ประหาร ไซซะนะ ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต “ไซซะนะ แก้วพิมพา” ไฮโซชาวลาวพร้อมพวกอีกราย คดีสมคบกันค้ายาบ้า แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานยังไม่เพียงพอ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 20 สิงหาคม ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ หมายเลขดำ อย.2833/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด10 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี (XAY SANA KEOPIMPHA) สัญชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) , นายชุมพร พนมไพร อายุ 45 ปี และนายรัชพล หรือกิมเล้ง รัฐสพลพกรณ์ อายุ 33 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันสมคบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
และมียาบ้า ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีน ยาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 , พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91

โดยอัยการโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 24 ก.ค.- 16 ก.ย.2558 จำเลยที่ 1-2 กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการเครือข่ายยาเสพติด โดยจำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ใน สปป.ลาว ร่วมกันจัดหาเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า
และจัดหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลักลอบขนส่งลำเลียงยาเสพติดและจัดหารถยนต์สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดจำนวน 2,381,400 เม็ด ไปส่งให้กับเครือข่ายทางภาคใต้ของไทย และมาเลเซีย และระหว่างวันที่ 17 – 22 ส.ค. 2559 จำเลยทั้งสาม ยังร่วมกันสมคบกันลักลอบส่งยาบ้าอีก 1 ล้านเม็ด ส่งให้เครือข่ายทางภาคใต้โดยติดต่อกับนายไซนุเด็ง มะ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากนายไซนุเด็งหลายครั้งหลายหน จำนวน 144 ล้านบาท ไปส่งมอบให้เพื่อนของจำเลยที่ 1 ที่ สปป.ลาว อันเป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2561 ให้ประหารชีวิต นายไซซะนะ และ “นายชุมพร” จำเลยที่ 1-2 คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยที่1-2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่1-2 ไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากยาบ้าคดีแรกจำนวน 1.2 ล้านเม็ด ที่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแล้วด้วย โดยพิพากษายกฟ้อง นายรัชพล จำเลยที่3 อัยการโจทก์ และจำเลยที่ 1,2 ยื่นอุทธรณ์
ส่วนในวันนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วพิพากษาแก้ว่า นายไซซะนะ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติดเพิ่มอีก 1ฐานความผิดด้วย แต่ยังคงโทษประหารชีวิต คำให้การจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์อยู่บ้างในชั้นสอบสวนลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต
แต่คำให้การชั้นสอบสวนของ นายไซซะนะ มีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ยังจำคุกตลอดชีวิตตามศาลชั้นต้น ขณะที่จำเลยที่3 พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอที่จะพิพากษาลงโทษได้ ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “นายไซซะนะ” ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2562 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาคดี อย.1642/2560 ให้ประหารชีวิต “นายไซซะนะ” ฐานนำเข้ายาบ้า จำนวน 1.2 ล้านเม็ด เข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตอีกคดีด้วย
ประหาร ไซซะนะ ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาให้ประหารชีวิต นายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดชาวลาวกับพวกรวม2คนคดีที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ในความผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำนวน1ล้านเม็ด แต่ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีลดโทษ1ใน3คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ฟ้องด้วยอีกคนพิพากษายกฟ้อง
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยร่วมกันครอบครองยาบ้า 2,381,400 เพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยร่วมกันกระทำความผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ให้ยกฟ้องในส่วนนี้ส่วนคดีที่จำเลยร่วมกันครอบครองยาบ้า 1 ล้านเม็ด พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่า
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการให้จัดหารถยนต์เพื่อขนยาบ้า ไปส่งให้กับเครือข่าย เห็นว่าจำเลยที่ 1 และ 2 ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนจำเลยที่ 3 ยังไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินในมาเลเซียและ สปป.ลาว
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 2 มีความผิดตามฟ้องโจทก์ลงโทษ ประหารชีวิตคำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษต่อจากคดีที่ได้มีคำพิพากษาไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนจำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง