ประวัติศาสตร์รัสเซีย ก่อร่างสร้างอาณาจักรขึ้นมาในเวลาไล่เรี่ยกับสยาม ในขณะที่สยามมีอาณาจักรสุโขทัยเกิดขึ้นแล้ว ชาวเคียฟรุส ชาวสลาฟ ชาวมัสโคไวท์ ชาวนอฟกอรอด และชนเผ่าอื่นๆยังกระจัดกระจายอยู่บริเวณนั้น
ประวัติศาสตร์รัสเซีย ต่อมาเกิดการรวมตัวกันแต่อยู่ร่วมกันด้วยความยุ่งเหยิงที่เมือง Novgorod แล้วไปเชิญนักรบไวกิ้ง ชื่อรูลิด เข้ามาช่วยปกครองจัดระเบียบ
ราวปี 500 จนถึง 700 ชาวสลาฟ (Slavic People) เริ่มอพยพเข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณของยูเครน และทางตะวันตกของรัสเซียในปัจจุบัน
ปี ค.ศ. 862 ตามตำนานของชาวรัสเซียกล่าวไว้ว่า รูริก (Rurik) ผู้นำชาวไวกิ้งเผ่ารุส (Rus) ได้สร้างอาณาจักรของตน อยู่ที่เมืองนอฟโกรอด (Novgorod) รูริกถือได้ว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของรัสเซีย และชื่อของเผ่ารุส ก็ได้กลายมาเป็นชื่อของรัสเซีย
เผ่าตาต้าหรือมองโกลได้แผ่ขยายอำนาจเข้ามาปกครองบริเวณแถบนี้ นับตั้งแต่ปี 1250

ปี ค.ศ. 882 ทายาทของรูริกนามว่า โอเลก (Oleg) ได้ย้ายศูนย์กลางอำนาจจากเมืองนอฟโกรอด มาอยู่ที่เมืองเคียฟ (Kiev) นับเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรเคียฟรุส (Kievan Rus) อาณาจักรแห่งแรกของรัสเซีย โดยมีเจ้าชายแห่งราชวงศ์รูริกเป็นผู้ปกครอง

ปี ค.ศ. 908 – 1015 ยุคสมัยของเจ้าชายวลาดิเมียร์มหาราช (Vladimir the Great) อาณาจักรเคียฟรุสเริ่มขยายดินแดน
ปี ค.ศ. 1019 – 1054 ยุคสมัยของเจ้าชายยาโลสลาฟผู้ปราดเปรื่อง (Yaroslav the Wise) พระองค์ได้นำศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธดอกซ์ จากจักรวรรดิไบแซนไทน์ เข้ามาเผยแพร่ในรัสเซีย

ปี ค.ศ. 1147 เจ้าชายยูริ ดอลโกรูกี (Yuri Dolgorukiy) เชื้อสายของราชวงศ์รูริก ได้สถาปนาเมืองมอสโคว์ (Moscow) ซึ่งในกาลต่อมา มอสโคว์จะกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจแห่งใหม่ของรัสเซีย
Moscow ตั้งเป็นเมืองในปี 1447 สร้างความเจริญเติบโตขึ้นมาด้วยวิถีการแสวงประโยชน์จากอำนาจตาต้า เก็บภาษีนำมาสะสมทุนและทรัพยากรเพื่อใช้ในการต่อสู้กู้เอกราชจากตาต้า และ ใช้พลังอำนาจทางศาสนาจาก คริสต์นิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์และพลังทางวัฒนธรรมแบบไบแซนไทน์มาถ่วงดุลย์ จนสามารถดูดเอาความมั่งคั่งจากเมืองข้างเคียงมาบำรุงและค่อยๆขยายอาณาจักรออกไป
ค.ศ. 1472 กษัตริย์รัสเซีย ชื่อพระเจ้าอีวาน ที่ 3 (มหาราช) ประกาศเอกราชเป็นอิสระจากมองโกลหรือตาต้า ด้วยการอิงกับพลังอำนาจอาณาจักรไบเซนไทน์และศาสนาโรมันคาธอลิค ประกาศตัวเป็นอาณาจักรโรมันที่สาม ตั้งมั่นที่เมืองมอสโก สร้างกำแพงเมืองแข็งแรง ทำการแข็งขืนจากตาต้า และสร้างโบสถ์ใหญ่เป็นการเสริมพลังทางจิตวิญญาณ ก่อนที่จะทำสงครามและสามารถเอาชนะตาต้าได้ ที่บริเวณนอกเมืองมอสโก ประกาศเป็นเอกราชในปี 1505 สร้างอาณาจักรได้สำเร็จ และเรียกตนเองว่า ”ซาร์” หรือซีซาร์แบบรัสเซีย
