บิทคอยน์คืออะไร คือสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนาเล็กๆกลุ่มหนึ่งตลอดจนบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์
Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency
บิทคอยน์คืออะไร
บิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นเงินตราแบบดิจิทัล (cryptocurrency) และเป็นระบบการชำระเงินที่ใช้กันทั่วโลก บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่ใช้ระบบกระจายอำนาจ โดยไม่มีธนาคารกลางหรือแม้แต่ผู้คุมระบบแม้แต่คนเดียว เครือข่ายเป็นแบบเพียร์ทูเพียร์ และการซื้อขายเกิดขึ้นระหว่างจุดต่อเครือข่าย (network node)โดยตรง ผ่านการใช้วิทยาการเข้ารหัสลับและไม่มีสื่อกลางการซื้อขายเหล่านี้ถูกตรวจสอบโดยรายการเดินบัญชีแบบสาธารณะที่เรียกว่าบล็อกเชน บิตคอยน์ถูกพัฒนาโดยคนหรือกลุ่มคนภายใต้นามแฝง “ซาโตชิ นากาโมโตะ” และถูกเผยแพร่ในรูปแบบซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซในปี พ.ศ. 2552
บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วย ‘การขุด’ (mining, การทำเหมือง) และสามารถแลกเป็นสกุลเงินอื่น สินค้า และบริการ ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 มีร้านค้ากว่า 100,000 ร้านยอมรับการจ่ายเงินด้วยบิตคอยน์งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ประมาณว่าใน พ.ศ. 2560 มีผู้ใช้เงินตราแบบดิจิทัล 2.9 ถึง 5.8 ล้านคน โดยส่วนใหญ่แล้วใช้บิตคอยน์

คำว่า บิตคอยน์ ปรากฏขึ้นครั้งแรกและถูกให้ความหมายในสมุดปกขาว (white paper) ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นการรวมคำว่า บิต และ คอยน์ เข้าด้วยกัน
หน่วยของบัญชีระบบบิตคอยน์คือ บิตคอยน์ จนถึง พ.ศ. 2014 ชื่อที่ใช้ในการซื้อขาย (ticker symbol) ของบิตคอยน์ได้แก่ BTC และ XBT โดยมีสัญลักษณ์ยูนิโคด ₿ หน่วยย่อยที่มักถูกใช้ได้แก่ มิลลิบิตคอยน์ (mBTC) และ ซาโตชิ ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามผู้สร้างบิตคอยน์ ซาโตชิเป็นหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดแสดงจำนวน 0.00000001 บิตคอยน์ หรือ หนึ่งในร้อยล้านของบิตคอยน์ส่วนมิลลิบิตคอยน์เท่ากับ 0.001 บิตคอยน์ หรือ หนึ่งในพันของบิตคอยน์ และยังเท่ากับ 100,000 ซาโตชิ
บิทคอยน์ ไม่ใช่สกุลเงินดิจิตอลเดียวบนโลกนี้ แต่ว่าเป็นหนึ่งในหลายสกุลในโลกของคริปโตเคอเรนซี่ หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่าคริปโต เนื่องจากบิทคอยน์เป็นคริปโตสกุลแรกที่เกิดขึ้นบนโลก คริปโตสกุลอื่น ๆ จึงได้ชื่อเรียกว่า อัลท์คอยน์ (Altcoins) ซึ่งเป็นตัวย่อของ Alternative coin หรือที่แปลว่าสกุลเงินทางเลือกนั่นเอง
บิทคอยน์มีพื้นฐานการทำงานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) และเป็นสกุลเงินแรกที่ทำงานบนบล็อกเชนเป็นหลัก หมายความว่า บิทคอยน์มีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้การทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์นั้นปลอดภัย ตรวจสอบได้ และรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานหรือรัฐบาลใดมาควบคุม
โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้ถูกกระจายอยู่ทั่วโลก แม้จะไม่มีใครรรู้ว่าจำนวนคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในระบบมีอยู่เท่าไหร่ แต่ว่ามีคนลองคำนวณไว้ว่าอาจจะมีกว่าสามล้านเครื่องเลยทีเดียว
