ธนาธร ซัด บิ๊กตู่ เคยเตือนแล้ว แผนจัดหาวัคซีนรัฐบาล เสี่ยงล่าช้า วันที่ 28 พ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก “ประชาชนพร้อม วัคซีนไม่พร้อม” ตอกย้ำ รัฐบาลบิ๊กตู่ ยัน เคยบอกแล้ว เมื่อ ม.ค. แผนการจัดหาและกระจายวัคซีนของรัฐบาล มีความเสี่ยง วัคซีนจะล่าช้า และมีวัคซีนให้ประชาชนเลือกน้อยเกินไป เวลาผ่านมาถึงกลางปี วิกฤตการณ์โควิดไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่ยิ่งหนักหนา ดิ่งลึกยิ่งขึ้น อนาคตประเทศชาติดูมืดมนกว่าเดิม
คืนนี้ 21.00 น. ผมจะมาอธิบายให้ทุกท่านฟังว่าสถานการณ์วัคซีนล่าสุดของรัฐบาลอยู่ในขั้นอันตรายร้ายแรงขนาดไหน หวังว่าจะรับฟังผมบ้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปมากกว่านี้
ประชาชนพร้อม วัคซีนไม่พร้อม: สถานะ ปัญหา และทางออกจากวิกฤตวัคซีน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้ออกมาแสดงความกังวลถึงแผนการจัดหาและกระจายวัคซีนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า มีความเสี่ยงที่วัคซีนจะล่าช้า และมีวัคซีนให้ประชาชนเลือกน้อยเกินไป คำเตือนและข้อเสนอแนะของผมเกิดจากความเป็นห่วงและความหวังดี อยากให้พี่น้องประชาชนได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิดโดยเร็ว
แต่เวลาผ่านมาถึงกลางปี วิกฤตการณ์โควิดไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่ยิ่งหนักหนา ดิ่งลึกยิ่งขึ้น อนาคตประเทศชาติดูมืดมนกว่าเดิม จากโควิดระลอกสาม วัคซีนที่ล่าช้า ไม่หลากหลาย การสื่อสารที่สับสนอลหม่านของรัฐบาล และภาวะผู้นำที่ล้มเหลว
คืนนี้ 21.00 น. ผมจะมาอธิบายให้ทุกท่านฟังว่าสถานการณ์วัคซีนล่าสุดของรัฐบาลอยู่ในขั้นอันตรายร้ายแรงขนาดไหน และขอส่งคำแนะนำไปยังคุณประยุทธ์อีกครั้ง
หวังว่าจะรับฟังผมบ้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ดีอีขอให้ศาลสั่งระงับเผยแพร่คลิปไลฟ์นั้น ศาลได้ยกเลิกคำสั่งแบนไลฟ์ดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงการวิจารณ์นโยบายการจัดการวัคซีนของรัฐบาลที่ธนาธรเห็นว่าล่าช้าไม่ทันการณ์เช่นนี้จะกระทบต่อปากท้องประชาชน และการที่รัฐบาล “แทงมาตัวเดียว” สนับสนุนเงินทุนให้บริษัท Siam Bioscience ของในหลวงวชิราลงกรณ์ให้เป็นผู้ผลิต และรับซื้อวัคซีนจำนวน 98.5% จากบริษัท AstraZeneca เพียงเข้าเดียว ณ ขณะนั้น ถ้าหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต การจัดส่ง การกระจาย หรือคุณภาพวัคซีน อาจกระทบกระทั่งต่อเกียรติยศต่อพระมหากษัตริย์ได้ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร?