ประวัติศาสตร์รัสเซีย เริ่มต้นขึ้นเมื่อชาวสลาฟตะวันออกก่อตั้งจักรวรรดิเคียฟรุส และรับเอาศาสนาคริสต์มาจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ในปี พ.ศ. 1531 ในปีพ.ศ. 1783 อาณาจักรคีวานรุสล่มสลายโดยการรุกรานจากจักรวรรดิมองโกล
หลังจากคริสต์ศตวรรษที่ 13 มอสโกได้ค่อยพัฒนาเป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรมทีละน้อย ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 รัฐมอสโกได้เป็นใหญ่ในจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งได้มีการขยายอาณาเขตถึงโปแลนด์ ทางด้านตะวันออกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก จนถึงสมัยพระเจ้าซาร์อีวานที่ 3 ในปี พ.ศ. 2023 พระองค์หยุดส่งเครื่องบรรณาการให้มองโกเลีย และประกาศเอกราชไม่เป็นเมืองขึ้นของมองโกเลียอีกต่อไป หลังจากการเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่งผลให้รัสเซียเผชิญปัญหาในการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ความเป็นอยู่ประชาชนลำบากแร้นแค้น กำลังทหารและเศรษฐกิจรัสเซียเข้าขั้นวิกฤต ในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์จึงได้ก่อการปฏิวัติขึ้นในปี พ.ศ. 2460 นำไปสู่การก่อตั้งสหภาพโซเวียต เป็นประเทศแรกของโลกที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกคู่กับสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามเย็น ในสมัยนั้น นโยบายของสหภาพโซเวียตได้เน้นการป้องกันประเทศและพัฒนาด้านอุตสาหกรรม แต่การเน้นพัฒนาทหารขนานใหญ่ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ต่อมา เมื่อมิคาอิล กอร์บาชอฟ ขึ้นสู่อำนาจ เขาได้เริ่มนโยบายปฏิรูปด้านต่าง ๆ ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายใน พ.ศ. 2534 สาธารณรัฐต่าง ๆ แยกตัวเป็นอิสระ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียจึงแยกตัวออกมาเป็นเป็นสหพันธรัฐรัสเซียในปัจจุบัน โดยที่รัสเซียได้รับสถานภาพตามกฎหมายในเวทีระหว่างประเทศมาจากสหภาพโซเวียต
เมื่อขับไล่ตาต้าออกไปได้แล้ว พระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 จึงสร้างโบสถ์เซนต์เบซิลขึ้นเป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกยุทธการ 8 วัน ด้วยการสร้างโดม 8 ยอดที่สวยงามและมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็น“มหาวิหารเซนต์เบซิล” โบสถ์แห่งการขอร้อง ตั้งอยู่ข้างวังเครมลิน เป็นสัญลักษณ์ที่คนจดจำมากที่สุดของมอสโกมาจนถึงปัจจุบัน
ถึงยุคของพระเจ้าซาร์องค์ต่อมา ที่ชื่อปีเตอร์ ที่1 มหาราช (1672-1725) เริ่มสร้างเมืองใหม่ในพื้นที่ทางตะวันตก ที่ใช้กำลังทหารไปแย่งเอามาจากสวีเดน
ก่อนขึ้นครองราชย์ ได้ลงทุนปลอมพระองค์ไปศึกษาศาสตร์การสร้างเรือจากชาวดัชท์ การสร้างกองทัพเรือของอังกฤษและศึกษาความเจริญแบบยุโรป เพื่อนำมาใช้สร้างเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บนที่ราบลุ่มหนองบึงริมฝั่งทะเลบอลติกด้วยแรงงานคนรัสเซีย
