมสอบสวนรับแจ้งว่า มีวัยรุ่น 2 คน ได้นำพระเครื่องรุ่นดังกล่าวไปขายให้กับผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา และพบเบาะแสวัยรุ่นทั้ง 2 คน หนึ่งในนั้น ชื่อ ศักดิ์ ปากรอ หรือ นายเรืองศักดิ์ ทองกุล อายุ 22 ปี บ้านอยู่ ต.ปากรอ อ.สิงหนคร และเมื่อขายพระได้ ก็นำเงินไปหาน้าสาวที่ จ.สงขลา
เมื่อตำรวจตามไปบ้านหลังนั้น ก็คลาดกับศักดิ์ ปากรอ แบบหวุดหวิด โดยน้าของศักดิ์ เผยว่า ศักดิ์ ปากรอ ได้เดินทางไป จ.กาญจนบุรี เพื่อจะไปอยู่กับน้าอีกคนที่นั่น งานนี้ตำรวจเลยนำกำลังอีกชุดลงพื้นที่ทันที และได้จับกุมตัว นายศักดิ์ ปากรอ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2540 ขณะยืนอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวของตัวเอง
หลังจากจับกุม นายศักดิ์ ปากรอ ได้เปิดปากรับสารภาพแบบไม่สะทกสะท้านว่า ตนเองเป็นคนลงมือฆ่า 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี โดยมีนายจ้อง เพื่อนวัยรุ่นเป็นคนช่วยดูต้นทาง ส่วนสาเหตุนั้นเป็นเพราะตนต้องการเงิน 1 ล้านบาท เพราะรู้ข่าวมาว่า นายประภาสขายที่ดินได้มา ส่วนวิธีลงมือฆ่านั้น นายศักดิ์ ได้ใช้อาวุธปืนจี้เด็ก ๆ ทั้ง 3 คน มัดไว้ก่อน ก่อนที่จะมัดนายประภาส ตามด้วยนางเจียมจิตที่กลับบ้านมาทีหลังก็ได้จับมัดไว้บนเตียงนอน
พร้อมกับข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนเงิน เมื่อนายประภาสไม่ยอมบอก ก็ได้ทำร้ายนางเจียมจิต และทยอยแขวนคอเด็ก ๆ ทั้ง 3 คน ต่อหน้าผู้เป็นพ่อ… แต่หลังจากที่สืบสวนกลับพบว่า นายประภาสไม่ได้มีเงิน 1 ล้านบาทแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ได้ขายที่ คาดว่าน่าจะบอกไปว่าไม่มีเงิน แต่นายศักดิ์ไม่เชื่อ
อย่างไรก็ดี คดีนี้ปิดฉากด้วยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิต นายศักดิ์ ปากรอ และจำคุกนายจ้องตลอดชีวิต แต่ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุกนายศักดิ์ตลอดชีวิต และขณะที่ นายศักดิ์ ปากรอ ถูกจองจำก็ได้รับการลดโทษมาโดยตลอด