แต่แม้ว่าศาลจะปลดแบนแล้ว แต่รัฐบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ ยังคงดำเนิน ม.112 คดีเพื่อปิดปากธนาธร แถมยังออกมายืนยันนโยบายวัคซีนของตนเองอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันว่าที่เราไม่เข้าร่วมโครงการวัคซีน COVAX นั้นเป็นเพราะไทยไม่ใช่ประเทศยากจน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สั่งจองวัคซีนให้มากเพียงพอโดยอ้างว่าเราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย รวมทั้งติดระเบียบราชการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างเต็มไปหมด ไม่สามารถสั่งจองวัคซีนล่วงหน้าได้ ฯลฯ
รวมถึงการยืนยันอย่างแข็งขันว่าดีลวัคซีน AstraZeneca และ Siam Bioscience นั้นไม่ใช่ “แทงม้าตัวเดียว” แต่เป็น “แทงม้าเต็ง” และแผนวัคซีนทั้งหมดนั้นอยู่ในเวลาที่เหมาะสม เพราะเราไม่รีบร้อน “วัคซีนจะมาช้าหรือเร็ว แทบไม่ได้มีผลกับคนไทย เพราะเรามีหน้ากากอนามัย-หน้ากากผ้า ในการป้องกันอนามัยส่วนตัว ไม่ต้องเจ็บจากการฉีดวัคซีน ใช้เงินน้อย ขอให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ชุมชน”, “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม”
แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่สังคมไทยยังหลงกลนโยบายวัคซีนของรัฐบาลอยู่นั้นก็เกิด “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ขึ้นมา แถมงวดนี้มีข่าวเกี่ยวพันกับรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลด้วย จนกระจายไปทั่วประเทศเป็นการระบาดระลอก 3 ที่มีจำนวนเคสมากที่สุด และมีจำนวนความสูญเสียชีวิตของประชาชนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย จนทำให้ทรัพยากรทางการแพทย์ที่จะมารับมือกับโควิดก็ตึงมือเช่นกันด้วย จนเกิดข่าวหลายชิ้นที่รายงานว่ามีประชาชนติดเชื้อโควิดแต่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันเวลาเนื่องจากไม่มีเตียง หรือจัดสรรไม่ดีพอ หรือได้รับการจัดสรรช้าเกินไป ทำให้เสียชีวิตอีกหลายราย
ท่ามกลางวิกฤตทางด้านสาธารณสุขนั้น ก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากรัฐบาลออกคำสั่งมาตรการสู้โควิด ทำให้ธุรกิจหลายภาคส่วนได้รับผลกระทบอีกระลอก จนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก ทั้งการท่องเที่ยว การบริการ และการดื่มกินของประชาชนก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มีประชาชนฆ่าตัวตายจากปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอีกจำนวนมาก เรียกได้ว่าการดำเนินงานของรัฐบาลพังไม่เป็นท่าจากความผิดพลาดนี้

ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่ประชาชนและภาคธุรกิจกลับมาพิจารณาอย่างจริงจังแล้วพบว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเรามีวัคซีนที่เร็วและครอบคลุมมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ จึงประสานเสียงออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างหนักหน่วงถึงความผิดพลาดเชิงนโยบายที่เกิดขึ้น พร้อมกดดันให้เร่งจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมและเร็วที่สุดเพิ่มเติมด้วย
ธนาธร ซัด บิ๊กตู่ เคยเตือนแล้ว แผนจัดหาวัคซีนรัฐบาล เสี่ยงล่าช้า
เมื่อย้อนกลับมาดู ณ จุดนี้ก็พบว่าสิ่งที่ธนาธรเคยออกมาเตือนรัฐบาลไว้เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นกลายเป็นจริงทุกประการ!
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ “ยูเทิร์นนโยบายวัคซีน” โดยการเร่งเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนเพิ่มเติมจากหลายเจ้า โดยล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่าอาจต้องจัดหาวัคซีนให้ได้ถึง 200 ล้านโดส และเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เดือนละ 15 ล้านโดส หรือวันละกว่า 5 แสนโดส!
แต่แม้จะยูเทิร์นนโยบายวัคซีนอย่างไร ธนาธรในฐานะคนที่ออกมาเตือนเรื่องดังกล่าวคนแรก กลับยังถูกดำเนินคดีอย่างไม่หยุดหย่อน โดยล่าสุด กระทรวงดีอีได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลสั่งปิดกั้นคลิปไลฟ์วัคซีนของธนาธรเหมือนเดิม โดยในวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ทนายความของธนาธรจะเข้ายื่นคำแก้อุทธรณ์ในคดีดังกล่าว หลังจากนี้จะเป็นการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ต่อไปว่าจะกลับมาแบนคลิปเหมือนเดิมหรือไม่
ส่วนคดีมาตรา 112 นั้น ธนาธรได้ไปรายงานตัวตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนวันนี้เป็นขั้นตอนการยื่นเอกสารคำให้การเพิ่มเติม และขั้นต่อไปคือ 2 มิถุนายน ตำรวจจะส่งตัวธนาธรให้อัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป!
ตกลงแล้วประเทศไทยจะกลับตาลปัตรกันแบบนี้ คนออกมาเตือนด้วยความหวังดีแถมพูดถูกหมดทุกเรื่องแต่กลับยังโดนดำเนินคดีไม่หยุดหย่อน หรือประเทศนี้ใครยิ่งพูดเรื่องจริงก็ยิ่งเป็นอันตรายแก่ตน?
แล้วรัฐบาลที่ทำให้คนเจ็บคนตาย ทำให้เศรษฐกิจปากท้องประชาชนพังพินาศจากการดำเนินนโยบายวัคซีนที่ผิดพลาดนั้น…จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ?
ประชาชนเจ้าของประเทศ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือ?