บิล เกตส์ หย่า บิล เกตส์ และ เมลินดา ภรรยา ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์ หลังครองชีวิตสมรสกันมายาวนานถึง 27 ปี โดยระบุว่า “เราไม่เชื่อว่าจะสามารถครองคู่กันได้อีกต่อไปแล้ว”
ข่าวการแยกทางของอภิมหาเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของโลกรายนี้ถูกประกาศผ่านทวิตเตอร์ของทั้งคู่
“กว่า 27 ปีที่ผ่านมา เราช่วยกันเลี้ยงดูลูกที่น่าทึ่งทั้ง 3 คน และก่อตั้งมูลนิธิที่ทำงานทั่วโลก เพื่อทำให้ผู้คนทั้งหลายได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์” แถลงการณ์ของครอบครัวเกตส์ระบุ
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ทั้งสองต้องการพื้นที่และความเป็นส่วนตัวให้กับครอบครัวในช่วงเวลาที่กำลังจัดการกับชีวิตใหม่
บิล และ เมลินดา พบกันครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1980 เมื่อฝ่ายหญิงเข้าไปทำงานในบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งบิลเป็นผู้ก่อตั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันในปี 1994 และมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่ก็ตัดสินใจหย่าร้างกันในที่สุด

บิล เกตส์ หย่า หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า นางเมลินดา เกตส์ ได้ปรึกษากับทนายความเพื่อเริ่มกระบวนการหย่ากับนายบิล เกตส์ ตั้งแต่ในปี 2562 ก่อนที่จะออกมาประกาศการหย่าร้างอย่างเป็นทางการ โดยสาเหุตหนึ่งในนั้นมาจากข้อกังวลที่ว่าสามีของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ เศรษฐีชาวอเมริกันและผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศ
วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้อ้างถึงเอกสารและบุคคลใกล้ชิด ระบุว่า นางเมลินดาได้ปรึกษากับทนายความของบริษัทหลายแห่งเมื่อเดือนต.ค.2562 ซึ่งเธอนั้นไม่สบายใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนายบิล เกตส์ และนายเอปสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนับย้อนหลังไปอย่างน้อยถึงปี 2556
ทางด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อเดือน ต.ค.2562 ว่า นายเกตส์และนายเอปสไตน์มีความสนิทสนมกันและได้พบปะพูดคุยกันหลายครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนดึกในทาวน์เฮาส์ของนายเกตส์ที่นิวยอร์ก ขณะที่โฆษกของนายเกตส์ระบุว่า การพบกันในช่วงนั้นเป็นการหารือเรื่องงานการกุศล
ต่อมาในวันที่ 10 ส.ค. 2562 นายเอปสไตน์ได้กระทำการอัตวินิบาตกรรมด้วยการแขวนคอตนเองในเรือนจำแมนฮัตตัน เพื่อหนีปัญหาคดีความที่ตนเองตกเป็นจำเลย ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และข้อหาค้ามนุษย์
การหย่าร้างของนางเมลินดา และนายบิล เกตส์ ได้ดำเนินการโดยทีมกฎหมายและผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อแบ่งสินทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าราว 1.45 แสนล้านดอลลาร์
หลังการประกาศหย่าร้าง บริษัทโฮลดิ้งซึ่งนายเกตส์ได้ตั้งขึ้น ได้ดำเนินการโอนหุ้นให้กับนางเมลินดามูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหุ้นที่นายเกตส์ถือครองในบริษัท Canadian National Railway
อย่างไรก็ดี นายเกตส์และอดีตภรรยาจะคงร่วมกันบริหารและดูแลงานของมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ต่อไป

เกิดกระแสข่าวลือสะพัดทวิตเตอร์ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า “เชลลี หวัง” หรือ”หวังเจ๋อ” ล่ามสาวชาวจีนวัย 36 ปี คือคนใกล้ชิดของ”บิล เกตส์” มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ที่เพิ่งยุติชีวิตคู่นาน 27 ปีกับเมลินดา เกตส์ ผู้เป็นภรรยา
“เชลลี หวัง” เป็นชาวเมืองกวางโจวแต่ย้ายไปอยู่ในสหรัฐตั้งแต่วัยรุ่น เธอมีความเชี่ยวชาญภาษาจีนกลาง จีนกวางตุ้ง ภาษาอังกฤษ และยังเข้าใจภาษาสเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน และภาษาญี่ปุ่นอีกเล็กน้อย ที่ผ่านมา เธอเป็นล่ามอาชีพให้แก่องค์กรหลายแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมูลนิธิของบิล เกตส์ที่เธอเป็นล่ามให้ตั้งแต่ปี 2558 แต่การเป็นล่ามที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือการเป็นหัวหน้าคณะล่ามให้กับเวทีเสวนาเท็ด ทอล์ค
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่บิล เกตส์ ประกาศหย่าร้างจากภรรยาได้ไม่นาน ก็มีคนจำนวนมากโพสต์ถามเธอในทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
รอยเตอร์ รายงานว่า การหย่าร้างระหว่าง บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์วัย 65 และ เมลินดา เฟรนช์ เกตส์ วัย 56 สามีภรรยามหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ถือว่าจบสิ้นสมบูรณ์อย่างเป็นทางการตามกฎหมายเมื่อวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม หลังจากทั้งสองยื่นหย่ากันเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม หลังร่วมชีวิตคู่มา 27 ปี
รอยเตอร์ รายงานว่า ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงใดๆ ทั้งเรื่องเงิน อสังหาริมทรัพย์ และค่าเลี้ยงดูคู่ชีวิต ในคำสั่งศาลซึ่งถือเป็นที่สุด ที่ศาลสูงเขตคิง เคาน์ตี้ ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ แต่ว่า ทั้งสองต้องปฎิบัติตามข้อตกลง ในสัญญาเรื่องการแยกทาง ซึ่งไม่ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลสูงเขตคิง เคาน์ตี้
ข่าวว่า ตอนยื่นหย่า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม บิล และเมลินดา เคยกล่าวว่าพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงเรื่องการแบ่งสินสมรสกันแล้ว
มูลนิธิบิล & เมลินดา เกตส์ ฟาวน์เดชั่น ตั้งอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล เป็นหนึ่งในองค์กรที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้ใช้เงินกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ ราว 1,650,000 ล้านบาทในการนำเศรษฐกิจต่อสู้ขจัดความยากจนและโรคภัยต่างๆ