
จุดเริ่มต้นหมากรุก บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ หนึ่งเหตุการณ์ที่สามารถบอกเล่าความคลั่งไคล้ต่อเกมหมากรุกของ บ๊อบบี้ ได้เป็นอย่างดี เกิดขึ้นในตอนที่เขาอายุ 19 ปี มีนักข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการหมากรุกมานานนามว่า เฮนรี่ สต็อกโฮลด์ ได้พา บ๊อบบี้ ไปซื้อบริการโสเภณี เพื่ออยากให้เขาได้รู้จักรสชาติอื่นของชีวิตบ้าง แต่เมื่อเสร็จกิจ บ๊อบบี้ กลับพูดว่า
“หมากรุกดีกว่าตั้งเยอะ”
จุดเริ่มต้นหมากรุก บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ หลังจากที่รู้จักกับหมากรุกได้ไม่นาน บ๊อบบี้ ก็เริ่มโชว์ความอัจฉริยะในเกมชนิดนี้ให้โลกได้ประจักษ์ เพราะเมื่ออายุเพียง 12 ปี บ๊อบบี้ ก็กลายเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดใน Manhattan Chess Club สมาคมนักเล่นหมากรุกที่โด่งดังที่สุดในนิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อย โดยทุกคนต่างขนานนาม บ๊อบบี้ ว่า “เด็กชายหุ่นยนต์” (The Robot Boy)
“บ๊อบบี้เป็นฟองน้ำ ทุกครั้งที่เขาเดินเข้าไปในคลับเขาจะสังเกตทุกคนในห้อง จดจำทุกสิ่ง เรียนรู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ดูดซับเข้าสู่ตัวเอง” อัลเลน คัฟแมน (Allen Kaufman) หนึ่งในเพื่อนสมัยเด็กของ บ๊อบบี้ เล่าย้อนความหลัง
หลังจากนั้นหนึ่งปี เมื่ออายุ 13 บ๊อบบี้ ก็กลายเป็นแชมป์การแข่งขันหมากรุก United States Junior Championship ที่เด็กที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปีต่อมา บ๊อบบี้ ไม่เพียงป้องกันแชมป์ประเภทเยาวชนสำเร็จ แต่เขายังสามารถคว้าแชมป์ United States Championships ซึ่งเป็นการแข่งขันประเภทบุคคลทั่วไปได้อีกด้วย โดยตลอดการแข่งขัน 13 เกมในเส้นทางของการคว้าแชมป์ เขาชนะไปถึง 8 เกม เสมอ 5 เกม และไม่แพ้แม้แต่เกมเดียว
หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของ บ๊อบบี้ คือการเอาชนะ โดนัลด์ ไบรน์ หนึ่งในนักหมากรุกฝีมือดีที่สุดของสหรัฐอเมริกาในเวลานั้น ซึ่งอายุมากกว่าตัวเขาถึง 3 เท่า โดยเกมดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็น “เกมแห่งศตวรรษ” เลยทีเดียว
“เขาตอบโต้การเล่นของผมได้อย่างยอดเยี่ยม เขายอมเสียสละควีนเพื่อที่จะเอาชนะผม บ๊อบบี้ ไม่เคยแอบซ่อนแผนการในใจ เขาโจมตีมาตรงๆ เสมอ เขาทำทุกอย่างบนกระดานให้ดูง่าย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลย” ไบรน์ ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี เขายอมแพ้ตั้งแต่ตัวหมากของเขายังนำอยู่ด้วยซ้ำ คนทั่วไปอาจจะดูไม่ออก แต่เขารู้ดีว่าขืนเล่นต่อไปยังไงก็ต้องตกเป็นเหยื่อให้ บ๊อบบี้ บดขยี้อย่างแน่นอน
ในฝั่งของ บ๊อบบี้ หลังจากที่กลายเป็นยอดฝีมือที่ทุกคนจับตามอง พฤติกรรมของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงทีละน้อย เขากลายเป็นคนโผงผาง หยิ่งยโส ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง
“ผมรู้สึกมีความสุขมากที่เห็นคู่ต่อสู้ต้องดิ้นรน และทิฐิอัตตาทุกอย่างในจิตใจพังทลายลงมา” นี่คือสิ่งที่ บ๊อบบี้ กล่าวหลังจากได้รับชัยนะ
ในเรื่องพฤติกรรมของ บ๊อบบี้ ได้มีนักจิตวิทยาสมัยใหม่หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า เดิมทีการที่ บ๊อบบี้ เป็นคนโดดเดี่ยว นั่นทำให้เขายึดติดกับสิ่งเดียวในชีวิตอย่างหมากรุกเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากแพ้ … ไม่สิ จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจจะพังทลายลงมา และยิ่งเขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็สนใจแต่เรื่องหมากรุกของเขา ยกย่องเขา โดยมองข้ามแง่มุมหรือมิติอื่นของชีวิตเขาไป สิ่งนี้ทำให้ บ๊อบบี้ ที่โดดเดี่ยวอยู่แล้ว ยิ่งโดดเดี่ยวขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามชีวิตของ บ๊อบบี้ ที่เริ่มแย่ก็พอที่จะเลี้ยวกลับเข้ามาสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้ ถ้าความอัจฉริยะด้านหมากรุกไม่นำพาเขาเข้าสู่การเป็นเครื่องมือในเกมการเมืองเสียก่อน
หัวใจที่โดนรุกฆาต
หลังจากเริ่มมีชื่อเสียงด้านการเล่นหมากรุก บ๊อบบี้ ก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนในวัย 16 ปี เพื่อทุ่มเทให้กับการเล่นหมากรุกอย่างเต็มที่ และก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่เขาได้รับคำเชิญจากสหภาพโซเวียต ซึ่งถือเป็นประเทศที่เป็นราชาด้านหมากรุก

