Skip to content
Home » News » ประวัติศาสตร์ราชวงศ์คองบอง

ประวัติศาสตร์ราชวงศ์คองบอง

ประวัติศาสตร์ราชวงศ์คองบอง หรือ ราชวงศ์อลองพญา เป็นราชวงศ์ที่ 3 ในประวัติศาสตร์พม่า และเป็นราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ก่อนที่จะตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร และสิ้นสุดการปกครองระบอบราชาธิปไตยของพม่า

ประวัติศาสตร์ราชวงศ์คองบอง หรือราชวงศ์อลองพญานั้นได้รับการสถาปนาขึ้นโดยการเสวยราชสมบัติของพระเจ้าอลองพญาในปี พ.ศ. 2295 พระองค์ขับไล่ชาวมอญและยึดครองอาณาจักรมอญได้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2302 ภายหลังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู ทั้งยังสามารถกลับเข้ายึดครองเมืองมณีปุระได้ในช่วงเวลาเดียวกัน ทรงสถาปนาเมืองชเวโบขึ้นเป็นราชธานี ก่อนจะย้ายไปที่อังวะและทรงพัฒนาเมืองย่างกุ้ง หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ขึ้นเป็นเมืองท่าสำคัญ

ประวัติศาสตร์ราชวงศ์คองบอง
http://lakmuangonline.com/?p=3963

ต่อมาพระเจ้าอลองพญาได้ทรงนำทัพบุกกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากทางอยุธยาได้ให้การสนับสนุนมอญที่ลี้ภัยสงครามเข้ามาพึ่งกษัตริย์ไทย ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศและไม่พอใจที่อยุธยายึดเรือสินค้าที่จะเดินทางมาค้าขายกับพม่าที่เมืองมะริด โดยเดินทัพเข้ามาทางด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและสิ้นพระชนม์หลังจากการทำสงครามครั้งนั้น พระเจ้ามังระผู้เป็นพระราชโอรสของพระองค์ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาต่อ โดยได้ส่งทัพใหญ่มา 2 ทางล้อมกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2307 ทางหนึ่งให้เนเมียวสีหบดีนำพลเข้ามาทางเหนือด้วยการตีล้านนา ล้านช้างและหัวเมืองเหนือก่อน และอีกทางหนึ่งให้มังมหานรธานำกองทัพเข้ามาทางใต้ ทั้ง 2 ทัพเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้นานถึง 1 ปีครึ่งแม้ผ่านฤดูน้ำหลากก็ไม่ยกทัพกลับ ภายหลังแม่ทัพฝ่ายใต้ คือ มังมหานรธา เสียชีวิตลงก็ส่งแม่ทัพคนใหม่จากเมืองเมาะตะมะชื่อ เมงเยเมงละอูสะนา เข้ามาทำหน้าที่แทนจนในที่สุดก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาแตกได้ในปี พ.ศ. 2310 แต่กองทัพพม่าก็อยู่ได้ไม่นานเนื่องจากพระเจ้ามังระทรงให้เร่งทำการและรีบกลับเพื่อทำสงครามกับจีนในรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง

ถึงแม้อาณาจักรอยุธยาจะถูกทำลายแต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงสถาปนาศูนย์กลางอำนาจขึ้นมาใหม่ที่กรุงธนบุรี พระเจ้ามังระจึงทรงส่งแม่ทัพคนใหม่มา คือ อะแซหวุ่นกี้ นำทัพใหญ่เข้ามาปราบปรามฝ่ายธนบุรีในปี พ.ศ. 2318 อะแซหวุ่นกี้สามารถตีหัวเมืองพิษณุโลกแตกและกำลังจะยกทัพตามลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็ต้องยกทัพกลับเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามังระในปี พ.ศ. 2319 จากนั้นก็เกิดการแย่งชิงราชสมบัติราว 4–5 ปี ก่อนที่จะกลับมามีความมั่นคงขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระเจ้าปดุง พระองค์ทรงยกทัพเข้าตีดินแดนยะไข่ได้สำเร็จ ซึ่งไม่เคยมีกษัตริย์พม่าพระองค์ใดทำได้มาก่อน ทำให้พระองค์เกิดความฮึกเหิม ยกกองทัพใหญ่มา 9 ทัพ 5 เส้นทาง ที่เรียกว่า สงครามเก้าทัพ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ในรัชสมัยพระเจ้าจักกายแมง พม่าได้ยึดครองแคว้นอัสสัมของอินเดียได้สำเร็จ ทำให้พม่าต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิอังกฤษซึ่งกำลังล่าอาณานิคมอยู่ในขณะนั้น ก่อให้เกิดเป็นสงครามที่เรียกว่า “สงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่หนึ่ง” กินระยะเวลา 2 ปี คือ พ.ศ. 2367–2369 สงครามจบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า มหาบัณฑุละ แม่ทัพพม่าที่เลื่องชื่อก็เสียชีวิตลง ทำให้ต้องลงนามในสนธิสัญญาชื่อ สนธิสัญญารานตะโบ พม่าจำต้องยกเมืองที่สำคัญให้แก่อังกฤษ เช่น มณีปุระ ยะไข่ ตะนาวศรี