ด้วยความที่เครือข่ายของบิทคอยน์นั้นมีขนาดใหญ่มากๆ และคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก็มีการประมวลผลบนเครือข่ายเดียวกัน มีชุดข้อมูลเดียวกัน ทำให้การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือว่าแฮ็คระบบบิทคอยน์นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าจะต้องมีการแฮ็คคอมพิวเตอร์ให้ได้มากกว่า 50% ในระบบ ก็คือหลายล้านเครื่องพร้อม ๆ กัน
ลองคิดดูว่า สมมติเรามีสมุดบัญชีเล่มเดียวที่จดบันทึกรายรับรายจ่ายเอาไว้ ถ้าเกิดว่ามีคนมาเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือขโมยสมุดเราไป เราก็อาจจะไม่รู้เลยว่าข้อมูลจริงเป็นอย่างไร แต่ถ้าเกิดทุกคนในหมู่บ้านของเราหนึ่งร้อยครอบครัว มีสมุดบัญชีเดียวกัน ถ้าเกิดมีใครมาแก้สมุดบัญชีของเรา เราก็ยังมีอีก 99 บ้าน ที่จะมายืนยันได้ว่าข้อมูลที่ถูกต้องคืออะไร ระบบบล็อกเชนของบิทคอยน์จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินนั่นเอง

Bitcoin สามารถใช้แทนเงินสดซื้อสินค้าออนไลน์ อาจคล้ายกับระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตทั่วๆไปที่ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต
อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของ Bitcoin ที่เป็นตัวช่วยให้มันเป็นที่นิยมคือมันถูกควบคุมแบบกระจาย (decentralize) กล่าวคือไม่มีสถาบันการเงินไหนสามารถควบคุมบิมคอยได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนที่เลือกใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่สบายใจเนื่องจากแม้แต่ธนาคารก็ไม่สามารถควบคุม Bitcoin ได้
ไม่มีใครสามารถพิมพ์ Bitcoin ได้ เพราะมันเป็นสกุลเงินที่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนกับธนบัตรที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาล, ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องกับจำนวนประชากร และมันมีกฏเกณฑ์ในตัวของมันเอง ในขณะที่ธนาคารกลางบางประเทศสามารถที่จะพิมพ์เงินได้เองเพื่อกู้วิกฤติหนี้แห่งชาติ หรือประกาศอ่อนค่าเงินของตัวเอง
แต่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดยเป็นเหมือนกับไฟล์คอมพิวเตอร์ โดยกลุ่มนักพัฒนาอิสระที่ใครๆก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ การจะผลิต Bitcoin ขึ้นมาได้นั้นต้องใช้วิธีการ “ขุด” โดยการใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนเครือข่ายที่จัดวางไว้ให้เท่านั้น
โดยเครือข่ายนี้ยังสามารถที่จะใช้เพื่อช่วยในการจัดการการโอนส่ง Bitcoin ให้กันได้ ซึ่งหากจะเรียกแล้ว มันก็คือเครือข่ายส่วนตัวของ Bitcoin นั่นเอง
หน่วยเงินที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นมักจะถูกนำมาผูกติดกับราคาของทองหรือเงิน โดนทฤษฎีแล้ว ถ้าคุณเดินไปซื้อทองที่ร้านทองด้วยเงินบาท คุณก็จะได้ทองกลับบ้าน แต่ในขณะเดียวกัน Bitcoin นั้นไม่ได้ถูกอ้างอิงกับทอง แต่ถูกอ้างอิงด้วยสมการทางคณิตศาสตร์
ผู้คนทั่วโลกกำลังใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการถอดสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อผลิต Bitcoin โดยสูตรทางคณิตศาสตร์เหล่านี้มีอยู่ให้หาได้แบบไม่คิดเงิน ทำให้แม้แต่คุณก็สามารถเข้าไปตรวจเช็คได้แบบฟรีๆ
โดยซฟอต์แวร์ที่ว่านั้นเป็นระบบ open source แปลว่าทุกคนสามารถที่จะตรวจสอบความโปร่งใสได้