Skip to content
Home » News » นวลปราง ไอซ์หีบเหล็ก เด็กหญิงย้อนปมชีวิต

นวลปราง ไอซ์หีบเหล็ก เด็กหญิงย้อนปมชีวิต

นวลปราง ไอซ์หีบเหล็ก
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/118020

นวลปราง ไอซ์หีบเหล็ก เด็กหญิงย้อนปมชีวิต เปิดใจ อดีตชุดสืบสวนคดีฆ่าหั่นศพ จากคดี “ไอซ์หีบเหล็ก” ทายาทศูนย์การค้าองค์วิศิษฐ์ย่านบางแคที่ปิดตัวลงเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้สื่อข่าวพีพีทีวีพาย้อนรอยคดีสำคัญที่เกิดขึ้นภายในศูนย์การค้าแห่งนี้ นั่นคือคดีฆ่าหั่นศพ ด.ญ.นวลปราง บุนนาค อายุ 15 ปี เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2526

โดยคดีนี้มีนายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ พ่อของนายไอซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์การค้าเข้าไปพัวพัน หลังคนร้ายใช้รถเก๋งของพ่อนายไอซ์ขนศพไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี

เมื่อวันที่ (20 ม.ค.63) พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หนึ่งในชุดสืบสวนคดีฆาตกรรม ด.ญ.นวลปราง แสดงภาพถ่ายในคดีพร้อมเล่ากับผู้สื่อข่าว PPTV ว่า สมัยนั้นมียศเป็น ร.ต.อ. ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาลใต้

โดยวันเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2526 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีศพถูกหั่นยัดใส่กล่องโทรทัศน์ซิงเกอร์แล้วนำมาทิ้งไว้บริเวณ “ถนนตก” ในพื้นที่ทำงานสน.วัดพระยาไกร ก่อนขึ้นเชิงสะพานกรุงเทพ เมื่อตรวจสอบพบว่าศพที่ถูกนำมาทิ้งมีชิ้นส่วน แขน ขา และศีรษะหายไป เหลือเพียงช่วงตัว

จึงประสานตำรวจท้องที่ต่าง ๆ ช่วยตามหา จนพบชิ้นส่วนที่หายไปถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางวางทิ้งไว้ริมถนนเพชรเกษมในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี สภาพศพยังไม่แข็ง คาดว่าเสียชีวิตไม่เกิน 6 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงตามหาที่มาของกล่องโทรทัศน์จากเลขข้างกล่อง จนพบว่ามีผู้เช่าโทรทัศน์เครื่องนี้อยู่ในพื้นที่ตลาดพลู จึงเข้าไปตรวจสอบในวันรุ่งขึ้น

พล.ต.ท.สมคิด เล่าต่อว่า จากการสอบสวนผู้เช่าโทรทัศน์ ให้การว่าได้นำกล่องโทรทัศน์นี้ใส่เครื่องเล่นเทปที่ขโมยมา และขายให้กับ นายผยอง แสนทวี ที่พักอาศัยบนห้องพักชั้นลอยศูนย์การค้าองค์วิศิษฐ์และมีศักดิ์เป็นน้องภรรยาของนายเฉลิมชัย องค์วิศิษฐ์ เจ้าของศูนย์การค้า

จึงเข้าตรวจสอบที่ห้องพัก พบห้องน้ำและผนังห้องนอนสะอาดผิดปกติ จึงจับกุมนายผยองในข้อหารับของโจร ก่อนสอบสวนเพิ่มจนสารภาพว่าเป็นผู้หั่นศพ ด.ญ.นวลปราง บุนนาค หลังพบเสียชีวิตในห้องนอนตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบห้องพักของนายผยองอีกครั้ง โดยรื้อฝ้าเพดานชั้นล่างและท่อน้ำที่ต่อตรงจากคอห่าน

พบกระดูกคอที่ตรงกับศพ ด.ญ.นวลปราง เมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดการฆาตกรรมในห้องพักนี้ นายผยองจึงรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆาตกรรมก่อนนำศพไปทิ้งเพื่ออำพราง

คดีนี้ทางตำรวจได้รับแจ้งมาว่า พบศพบรรจุกล่องซิงเกอร์ ในเขตท้องที่วัดพระยาไกร ศพที่พบมีแต่ท่อนลำตัว ทั้งแขน คอ อวัยวะต่าง ๆ ถูกหั่นออกจากกัน ถือเป็นคดีที่มีความโหดร้ายมาก ต่อมาทางตำรวจสามารถสืบไปจนเจอตัวคนร้ายและจับกุมได้ในที่สุดโดยคดีนี้เมื่อไปตรวจยังสถานที่เกิดเหตุแถววัดพระยาไกร พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันทน์ กับ พล.ต.ท.โสภณ จึงได้วิทยุแจ้งให้โรงพักทุกเขต ทั้งในเขตภูธรและนครบาลตรวจสอบว่า

