Skip to content
Home » News » นีล ความฝันนักบินอวกาศ

นีล ความฝันนักบินอวกาศ

นีล ความฝันนักบินอวกาศ
https://www.blockdit.com/posts/60a7fe07c1759d10110981f5?id=60a7fe07c1759d10110981f5&series=5fecc1fb186a470b2629256c

นีล ความฝันนักบินอวกาศ เขาตัดสินใจสมัครเป็น “นักบินอวกาศ”

โครงการอวกาศของสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นขึ้นในปลายยุค 50 (พ.ศ.2493-2502)

ก่อนหน้านั้นเพียง 50 ปี “สองพี่น้องตระกูลไรท์ (Wright Brothers)” นั่นคือ “วิลเบอร์ (Wilbur Wright)” และ “ออร์วิลล์ (Orville Wright)” ได้ลองทดลองเครื่องบินครั้งแรกในปีค.ศ.1903 (พ.ศ.2446)

นีล ความฝันนักบินอวกาศ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการพัฒนาเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใหม่ ทำให้บินได้เร็วขึ้น บินได้สูงขึ้น อีกทั้งมีการพัฒนาจรวดสำหรับเดินทางไปยังอวกาศในปีค.ศ.1955 (พ.ศ.2498) ทำเนียบขาวได้เผยถึงแผนที่จะก้าวไปให้ไกลกว่าเครื่องบินที่บินได้ด้วยความเร็วสูง

โดยในเวลานั้น นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลกแต่แล้ว วันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ.1957 (พ.ศ.2500) ก็ได้มีข่าวใหญ่ซึ่งโด่งดังไปทั้งโลกนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตได้ส่งดาวเทียมที่ชื่อ “สปุตนิก 1 (Sputnik I)”ขึ้นไปยังอวกาศ

สปุตนิก 1 มีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล และหนักไม่ถึง 90 กิโลกรัม และได้โคจรรอบโลกประมาณ 100 นาที

นีล ความฝันนักบินอวกาศ
https://www.blockdit.com/posts/60a7fe07c1759d10110981f5?id=60a7fe07c1759d10110981f5&series=5fecc1fb186a470b2629256c

ตั้งแต่วันนั้น การแข่งขันทางอวกาศก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายคือการขึ้นไปยังดวงจันทร์ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ต่างก็ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกทั้งสองชาติไม่ถูกกันนัก โดยสหภาพโซเวียตเป็นชาติคอมมิวนิสต์ ส่วนสหรัฐอเมริกาเป็นประชาธิปไตย และสหรัฐอเมริกาก็เกรงว่าสหภาพโซเวียตจะดึงชาติอื่นไปเป็นคอมมิวนิสต์ด้วยช่วงเวลานี้เรียกว่า “สงครามเย็น (Cold War)”

สงครามนี้ไม่มีการรบกันจริงๆ หากแต่ทั้งสองชาติต่างข่มกันด้วยการสะสมอาวุธ โดยเฉพาะระเบิดปรมาณูความสำเร็จของสปุตนิก 1 แสดงให้เห็นว่าสหภาพโซเวียตนั้นมีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้า และเป็นความขายหน้าของสหรัฐอเมริกาทางด้านนาซ่า (NASA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านอวกาศของสหรัฐอเมริกา ก็ต้องพบกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนในการส่งยานอวกาศขึ้นไปยังวงโคจรภายหลังจากสปุตนิก 1 ประสบความสำเร็จได้เพียงหนึ่งเดือน สหภาพโซเวียตก็ส่ง “สปุตนิก 2 (Sputnik II)” พร้อมสุนัขที่ชื่อ “ไลก้า (Laika)” ขึ้นไปยังอวกาศ

จากนั้น เดือนเมษายน ค.ศ.1961 (พ.ศ.2504) สหภาพโซเวียตก็นำหน้าไปอีกด้วยการส่งมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศ นั่นคือ “ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin)”

สามสัปดาห์ต่อมา สหรัฐอเมริกาก็ได้ส่งนักบินชาวอเมริกันที่ชื่อ “อลัน เชพเพิร์ด (Alan Shepard)” ขึ้นไปกับยาน “เมอร์คิวรี (Mercury)”เชพเพิร์ดอยู่บนอวกาศประมาณ 15 นาที และเมื่อกลับลงมา เชพเพิร์ดก็กลายเป็นฮีโร่ของชาวอเมริกัน ในฐานะของชาวอเมริกันคนแรกที่ขึ้นไปบนอวกาศแต่ถึงจะเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ขึ้นไปบนอวกาศ แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์คนที่สองที่ได้ขึ้นไปบนอวกาศ

“จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (John F. Kennedy)” เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาที่การแข่งขันทางอวกาศกำลังเข้มข้นท่านประธานาธิบดีมีความมุ่งมั่นที่จะให้สหรัฐอเมริกาเอาชนะสหภาพโซเวียตในการแข่งขันทางอวกาศท่านประธานาธิบดีได้ทำคำร้องต่อสภา ขอให้ใช้งบประมาณนับพันล้านกับการค้นคว้าวิจัยทางอวกาศ และท่านประธานาธิบดีก็ได้กล่าวว่าสหรัฐอเมริกาต้องส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ก่อนสิ้นทศวรรษนี้นั่นหมายความว่า สหรัฐอเมริกาต้องส่งนักบินอวกาศไปลงยังดวงจันทร์ก่อนปีค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) ซึ่งสำหรับหลายคน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่นาซ่าก็มุ่งมั่น และตั้งใจให้ความฝันนี้เป็นจริง

ในปีค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) นาซ่าตัดสินใจจะเพิ่มนักบินอวกาศในโครงการเป็นจำนวนมากกว่านี้ โดยคัดเลือกมาจากนักบินทดลองและคนที่มีพื้นฐานวิศวกรรมอวกาศนีลนั้นมีคุณสมบัติครบทุกข้อ เขามีอายุไม่ถึง 34 ปี สุขภาพสมบูรณ์ สูงไม่ถึงหกฟุต (183 เซนติเมตร) ซึ่งที่ต้องกำหนดให้สูงไม่มากกว่าหกฟุต เนื่องจากหากเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ อาจจะมีปัญหาเวลาอยู่ในยานอวกาศที่มีขนาดเล็กที่สำคัญ นีลเป็นนักบินฝีมือดีและมีพื้นฐานความรู้ทางด้านวิศวกรรม รู้เรื่องระบบต่างๆ ของเครื่องบินอย่างทะลุปรุโปร่งนีลนั้นคิดหนักเรื่องเป็นนักบินอวกาศในฐานะของนักบินทดลอง เขาชินกับการลุยเดี่ยว ขับเครื่องบินด้วยตัวคนเดียว แต่หากเป็นนักบินอวกาศ เขาต้องอยู่ในยานอวกาศซึ่งควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ โดยมีวิศวกรของนาซ่าควบคุมอีกที

แต่ความฝันที่จะได้ไปเหยียบดวงจันทร์ก็เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ และบางที ความท้าทายใหม่ๆ อาจจะทำให้เขาลืมความเศร้าเรื่องการสูญเสียคาเรนในที่สุด นีลก็ยื่นใบสมัคร ซึ่งในเวลานั้นหมดเขตรับสมัครไปเป็นสัปดาห์แล้ว หากแต่นาซ่าก็ยอมรับ17 กันยายน ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวนเก้าคน และนีลคือหนึ่งในนั้น

ภายในเวลาชั่วข้ามคืน นีลและครอบครัวกลายเป็นคนดังทันที

ครอบครัวอาร์มสตรองย้ายไปยังเท็กซัส ใกล้กับศูนย์กลางของนาซ่า และเหล่าเพื่อนบ้านในละแวกนั้นก็คือนักบินอวกาศในโครงการ ซึ่งก็มักจะมานั่งเล่น ปิ้งบาร์บีคิวกินกันอย่างสนุกสนานนับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ทำให้นีลผ่อนคลายความเศร้าเรื่องการสูญเสียคาเรน อีกทั้งแจนยังให้กำเนิดลูกชายอีกคนหนึ่งด้วย

นักบินอวกาศที่ได้รับคัดเลือกทั้งเก้าคนนี้ ต้องเข้าโปรแกรมการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ซึ่งบางอย่างก็ดูจะไม่เกี่ยวอะไรกับการเป็นนักบินอวกาศเลยการฝึกฝนหนึ่ง นีลได้ถูกส่งไปยังป่าในปานามา และต้องหาทางดำรงชีพในป่าเหตุผลก็เพราะว่าในขากลับ ยานอวกาศอาจจะไปตกลงยังจุดใดก็ได้บนโลก อาจจะเป็นภูเขา ทะเลทราย หรือในป่า และกว่าความช่วยเหลือจะไปถึงก็ต้องใช้เวลา นักบินอวกาศจึงต้องเอาตัวรอดด้วยตนเองในขณะที่รอความช่วยเหลือ

ในปี ค.ศ. 1969 เขาเป็นผู้บัญชาการของโครงการอะพอลโล 11 ซึ่งมีเป้าหมายนำยานไปจอดบนดวงจันทร์ โดยสมาชิกในทีมคือ เอ็ดวิน อัลดริน และไมเคิล คอลลินส์

เขากล่าวประโยคนี้เมื่อเหยียบลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์

That’s one small step for [a] man, one giant leap for mankind.
นี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ของชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 1955 วันที่ประมาณการ