ในปี 1958 บ๊อบบี้ ได้รับคำเชิญโดยตรงจาก นีกีตา ครุชชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตในขณะนั้น ให้มาเข้าร่วมการแข่งขัน World Youth and Student Festival โดยสาเหตุที่ บ๊อบบี้ ได้รับคำเชิญก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องอื่นไปได้ นอกจากการที่ช่วงเวลาดังกล่าว “สงครามเย็น” ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตกำลังคุกรุ่น ทั้งสองประเทศแข่งขันในทุกๆ ด้าน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องหมากรุก และก็เป็นสหภาพโซเวียตที่ยิ่งใหญ่กว่ามาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่ามียอดฝีมือรุ่นเยาว์จากสหรัฐอเมริกาปรากฏตัว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่อยากจะเห็นฝีมือการเล่นด้วยตาตัวเอง
เมื่อมาถึงกรุงมอสโก บ๊อบบี้ ถูกพาตัวไปยัง Central Chess Club และถูกจับประลองฝีมือกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของสหภาพโซเวียต 2-3 คน ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา บ๊อบบี้ จัดการทุกคนที่ขวางหน้าได้ง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปาก … แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายของเขา บ๊อบบี้ มาถึงที่นี่เพื่อต้องการประมือกับ มิคาอิล บอทวินนิก แชมป์โลกหมากรุกของสหภาพโซเวียต แต่สุดท้ายคำร้องขอของเขาก็ถูกปฏิเสธ บ๊อบบี้ จำใจต้องเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาด้วยความผิดหวัง
“ผมเบื่อหน่ายกับพวกหมูรัสเซียพวกนี้ ผมไม่ชอบการที่เขาปฏิบัติกับผมเลยแม้แต่น้อย” บ๊อบบี้ แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวดังกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดตามสไตล์
เมื่อกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บ๊อบบี้ ก็ยังคงใช้ชีวิตหมกมุ่นกับเกมหมากรุกเหมือนเช่นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือหลังจากนั้นไม่นาน เรจิน่า ผู้เป็นแม่ก็ได้ย้ายออกไปโดยไม่ทราบเหตุผล ส่วน โจแอน ที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็ย้ายออกไปเช่นกัน ดังนั้นจากเดิมที่เคยอยู่กัน 3 คนแม่ลูก ตอนนี้ บ๊อบบี้ ต้องอาศัยอยู่ด้วยตัวคนเดียวแล้ว แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเท่าไร
“ผมมีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำที่ไม่มีเธออยู่ด้วย เราไม่ได้มองหน้ากันมานานแล้ว ผมอยากกำจัดเธอออกไป” บ๊อบบี้ กล่าว
ฝีมือหมากรุกของ บ๊อบบี้ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับสภาพจิตใจที่ดิ่งลงเหว ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากความโดดเดี่ยวที่สมาชิกครอบครัวเพียงไม่กี่คนที่มีได้จากเขาไปแล้ว ทำให้หลังจากนั้นมีหลายครั้งที่ บ๊อบบี้ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ด้วยคำพูดที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าระบบความคิดตรรกะของเขาผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว
“มีคนยิวมากเกินไปแล้วในเกมหมากรุก พวกนั้นทำให้ศักดิ์ศรีของเกมนี้ต่ำลง ที่สำคัญพวกนั้นยังแต่งตัวได้ห่วยสิ้นดี ผมไม่ชอบเลย” บ๊อบบี้ กล่าวในนิตยสาร Harper
สาเหตุที่ บ๊อบบี้ เกลียดชาวยิว ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นคนเชื้อสายยิวนั้นมีสาเหตุอยู่ …
“เขาบอกกับฉันว่าตอนเด็กๆ แม่ของเขามักจะพาเพื่อนชาวยิวมาที่บ้านเสมอ และพวกเขาก็คุยกันอย่างไม่รู้จักจบ มันรบกวนการเล่นหมากรุกของเขาโดยตรง”
“สาเหตุที่เขาแสดงทัศนคติแปลกๆ ออกมาเพราะอยากให้คนสนใจเขา ถ้าใครสักคนไม่สามารถบอกสิ่งที่อยู่ในจิตใจให้คนอื่นเห็นได้ เขาจะฉายภาพนั้นออกมาให้ทุกคนได้เห็น” หญิงสาวไม่เผยชื่อคนหนึ่งที่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ บ๊อบบี้ กล่าวกับ The Guradian
นอกจากเหยียดเชื้อชาติแล้ว บ๊อบบี้ ยังแสดงทัศนคติเหยียดเพศออกมาแบบตรงๆ อีกด้วยในบทสัมภาษณ์เดียวกัน
“เมื่อผู้หญิงเข้ามาในคลับหมากรุก ก็ได้เปลี่ยนที่แห่งนั้นให้กลายเป็นเหมือนโรงพยาบาลบ้า”
“พวกเธอทุกคนอ่อนแอและโง่เมื่อเทียบกับผู้ชาย พวกเธอไม่ควรเล่นหมากรุก ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกชนะผมได้ต่อให้ผมเล่นโดยไม่ใช้อัศวินด้วยซ้ำไป”
กลับกันในเส้นทางการเป็นนักหมากรุก บ๊อบบี้ ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง โดยในระหว่างปี 1957-1967 เขาคว้าแชมป์ในประเทศสหรัฐอเมริการวมกันได้มากถึง 8 รายการ และหลังจากนั้นในปี 1970 เขาก็เอาชนะ ทิกราน เปโตรเซียน อีกหนึ่งยอดฝีมือจากสหภาพโซเวียตในการแข่งขัน World Championship of Lightning Chess ณ ประเทศยูโกสลาเวีย ได้สำเร็จ
วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 1958 วันที่ประมาณการ