มีชิ้นส่วนของศพถูกนำไปทิ้งไว้กลางทางแถวไหนบ้าง จนได้รับการแจ้งว่า ได้พบหัว แขน และขาที่นครชัยศรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ลองนำชิ้นส่วนดังกล่าว มาต่อเข้ากับส่วนของลำตัวที่พบในกล่องซิงเกอร์ซึ่งเข้ากันได้พอดี นอกจากนี้แล้วสภาพของศพมีร่องรอยการถูกทำร้าย

รวมทั้งแผลที่ไม่รู้ว่าถูกอะไรมาด้วย การสืบสวนคดีนี้มีหลักฐานชิ้นสำคัญคือ กล่องทีวีซิงเกอร์ที่ใช้บรรจุศพ ซี่งตัวเลขที่ข้างกล่องคือ 243610 จากหมายเลขข้างกล่องดังกล่าว ทำให้ทีมสืบสวนพบว่า กล่องซิงเกอร์นี้ใครเป็นคนซื้อไป พบว่าคนที่ซื้อไป ซื้อเป็นแบบผ่อนส่ง ถ้าเป็นกล่องทีวียี่ห้ออื่นจะไม่มีหมายเลข แต่โชคดีที่เป็นกล่องซิงเกอร์และมีหมายเลข มันเป็นทีวีที่ขายผ่อนส่งอยู่แถว ๆ พระประแดง ทีมสืบสวนจึงตามไปที่ร้าน

คนที่ร้านแจ้งว่า คนที่ซื้อผ่อนส่ง บ้านอยู่แถว ๆ ฝั่งธน จึงไปสังเกตการณ์ วันที่ทีมสืบสวนเข้าไปสังเกตการณ์ก็ไปหาข้อมูลจากสายสืบท้องที่ที่บุปผาราม กลุ่มผู้ต้องสงสัยกำลังตั้งวงเล่นการพนันกันอยู่ เมื่อตำรวจเข้าไปก็หนีกันกระจัดกระจาย ซึ่งสามารถจับกุมได้มาคนหนึ่ง เป็นคนที่ซื้อทีวียี่ห้อซิงเกอร์ไป

แต่จากการค้นหาความจริง เมื่อสอบถามว่า นำกล่องซิงเกอร์ไปไว้ที่ไหน ผู้ต้องสงสัยบอกว่าใส่ของขายให้คนรับซื้อของเก่าไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่รู้ว่ากล่องซิงเกอร์ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ตำรวจจึงต้องใช้ศิลปะในการซักถาม จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยพูดความจริงว่า กล่องซิงเกอร์นี้เขาใส่เครื่องเล่นวีดีโอเทปที่ขโมยมาจากท้องที่บางกอกใหญ่กลายเป็นว่าจากการสืบคดีหลักกลับนำพาไปเจอคดีอื่น ๆ ตามมาด้วย

การสืบคดีนี้ เมื่อสืบไปสืบมาก็พบว่าเป็นแก๊งย่องเบา ทั้ง พล.ต.ต.อมร และ พลต.ท. โสภณ มาช่วยกันซักถามจนทำให้กล่องที่เป็นพยานหลักฐานเชื่อมจากที่เกิดเหตุนี้สามารถนำไปค้นหาความจริงได้ว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นคนที่ซื้อทีวีผ่อนส่ง และได้นำกล่องซิงเกอร์นี้ใส่เครื่องเล่นวีดีโอเทปที่ขโมยมาจากท้องที่บางกอกใหญ่ ขายให้นายผยอง แสนทวี จึงสามารถเชื่อมไปถึงนายผยอง แสนทวี ที่องค์วิศิษย์อควาเรียมได้

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.อมร และพล.ต.ท.ธนู หอมหวล ก็ตัดสินใจเข้าตรวจค้น ปรากฏว่าเข้าไปแล้วก็มีข้อสังเกตว่า ห้องน้ำสะอาด มีกระป๋องวิกซอล และมีเส้นใยสังเคราะห์ สำหรับทำความสะอาดห้องน้ำวางอยู่ จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สิ่งแรกที่สามารถทำได้คือ จับนายผยองในข้อหารับของโจร คือเครื่องเล่นวีดีโอเทป

สมัยนั้นยังไม่มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ทีมสืบสวนจึงต้องจับกุมตัวนายผยอง เพื่อดำเนินคดีก่อน ในวันรุ่งขึ้นจึงใช้กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด ทางทีมสืบสวนคาดการณ์ว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะฆ่าเหยื่อในห้องน้ำ แล้วทิ้งลงชักโครก โดยบ้านหลังดังกล่าวมี 2 ชั้น ทางพล.ต,ต.อมร

