Skip to content
Home » News » บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ถูกทหารสหรัฐฯ สังหาร

บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ถูกทหารสหรัฐฯ สังหาร

บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ถูกทหารสหรัฐฯ สังหาร อุซามะฮ์ บิน ลาดิน (Osama bin Laden) เกิดในกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบียเมื่อปี 1957 เป็นหนึ่งในบุตรจำนวนกว่า 50 คนของ มูฮัมหมัด บิน ลาดิน (Muhammad bin Laden) ชาวเยเมนที่อพยพมาขายแรงงานในซาอุดิอาระเบียจนสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐี ดูแลโครงการก่อสร้างมากมายให้กับราชวงศ์ซาอุด

บิน ลาดิน เข้าศึกษาด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยคิงอับดุลอาซิซในเมืองญิดดะฮ์ ที่ซึ่งเขาน่าจะได้รับการศึกษาด้านศาสนาจาก มูฮัมหมัด คูทุบ (Muhammad Qutb) น้องชายของ ซายยิด คูทุบ (Sayyid Qutb) นักเขียนชาวอียิปต์และหนึ่งในผู้นำของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมซึ่งมีแนวคิดต่อต้านการปกครองที่แยกศาสนาออกจากอาณาจักรแบบตะวันตก งานเขียนของเขากลายมาเป็นรากฐานสำคัญของกลุ่มติดอาวุธนิกายซุนนี ก่อนถูกประหารฐานเป็นกบฏ และบิน ลาดินก็น่าจะได้รู้จักและเรียนรู้จาก อับดุลลฮ์ อัซซาม (Abdullah Azzam) นักการศาสนาและนักรบชาวปาเลสไตน์นิกายซุนนีจากสถานศึกษาแห่งนี้เช่นกัน

บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ถูกทหารสหรัฐฯ สังหาร
https://www.clipmass.com/story/42151

บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ถูกทหารสหรัฐฯ สังหาร

หลังโซเวียตเข้ารุกรานอัฟกานิสถานในปี 1979 ได้ไม่นาน บิน ลาดิน ได้เดินทางไปพบกับผู้นำกลุ่มติดอาวุธชาวอัฟกันและช่วยหาเงินอุดหนุนการต่อต้านการยึดครองของโซเวียต นับแต่ปี 1984 บิน ลาดิน ดำเนินกิจกรรมส่วนใหญ่ในอัฟกานิสถานและปากีสถานมีส่วนสำคัญในการหาอาสาสมัครชาวอาหรับเพื่อต่อสู้กับทหารโซเวียต ด้วยเงินทุนและชื่อเสียงในความเคร่งศาสนาบวกกับความกล้าหาญในสนามรบช่วยเสริมสถานะของเขาในฐานะผู้นำทางทหาร

ในปี 1988 เขาได้สร้างฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์รวบรวมรายชื่ออาสาสมัครผู้ร่วมรบในสงครามอัฟกานิสถาน ซึ่งกลายมาเป็นฐานข้อมูลของเครือข่ายทางทหารกลุ่มใหม่ในชื่อ “อัลกออิดะฮ์” (al-Qaeda, ในภาษาอาหรับแปลว่า ฐาน) แม้ว่ากลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้จะยังไม่มีวัตถุประสงค์หรือวาระในการปฏิบัติการที่ชัดเจนเป็นเวลาหลายปีก็ตาม

ในปี 1989 หลังโซเวียตถอนทัพออกจากอัฟกานิสถาน บิน ลาดิน เดินทางกลับซาอุดิอาระเบียในฐานะวีรบุรุษ แต่ไม่นานก็ถูกรัฐบาลหมายหัวในฐานะพวกหัวรุนแรงและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ในปี 1990 รัฐบาลซาอุดิอาระเบียปฏิเสธคำร้องขออนุญาตให้เครือขายนักรบของเขาร่วมปกป้องซาอุดิอาระเบียจากภัยคุกคามของ ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักในสมัยนั้น เนื่องจากซาอุดิอาระเบียหวังพึ่งกองทัพสหรัฐฯ เป็นกำลังหลัก คำปฏิเสธสร้างความไม่พอใจให้กับ บิน ลาดินอย่างรุนแรง เขาเดินทางออกจากซาอุดิอาระเบียไปตั้งหลักอยู่ที่ซูดานในปี 1991

ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เขาและเครือข่ายอัลกออิดะฮ์เริ่มวางรูปแบบการต่อต้านด้วยความรุนแรงต่อภัยคุกคามจากอิทธิพลของสหรัฐฯ ในโลกมุสลิม เขาออกมาแสดงความชื่นชมอย่างเปิดเผยต่อการโจมตีสหรัฐฯของกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ รวมถึงเหตุโจมตีด้วยระเบิดต่ออาคารเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ในกรุงนิวยอร์กเมื่อปี 1993 ปีถัดมา บิน ลาดิน เริ่มขยายโครงสร้างของกลุ่มในซูดานเพื่อรองรับการฝึกฝนนักรบอิสลามเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งทั่วโลก ไม่นานซาอุดิอาระเบียก็ประกาศถอนสัญชาติและยึดทรัพย์สินของเขาทำให้เขาจำเป็นต้องอาศัยแหล่งเงินทุนจากภายนอก

ในปี 1996 หลังถูกกดดันจากนานาชาติอย่างหนัก ซูดานมีคำสั่งเนรเทศบิน ลาดิน เขาจึงเดินทางไปยังอัฟกานิสถานอีกครั้งโดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาลตาลีบัน ปีเดียวกันเขาออกฟัตวา (คำวินิจฉัยทางศาสนา) ชุดแรก ประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อสหรัฐฯ กล่าวหาว่าสหรัฐฯ ปล้นทรัพยากรธรรมชาติจากโลกมุสลิม ยึดครองคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งรวมถึงศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม เป้าหมายของบิน ลาดิน ค่อนข้างชัดเจนว่าต้องการยกระดับการทำสงครามของสหรัฐฯกับโลกมุสลิมและหวังให้ประเทศมุสลิมรวมตัวเป็นรัฐอิสลามหนึ่งเดียว (รัฐเคาะลีฟะฮ์, Caliphate)

นับแต่นั้นมา บิน ลาดิน และอัลกออิดะฮ์ ได้ฝึกฝนนักรบและให้ทุนสนับสนุนการโจมตีในวงกว้างอย่างต่อเนื่องอย่างที่พวกเขาไปเคยทำมาก่อน พวกเขาถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯหลายแห่ง ถึงปี 2001 กลุ่มติดอาวุธ 19 คน ซึ่งเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะฮ์ได้วางแผนโจมตี “11 กันยายน” (การยึดเครื่องบินพานิชย์พุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และเพนตากอน) ทำให้สหรัฐฯและพวกตัดสินใจใช้กำลังเข้าล้มล้างรัฐบาลตาลีบันพร้อมกับตามล่าบิน ลาดิน

นับแต่ปลายปี 2001 บิน ลาดิน ได้หลบหนีการจับกุมของสหรัฐฯ และหายหน้าหายตาไปจากความรู้เห็นของสาธารณะ จนถึงเดือนตุลาคม 2004 ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเพียงสัปดาห์เดียว เขาได้ปรากฏตัวในบันทึกวิดีโออ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี 11 กันยายน หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกบันทึกเสียงเป็นระยะ

จนกระทั่งสหรัฐฯ สามารถระบุพื้นที่หลบซ่อนตัวของเขาในปากีสถานได้สำเร็จ ก่อนบุกสังหาร บิน ลาดิน ได้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2011 ซึ่งร่างของเขาและดีเอ็นเอได้รับการยืนยันอัตลักษณ์ก่อนนำไปทำพิธีศพ จากนั้นประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ออกมาประกาศการเสียชีวิตของ บิน ลาดิน อย่างเป็นทางการด้วยตนเอง และภายหลังอัลกออิดะฮ์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับการเสียชีวิตของ บิน ลาดิน เช่นกัน พร้อมปฏิญาณว่าจะตามล้างแค้นให้กับผู้นำของตน

https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_1412