ต่อมาได้มีการละเมิดสนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้เกิดสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สองและจบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษ ในรัชสมัยของพระเจ้ามินดงพระองค์พยายามที่จะฟื้นฟูความเข้มแข็งของอาณาจักรขึ้นมาอีกครั้ง โดยสถาปนามัณฑะเลย์ขึ้นเป็นราชธานีมีการสร้างพระราชวังอย่างใหญ่โต แต่ในรัชสมัยของพระโอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าธีบอ พระองค์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศไว้ได้ทำให้นำไปสู่การทำสงครามกับอังกฤษอีกครั้ง และครั้งนี้อังกฤษสามารถครอบครองพม่าไว้ได้หมดทั้งประเทศในปี พ.ศ. 2428 ทำให้พระเจ้าธีบอถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่อินเดียหลังสิ้นสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สาม ทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่าและเป็นการสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ในพม่าที่มีมายาวนาน

ราชวงศ์โก้นบอง มีกษัตริย์ทั้งหมด 11 พระองค์ กินระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2295 จนถึงปี พ.ศ. 2428 มีเมืองหลวงหลายเมือง ทั้งชเวโบ ซะไกง์ อังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์

ความแข็งแกร่งของราชวงศ์คองบองประกอบขึ้นจากหลายเหตุปัจจัย ที่สำคัญประการหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือปัจจัยด้าน “ภูมิศาสตร์” จากความสำเร็จในการผนวกพื้นที่ภูมิศาสตร์สำคัญ ๆ ตลอดแม่น้ำอิรวดีและลุ่มแม่น้ำข้างเคียง ทำให้รัฐพม่าภายใต้ราชวงศ์คองบองสามารถควบคุมหัวเมืองและพื้นที่ภูมิศาสตร์ได้มากกว่าหรือใหญ่โตกว่ารัฐอยุธยา เมื่อนั้นเองที่กำลังพลและเสบียงอาหารเพิ่มพูนขึ้น เป็นพลังขับเคลื่อนเครื่องจักรสงครามของกองทัพพม่าในการทำสงครามกับรัฐอยุธยา

พื้นที่ภูมิศาสตร์สำคัญของรัฐพม่าประกอบด้วย 2 พื้นที่ คือ 1. พื้นที่กสิกรรม “Dry Zone” ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตกำลังคนในรัฐพม่า และ 2. พื้นที่พาณิชยกรรม “Delta” ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นหัวใจของการค้าและการซื้ออาวุธจากต่างชาติ

ราชวงศ์คองบองหรือราชวงศ์อลองพญา โดยปฐมกษัตริย์เป็นมหาราชที่ยิ่งใหญ่ ราชวงศ์ได้ปกครองอาณาจักพม่านานถึง ๑๒๖ ปี อาณาจักรพม่าได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ของอำนาจ มรอาณาเขตขยายไปสู่อาณาจักรข้างเคียง มีความมั่นคงด้วยทรัพย์สินมีค่ามากมาย โดยมีดินแดนที่อยู่ในอำนาจของอาณาจักรกว้างใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในอดีตจึงเป็นมหาอำนาจทางทหารแห่งอุษาคเนย์ จากนั้นอาณาจักรพม่าก็เริ่มเสื่อม ลงเป็นลำดับ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87

1ม.ค.1752(วันที่ประมาณการ)