การก่อร่างสร้างเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นนโยบายของพระเจ้าซาร์ตลอดหลายทศวรรษ จึงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อไล่ให้ทันยุโรป ทรงปล่อยเรือรบลำแรกจากอู่ต่อเรือในปี 1706 ย้ายเมืองหลวงจากมอสโกมาอยู่ที่นี่ ในปี1712 และทรงเริ่มการสร้างพระราชวังปีเตอร์ฮอฟอันโอ่อ่าบนเชิงเขาริมทะเลบอลติค ตั้งแต่ปี 1716
การสร้างเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กให้ทันสมัยและยิ่งใหญ่ นับเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่พยายามจะทำให้รัสเซียก้าวทันยุโรป ทั้งด้านการเป็นมหาอำนาจทางทะเล ทางการค้าและทางกำลังทหาร
ค.ศ. 1547 ซาร์อีวาน ที่ 4 ผู้โหดร้ายและห้าวหาญ (IVAN the Terrible) พัฒนาอาวุธป้อมเคลื่อนที่ “โกไรโกรอด” และใช้กำลังทหาร 150,000 คน ใช้กลยุทธ์ปิดล้อมเมืองคาซาน ฐานหลักของตาต้า ขุดกำแพงเมือง ฝังระเบิดทำลายกำแพงเมือง รบพุ่งกันอยู่ 8 วันจึงตีเมืองแตก สามารถขับไล่ตาต้าถอยร่นไปจากแดนไซบีเรียได้สำเร็จ ขยายอาณาจักรออกไปราว 4 เท่าตัว กลายเป็นจักรวรรดที่ขยายออกไปทางใต้ ตะวันตกและตะวันออก
บันทึกในปี 1708 ระบุว่า มีชีวิตที่สูญเสียไปในการสร้างเมืองนี้ จำนวนมากถึง 25,000คน จึงทำให้เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กบางครั้งมีชื่อเล่นเรียกอีกอย่างว่า “เมืองแห่งกองกระดูก”
ค.ศ. 1729 -1796 จักรพรรดินี แคเธอรีน ที่2 หลานสะใภ้ชาวเยอรมันของปีเตอร์มหาราช ผู้แย่งยึดบัลลังก์จากพระสวามี พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ ที่ 3 หลังจากทรงขึ้นครองราชย์เป็นการสืบทอดอำนาจได้เพียง 6 เดือน
พระนางทรงเป็นจักรพรรดินีที่ทรงอำนาจมาก สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับรัสเซียเทียบเท่าราชอาณาจักรในยุโรปอื่นๆ ทั้งยังสามารถขยายอาณาจักรไปได้กว้างขวางจนสุดถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค มีพื้นที่ 200,000 ตารางไมล์ ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 6 ของโลก 15 โซนเวลา นับเป็นผู้สืบทอดความฝันของปีเตอร์มหาราชให้เป็นจริง
การขยายดินแดนอาณาจักร ได้นำมาซึ่งความมั่งคั่งของจักรวรรดิ โดยพระนางแคเธอรีนได้ใช้ความมั่งคั่งเหล่านี้มาปฏิรูปที่อยู่อาศัย สร้างโรงพยาบาลสำหรับคนยากจน สร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัย และสร้างเมืองเล็กๆอีก 216 เมือง กำหนดผังเมืองที่เป็นแบบฉบับ ระบุว่าตรงไหนจะเป็นจัตุรัสของเมือง ที่อยู่อาศัย เส้นทางติดต่อคมนาคม และมีการขุดคลองระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมเมือง
พระนางแคเธอรีนเป็นคนเจ้าชู้ มีเด็กหนุ่มเป็นชู้รักหรือสวามีน้อยๆรวม 45 คน มีการสร้างพระราชวังฤดูหนาวที่โอ่อ่า พระราชวังแคเธอรีน เป็นอาคารสูงสามชั้นที่ใหญ่โตมาก มีห้อง 500 ห้อง เพื่อปรนเปรอความสุข ทั้งยังเพื่อแสดงพระราชอำนาจของพระนาง
วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 0500 วันที่ประมาณการ