จึงได้สั่งให้ทำการรื้อชักโครก พบว่าข้างล่างมีข้อต่อระหว่างคอห่าน มีเศษกระดูก เศษเลือด สมัยก่อนนี้การตรวจสอบ DNA ยังไม่มี เมื่อได้เศษกระดูกมาแล้วจึงได้ส่งทำการพิสูจน์ ผลออกมาว่าตรงกับเหยื่อที่ถูกฆ่าหั่นศพ คนร้ายยอมรับสารภาพว่า รู้จักกับผู้ตายแถวตลาดบางแค เขาบอกว่า ผู้ตายเป็นเด็กเร่ร่อน มีนิสัยเกเร ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่่ คนในตลาดมักเรียกผู้ตายว่า ด.ญ.นวลปราง บุนนาค ซึ่งชื่อนี้คนแถวตลาดบางแคตั้งให้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

สาเหตุที่ ด.ญ.นวลปราง ถูกฆ่า ปรากฏว่า คนที่สั่งทำร้ายเด็ก ชื่อ นายเฉลิมชัย องค์วิศิษย์ เจ้าของศูนย์การค้าองค์วิศิษย์ตรงบางแค เป็นคนเวียดนาม ซึ่งนับว่าใจคอโหดร้ายมาก ด้านล่างของศูนย์การค้ามีอควาเรี่ยมเป็นที่ขายสัตว์น้ำราคาแพง ๆ แล้วเด็กคนนี้ไปเคาะตู้กระจก ด้วยความโมโหนายเฉลิมชัยจึงเข้าไปตบตีเด็ก ด.ญ.นวลปรางจึงด่าทอ

เด็กจึงถูกนำตัวขึ้นไปทำร้ายที่ห้องชั้นบน โดยมีทางลัดจากอควาเรี่ยมขึ้นไปบนห้องพักของนายผยอง แสนทวี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเมียของนายเฉลิมชัย นายผยองคงจะได้รับคำสั่งจากนายเฉลิมชัย ผู้เป็นพี่เขยสั่งให้จัดการ เด็กจึงถูกทำร้ายจนกระทั่งเสียชีวิต แล้วนำศพใส่กล่องไปทิ้งในเขตอื่นเพื่อเป็นการอำพรางศพ

หรืออีกนัยหนึ่งก็บอกว่าไม่แน่เด็กคนนี้เข้าไปลักทรัพย์จึงทำให้ถูกทำร้ายดังกล่าว ภายหลังที่นายผยองโดนจับ สารภาพว่านำไปฆ่าในห้องของตนเอง จนเลือดสาดกระจายเต็มห้องคดีนี้ไม่ถูกซัดทอดไปถึงเจ้าของอควาเรียม แต่บาปกรรมก็ตามทัน ตอนหลังภรรยาก็จ้างมือปืนมายิงสามี ทำให้กิจการอควาเรี่ยมที่อยู่ตรงข้ามตลาดบางแคต้องปิดกิจการลงไปในที่สุด

โดยปมเหตุของการฆาตกรรมครั้งนี้ นายผยอง ให้การว่าเกิดจาก ด.ญ.นวลปราง บุนนาค ซึ่งเป็นเด็กเร่ร่อนในย่านนั้น มาเคาะกระจกตู้ปลาราคาแพงบริเวณอควาเรียมศูนย์การค้า เมื่อเข้าไปต่อว่า กลับถูก ด.ญ.นวลปราง โต้ตอบด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงบันดาลโทสะลากตัวเข้าไปทุบตีทำร้ายร่างกายภายในห้องพัก

ทั้งนี้แม้ว่านายผยองจะรับสารภาพว่าลงมือฆาตกรรมแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็มีพิรุธหลายจุด ทำให้ตำรวจคาดว่ามีผู้เกี่ยวข้องในคดีมากกว่า 1 คน เช่น การชี้จุดเกิดเหตุบางส่วนคลาดเคลื่อน พื้นที่ที่นำศพไปทิ้งทั้ง 2 จุดอยู่ห่างไกลกัน รถที่ใช้อำพรางศพเป็นรถเก๋งของนายเฉลิมชัย

ประกอบกับการที่นายเฉลิมชัยมีข้อพิพาททะเลาะวิวาทเป็นประจำและเคยมีคดีทำร้ายร่างกายลูกค้าที่มาซื้อปลา ทำให้มีการเรียกนายเฉลิมชัยมาสอบปากคำ แต่นายเฉลิมชัยปฏิเสธไม่รู้เห็น พร้อมระบุว่ารถเป็นรถที่สลับกันใช้ทั้งนายเฉลิมชัย ภรรยา และนายผยอง  หลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจจึงไม่เพียงพอที่จะเชื่องโยงไปเอาผิดนายเฉลิมชัย หรือ พ่อของนายไอซ์  เพราะเวลานั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่ดีพอในการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ผู้ต้องหาในคดีนี้จึงมีเพียงนายผยองเท่านั้น