Skip to content
Home » News » ซานติก้าผับ คืนเคานต์ดาวน์มรณะ

ซานติก้าผับ คืนเคานต์ดาวน์มรณะ

ซานติก้าผับ
https://hilight.kapook.com/view/118337

ท่ามกลางค่ำคืนที่สนุกสนาน นักท่องราตรีจำนวนมากต่างเดินทางเข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่ากันยัง ซานติก้าผับ อันเป็นสถานบันเทิงระดับแนวหน้าของไทย ซึ่งในคืนวันเกิดเหตุมีความพิเศษอยู่ที่เป็นคืนอำลาของซานติก้าผับ ก่อนปิดให้บริการ โดยมีการจัดคอนเสิร์ต เล่นเกม และแจกไฟเย็นให้เหล่านักเที่ยวได้ร่วมจุดฉลองกันในค่ำคืนนั้น

แต่แล้วความสนุกสนานกลับแปรเปลี่ยนเป็นเหตุร้ายในชั่วข้ามคืน เมื่อเปลวไฟได้ถูกจุดขึ้น และลุกลามไปตามโครงสร้างของอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักอย่างรวดเร็ว กระทั่งภายในเวลาไม่กี่นาที ความชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้น

เสียงไซเรน…. เสียงหวอรถดับเพลิง รถอาสาหน่วยกู้ภัย รถพยาบาล ประสานเสียงดังสนั่นโหยหวนปลุกให้ผู้คนในย่านนั้น ขาเที่ยวต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ พร้อมกับคำถาม “มันเกิดอะไรขึ้น ไฟไหม้ที่ไหน” รถแต่ละคันห้อตะบึ่งเหยียบคันเร่งจมมิด ขับแหวกกลางถนนเสียงสีเส้นสุขุมวิท-เอกมัย มุ่งหน้าจุดหมายเดียวกัน “ซานติก้าผับ”

ย่างเข้า 1 ม.ค.52 ณ เวลา 00.20 น.เพียงชั่วข้ามคืน ยามราตรีอันศิวิลัยเสียงสีสว่างไสวเปรียบประหนึ่งเป็นช่วงเวลากลางวัน ณ ใจกลางกรุงย่านเอกมัย ซอยทองหล่อ 9-11 สถานบันเทิง “ซานติก้าผับ” ท่ามกลางเสียงไฟสลัว กะพริบ ระยิบระยับ นักท่องราตรีไทย-เทศ สนุกสนานชูมือโยกเอวส่ายสะโพก โยกตัวเขย่าหัวให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลงกันอย่างเมามันสุดเหวี่ยง เสียงโฮร้องสลับกับเสียงกรี๊ดด้วยความสะใจ ถูกใจในจังหวะเพลง เหล่านักท่องราตรี ร่ำสุรากันเต็มที่

ราตรีนี้ยังยาวไกล นักดื่ม นักเที่ยว กำลังสรวงเสเฮฮาเสียงเซ็งแซ่ตะเบ่งคุยกันแข่งกับเสียงเครื่องดนตรีบนเวที ที่บรรเลงกันอย่างเร้าร้อน เร้าใจ กระตุ้นต่อมแอลกอฮอล์ให้เกิดความคืกคัก สร้างความคึกคะนอง 

แต่ใครจะรู้บ้างเล่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมามัจจุราชที่เฝ้าจ้องมองพฤติกรรมของทุกคน จะมากระชากวิญญาณไปจากร่างอย่างไม่รู้ตัว หลังจุดพลุ จุดไฟเย็น เฉลิมฉลองเคานต์ดาวน์นับถอยหลัง 9..8..7..6..5..4..3..2..1.. เพื่อโบกมือลาปีเก่า เข้าสู่ปี 2009 ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง 

ห้วงเวลาดื่มด่ำความสุขที่ทุกคนกำลังเสพกันอย่างเมามันเอร็ดอร่อย และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟในผับดับพรึ่บ เสียงเพลงสงบนิ่ง พระเพลิงลุกโหมไหม้ภายในผับ สะเก็ดไฟบนเพดานตกมาสู่พื้น นักเที่ยวทั้งหลายถูกไฟลวกตามร่างกาย เสียงหวีดร้อง! ระงมขอความช่วยเหลือ 

“ทางออกอยู่ไหน มันมองไม่เห็นทางเลย” หลากหลายเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของบรรดานักเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาแออัด กับวันฉลองปีใหม่ และกู๊ดบายซานติก้า เพราะเป็นวันสุดท้ายที่หมดสัญญา ทุกคนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน พยายามดิ้นรน แก่งแย่งกันหาทางออกกันสุดชีวิต 

เสียงหวีดร้อง เสียงสำลักควัน ดิ้นทุรนทุรายจากความร้อน เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดแสบ ปวดร้อนก่อนสิ้นลมหายใจ ดังกึกก้องกลางเปลวเพลิง ควันไฟ หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งพยายามตะเกียก ตะกาย กรุยทางใช้ฝ่ามือตบ ตะปรบลูกไฟ เพื่อนำทางออกจากซานติก้านรก แต่อนิจจากลับถูกเหยียบนอนตายเกลื่อนไหม้เกรียมหน้าทางออกอย่างน่าอนาถ

