Skip to content
Home » News » จีนปิดปากเงียบต้นเหตุระเบิดเทียนจิน

จีนปิดปากเงียบต้นเหตุระเบิดเทียนจิน

จีนปิดปากเงียบต้นเหตุระเบิดเทียนจิน ทางการจีนยังไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุการเกิดระเบิดครั้งรุนแรงที่ท่าเรือในเมืองเทียนจิน แต่ยืนยันสารเคมีถูกพัดออกทะเลไม่ก่ออันตราย

จีนปิดปากเงียบต้นเหตุระเบิดเทียนจิน จนบัดนี้ยังเป็นปริศนาดำมืดว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของการระเบิดเขย่าเมืองเทียนจิน ประเทศจีน จนทำให้ท่าเรือพังพินาศย่อยยับ อาคารนับสิบหลัง รถยนต์ที่รอการขนส่งกว่า 1,000 คัน และสินค้าอีกนับไม่ถ้วนถูกเผาวอด ผู้คนกว่า 700 ชีวิตต้องได้รับบาดเจ็บ มีผู้เสียชีวิต 50 ราย และยังสูญหายอีกถึงจำนวนหนึ่ง

แรงระเบิดของอาคารโกดังเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย ที่ท่าเรือตงเจียง ยังมีขนาดเทียบเท่า TNT จำนวน 21 ตัน และทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนถึง 2.9 แมกนิจูด เกิดเปลวเพลิงรูปดอกเห็ดคล้ายระเบิดปรมาณูลอยสู่ท้องฟ้า กระทั่งดาวเทียมสำรวจอวกาศก็ยังสามารถมองเห็นได้

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง สั่งการว่า ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งหายนภัยในครั้งนี้ ส่วนนายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง สั่งให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่

จีนปิดปากเงียบต้นเหตุระเบิดเทียนจิน
https://mgronline.com/china/detail/9580000092744

หลังเกิดเหตุ ทางการจีนระดมสรรพกำลังเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดอีกครั้ง โดยส่งพนักงานดับเพลิงถึง 1,000 ชีวิต รถดับเพลิงอีก 143 คัน เข้าประจำการ รวมถึงตำรวจพร้อมอาวุธครบมืออีก 200 นาย กับผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามอาวุธเคมี

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ที่ต้องระดมกำลังครั้งใหญ่ เนื่องจากสถานการณ์ยังหมิ่นเหม่และไม่อาจคาดเดาได้

คำถามสำคัญก็คือ อะไรคือสาเหตุของระเบิดครั้งสะเทือนโลกที่เทียนจิน? แล้วเหตุใดทางการจีนจึงไม่ยอมเผยสาเหตุที่แท้จริงของหายนภัยดังกล่าว ว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากความตั้งใจของใครคนใดคนหนึ่ง?

เบื้องต้นมีข้อมูลระบุว่า ท่าเรือตงเจียงเป็นสถานที่ตั้งของโกดังและศูนย์กระจายสินค้าวัตถุอันตราย โดยเฉพาะจำพวกสารเคมี นอกจากนี้ บริษัท รุ่ยไห่ ผู้ประกอบการที่ท่าเรือดังกล่าว ยังเป็นผู้บริการขนส่งสินค้าอันตรายในสัดส่วนสูงถึง 70% ของสินค้าประเภทนี้ที่เข้าออกผ่านเมืองเทียนจินเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้มีพนักงานเพียง 70 คน มีรายได้เพียง 30 ล้านหยวน

ล่าสุด คณะผู้บริหารของบริษัทรุ่ยไห่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้แล้ว ขณะที่เว็บไซต์ของบริษัทได้ปิดทำการไปอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

ทั้งนี้ เทียนจินเป็นเมืองท่าที่คึกคักที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ทั้งยังอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งเพียง 120 กม. เป็นศูนย์กลางของการขนส่งสินแร่โลหะ ถ่านหิน ยานยนต์ และน้ำมันดิบ ซึ่งล้วนแต่เป็นวัตถุดิบสำคัญของภาคอุตสาหกรรม เหตุระเบิดครั้งใหญ่นี้จึงส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ส่งออก-นำเข้าของจีนและประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดการให้บริการที่ท่าเรือต้องยุติลงอย่างสิ้นเชิง

อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความกังวลอย่างมากคือ การแพร่กระจายของสารเคมีไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเขตที่พักอาศัยและย่านธุรกิจของเทียนจิน รวมถึงกรุงปักกิ่งที่อยู่ไม่ไกลกัน แต่ทางการจีนกลับไม่ชี้แจงเรื่องนี้ กระทั่งมีข่าวลือแพร่ในเครือข่ายเวยปั๋วและวีแชทว่า กระแสลมจะพัดพาสารเคมีจากเทียนจินมาถึงปักกิ่ง และจะทำให้เมืองหลวงของจีนเผชิญกับปัญหามลภาวะที่เลวร้ายหนักขึ้นไปอีก

ในเวลาต่อมา หลี่เสี่ยวฉวน ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนยืนยันว่า ขณะนี้มีกระแสลมพัดมาจากทิศตะวันตกมุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ผ่านปักกิ่งไปยังทะเลป๋อไห่ ในทิศทางของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะทำให้สารเคมีที่ฟุ้งกระจายในเทียนจินถูกพัดออกทะเลโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย

ขณะที่ เหวินอู๋รุ่ย ผู้อำนวยการสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแถลงว่า จากการตรวจสอบสถานีตรวจวัดอากาศไม่พบว่าสภาพอากาศได้รับผลกระทบจากการระเบิด แต่ยังต้องรอผลการตรวจสอบการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่า การจัดเก็บสารเคมีอันตรายที่โกดังอยู่ห่างจากย่านชุมชนมากพอหรือไม่ เหวินกลับไม่ตอบคำถาม และจบการแถลงข่าวลงอย่างฉับพลัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศซึ่งลงพื้นที่รายงานสถานการณ์ระบุว่า สภาพอากาศในพื้นที่เกิดเหตุเป็นพิษอย่างรุนแรง ถึงขนาดทำให้เกิดการอาการอาเจียน

สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่โกดังสินในเขตเมืองใหม่ปินไห่ของนครเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าทางภาคเหนือของประเทศจีน ในกลางดึกของวันพุธที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน! ระเบิดแผดเสียงดังกัปนาทสองครั้ง เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ตามลำดับ ทะเลเพลิงเผาผลาญทุกสิ่งอย่าง แรงระเบิดพังทำลายสิ่งต่างๆในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร บ้านเรือน โรงเรียน ถนนหนทาง เป็นต้น เปลวไฟ ควันมหึมาฟุ้งกระจายไปหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดบริเวณรอบๆจากจุดระเบิดในรัศมีสามกิโลเมตร

สื่อทางการจีนไชน่า เดลี่ รายงานความคืบหน้าล่าสุดในเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค. ระบุตัวเลขเหยื่อระเบิด ได้แก่ ผู้เสียชีวิต 112 คน ผู้บาดเจ็บ 721 คน ในกลุ่มผู้บาดเจ็บนี้ 33 คน มีอาการสาหัส ผู้สูญหาย 95 คนโดยเป็นพนักงานดับเพลิง 85 คน

จุดที่เกิดระเบิดมหาประลัยนี้ เป็นโกดังเก็บสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าวัตถุอันตรายของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นนัล โลจิสติกส์ (Rui Hai International Logistics Co. Ltd.)

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้พบคอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าวัตถุอันตราย ได้แก่ โซเดียมไซยาไนด์(sodium cyanide) ซึ่งประมาณกันว่ามีหลายร้อยตัน นอกจากนี้มีสารเคมีอันตรายชนิดอื่นในโกดังเดียวกันนี้ ได้แก่ โพแทสเซียมไนเตรต(potassium nitrate) หรือดินประสิว , แอมโมเนียมไนเทรต (ammonium nitrate)

สำหรับแอมโมเนียมไนเทรต นี้จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุระเบิด ใช้ทำระเบิดแรงดันสูง กลุ่มลัทธิก่อการร้ายนิยมนำมาใช้ทำระเบิดโจมตี

“หากเปรียบเหตุระเบิดที่เขตเมืองใหม่ปินไห่นี้ ดั่งสงครามแล้ว ก็เป็น “สงครามอาวุธเคมีสุดเถื่อน”!”

ภาพโศกนาฏกรรมความเสียหายจากเหตุระเบิดที่ปินไห่ นครเทียนจิน กลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ของกลุ่มสื่อทั่วโลก กลบกลื่นข่าวกิจกรรมรำลึก 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งตรงกับวันที่ 15 ส.ค.ปีนี้

https://www.posttoday.com/world/382057