ความโกลาหลวุ่นวายในผับที่มืดมิด มีเพียงเสียงไฟจากเพลิงที่ลุกโชติช่วงลุกล่ามเผาไหม้ไปทั่วตัวอาคารซานติก้าอย่างรวดเร็ว ควันที่พวยพุ่งวิ่งหาทางออกตามช่องต่างๆ ทั้งเขม่าควันปกคลุม เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เพดานซานติก้าพังครืนทรุดตัว เสียงร้องโอดโอยที่ถูกไฟลวกตามตัว มันโหยหวน แข่งกับเสียงพังถล่มของตัวอาคาร เสียงถังแก๊สในห้องทำอาหารระเบิด กระแสลมด้านนอกพัดกรรโชกแรง กระพือโหมไฟลุกโชนเผาสดร่างมนุษย์เต็มที่ 

เพลิงเผาซานติก้าผับนานนับกว่าชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ผนังอาคารพัง เพื่อเปิดทางให้หน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยคนข้างในให้รอดตายได้ และเข้าไปค้นหาศพที่ตายขนลำเลียงออกมา 

จวบจนรุ่งเช้าวันใหม่ 05.30 น. 1 ม.ค.52 หญิงสาววัย 19 ปีที่รอดตาย เล่าพรางสะอื้นร่ำไห้“เพดานมันยุบพังลงมาข้างในมืดมาก สำลักควันจนแสบคอ วินาทีนั่นคิดแต่ว่าต้องไม่ตาย เราต้องรอด เหมือนในหนัง ไฟร้อนจ่อรนไปทั่วร่างเห็นติดตา ฮือ ฮือฮือฮือ!” หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูไหลไม่หยุด กับความตื่นตระหนกหวาดกลัว 

“ผมกำลังยื่นแก้วชนกับน้องผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เหมือนมีความร้อนตกใส่แขน” ชายหนุ่มยังอยู่ในอาการตกใจสุดขีดละล่ำละลักพูด

“เมื่อเงยหน้ามองเพดานเห็นไฟกำลังไหม้ขยายวงกว้าง แล้วมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก ผมหายเมาเป็นปลิดทิ้ง” เค้าเล่าด้วยความกลัว

อีกมุมหนึ่งของบริเวณด้านหน้า “ซานติก้าผับ” ที่เหลือแต่ซากปรัก หักพังจากเพลิงไหม้ ร่างของนายพลหน้ากลมตี๋ขาวแป้น เสมือนทาแป้งประร่ำ โป๊ะหน้าไว้ตลอดเวลา ได้เดินตรวจตราสำรวจความเสียหายตะโกนสั่งงานเสียงดังละรัว รวดเร็วชัดถ่อย ชัดคำ 

“เป็นไงเจอแล้วกี่ศพ ข้างในมีคนของเราเข้าไปช่วยเหลือออกมาหมดหรือยัง” พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ถามจนท.ที่ควบคุมดูแลอย่างใส่ใจ เจ้าหน้าที่รายงานนายทันที “เจอคนตาย 58 ศพ กำลังขนย้ายออกมาวางข้างนอกครับทั่น” แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปช่วยด้านในต่อ

นายตำรวจใหญ่ผู้มีผลงานสามารถสรุปปิดสำนวนคดีอาชญกรรมรวดเร็วบ่อยครั้ง หันมาพูดกับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้า “ผมสะเทือนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนะ มันเป็นอุทาหรณ์สถานที่เที่ยว เออ! ในเรื่องนี้เราต้องเร่งตรวจสอบความเป็นจริงว่าไง สาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่”

เมื่อไฟนรกโลกันต์ มอดไหม้ดับสนิท แต่ญาติพี่น้องของผู้ที่เคราะห์ร้ายถูกไฟเผาผลาญร่างอันไร้วิญญาณ เหลือเพียงเถาถ่าน ยังคงหาศพญาติที่สูญหายไปกับเปลวเพลิงไม่เจอ 

คืนอันหนาวเย็น วังเวง“พี่ยามๆๆๆๆ หนูอยู่ชั้น 2” ยามที่เฝ้าสุสานซานติก้า หันไปมองตามเสียงเค้าเห็นผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาดียืนอยู่บริเวณซุ้มประตูชั้นลอย เค้าเดินไปดูแต่ไม่พบอะไร เสียงหมาหอนรับกันเป็นช่วงๆๆ อากาศพัดเย็นเฉียบผ่านใบหน้าเค้า ขนหัว ขนแขนลุกตั้งชันนานและนาน “บรูว์ว์วววววๆๆๆๆๆ” เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอด ๆๆ 

เค้านั่งภาวนาให้เช้าเร็วๆ เพื่อเพื่อนจะได้มาเปลี่ยนกะ เค้าเผลองีบหลับเพลินจนเช้าไม่รู้ตัวเพื่อนมาสะกิดให้ตื่น เค้าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เพื่อนฟังและชวนกันไปดูจุดที่หญิงสาวเรียกอีกครั้ง ใช้ไม้เขี่ยดูที่กองขี้เถ้าพบชิ้นส่วนกระดูกข้อมือขวา กะโหลกศีรษะ กระดูกท่อนแขน 3-4 ท่อน ข้อมือ โทรศัพท์มือถือไอโฟน ของศพผู้ตายในกองเพลิง เค้ารำพึงกับตัวเองเบาๆ คงไม่รู้ว่าตัวเองจะตาย ไปสู่สุคติเถอะสาวน้อย

เมื่อสืบค้นขุดคุ้ยลึกลงไปก็พบว่า ซานติก้าขออนุญาตสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้เป็นบ้านพักอาศัย แต่ดัดแปลงมาสร้างเป็นผับ มีพื้นที่ภายในกว้าง 500 ตารางเมตร จุคนได้เต็มที่เพียง 500 คน แต่ในวันเกิดโศกนาฎกรรมมีคนเรือนหมื่นเข้าไปเที่ยว เมื่อเกิดเพลิงไหม้ต้องสังเวยทั้งหมด 66 ศพ