Skip to content
Home » News » ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์

ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์

ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์ ชีวิตของเชคสเปียร์มีเจ็ดปีที่ไม่มีประวัติใดๆ เกิดขึ้นเลย หลังจากการกำเนิดฝาแฝดแฮมเน็ตกับจูดิธ ในปี ค.ศ. 1585 นักวิชาการเรียกช่วงเวลานี้ว่า “ปีที่สูญหายไป” ได้มีการคาดเดาอย่างกว้างขวางว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานี้

ทฤษฎีหนึ่งคือเขาอาจหนีจากสแตรทฟอร์ดไปลอนดอนเพื่อหลบซ่อนตัว เพราะได้บุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ของเซอร์โธมัส ลูซี่ ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือเขาอาจทำงานเป็นผู้ช่วยครูในแลงคาเชียร์

ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์ โดยทั่วไปเชื่อกันว่าเขามาถึงลอนดอนในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษที่ 1580 และอาจได้ทำงานเป็นผู้ดูแลม้าในโรงละครชั้นนำของลอนดอน จนกระทั่งไต่เต้าเติบโตจนกลายมาเป็นคนเขียนบทละครในที่สุด

ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์
https://porcupinebook.com/author-biography/william-shakespeare-biography/#%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C

The King’s Men

ในช่วงต้นทศวรรษ 1590 มีเอกสารแสดงให้เห็นว่าเชคสเปียร์ร่วมก่อตั้งบริษัทการแสดง Lord Chamberlain’s Men ในลอนดอน โดยมีเพื่อนนักแสดงเป็นหุ้นส่วน

แม้ว่าวัฒนธรรมการแสดงละครในอังกฤษในศตวรรษที่ 16 จะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากผู้คนที่มีฐานะ แต่คนชั้นสูงบางคนก็ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะการแสดงและเป็นผู้สนับสนุนนักแสดง Lord Chamberlain’s Men ถือเป็นคณะละครที่สำคัญที่สุดในยุคนั้น แต่ก็ได้รับการอุปถุมป์จาก James Charles Stuart เมื่อขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็น คิง เจมส์ที่ 1 บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น King’s Men ในปี ค.ศ. 1603

จากรายได้ทางบัญชีทั้งหมด บริษัท King’s Men ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พวกเขาได้แสดงละครในราชสำนักอย่างสม่ำเสมอ ในบันทึกแสดงให้เห็นว่าเชคสเปียร์มีผลงานตีพิมพ์และจำหน่าย ผลงานของเขากลายเป็นวรรณกรรมยอดนิยม

นักแสดงและนักเขียนบทละคร

ในปี ค.ศ. 1592 มีหลักฐานแสดงว่าเชคสเปียร์เริ่มหาเลี้ยงชีพในฐานะนักแสดงและนักเขียนบทละครในลอนดอน และอาจเป็นผู้อำนวยการสร้างละครหลายเรื่อง

สมุดลงทะเบียนสำหรับผู้จัดพิมพ์หนังสือ ฉบับวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1592 (สมาคมสิ่งพิมพ์) ได้ตีพิมพ์บทความของโรเบิร์ต กรีน นักเขียนบทละครชาวลอนดอนที่ใช้พื้นที่เขียนถึงเชคสเปียร์ส่วนหนึ่ง นักวิชาการตีความคำวิจารณ์นี้แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าข้อความของกรีน เป็นการยกย่องว่าเชคสเปียร์อยู่เหนือละดับจากพวกเขา ทั้งที่ชื่อชั้นการศึกษาไม่สามารถเทียบกันได้ ยกตัวอย่างกลุ่มนักเขียนบทละครที่ผู้อ่านรู้จักกันดี มีการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เช่น Christopher Marlowe, Thomas Nashe รวมถึงตัวกรีนเองด้วย

ในช่วงต้นอาชีพเชคสเปียร์ ได้ตีพิมพ์ผลงาน บทกวี Sonet สองเล่ม เล่มแรก   “Venus and Adonis” (ค.ศ. 1593) และ เล่มที่สอง “The Rape of Lucrece” (ค.ศ. 1594) เขาได้อุทิศบทกวีให้กับ Henry Wriothesley เอิร์ลแห่งเซาแธมป์ตัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้อุปถัมป์เขา

ภายในปี ค.ศ. 1597 เชคสเปียร์ได้เขียนและตีพิมพ์บทละคร 15 เรื่องจาก 37 เรื่อง บันทึกทางแพ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลานี้เขาได้ซื้อบ้านหลังใหญ่เป็นอันดับสองในสแตรทฟอร์ดเรียกว่า New House ให้กับครอบครัว

จากสแตรทฟอร์ดนั่งรถม้าไปลอนดอนใช้เวลาสี่วัน ดังนั้นจึงเชื่อกันว่าเชคสเปียร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนบทละครที่บ้านเกิด และกลับมาแสดงในเมือง เขากลับบ้านปีละครั้งในช่วงถือศีล 40 วันเมื่อโรงละครปิดตัวลง

โรงละครโกลบ (Globe Theater)

ในปี ค.ศ. 1599 เชคสเปียร์และหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาได้สร้างโรงละครของตนเองขึ้นที่ฝั่งใต้ของแม่น้ำเทมส์ซึ่งเรียกว่าโรงละครโกลบ

ในปี ค.ศ. 1605 เชคสเปียร์ได้ซื้อสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ใกล้เมืองสแตรทฟอร์ดในราคา 440 ปอนด์ ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสองเท่าและทำให้เขาได้รับ 60 ปอนด์ต่อปี สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้ประกอบการ และศิลปิน นักวิชาการเชื่อว่าการลงทุนเหล่านี้ทำให้เขามีเวลาเขียนบทละครของเขาโดยไม่สะดุด

รูปแบบการเขียนของเชคสเปียร์

บทละครในยุคแรกๆ ของเชคสเปียร์เขียนขึ้นในรูปแบบดั้งเดิม โดยมีการอุปมาอุปมัยและวลีเชิงโวหารที่ไม่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องหรือตัวละครของเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามเชคสเปียร์ เริ่มปรับปรุงโครงสร้างบทละครของเขาขึ้นใหม่เพื่อให้เป้าหมายของเนื้อหาเป็นไปตามจุดประสงค์ที่เขาต้องการและสร้างคำที่เป็นอิสระมากขึ้น

ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เชคสเปียร์เพิ่มจังหวะที่ไม่เน้นหนักที่ท้ายบรรทัดเพื่อเน้นความรู้สึกการไตร่ตรองของตัวละคร นี่คือรูปแบบของ iambic pentameter เขาสลับลำดับของการเน้นเสียงใน iambic เพื่อช่วยเน้นคำพูดหรือแนวคิดบางอย่างลงไป ในบางครั้งเชคสเปียร์ก็ฝ่าฝืนกฎโดยสิ้นเชิงและวางพยางค์ที่เน้นเสียงสองพยางค์ไว้ใน iambus เดียวกัน

บทละครของเชคสเปียร์

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะระบุลำดับเหตุการณ์ที่แน่นอนของบทละครเชคสเปียร์ในช่วง 2 ทศวรรษตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1590 ถึง ค.ศ. 1613 เขาเขียนบทละครทั้งหมด 37 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลักต่างๆ ได้แก่ ประวัติศาสตร์ โศกนาฏกรรม และตลกขันขื่น

ปีที่สูญหายไปของเชกสเปียร์

ผลงานในช่วงต้น: ประวัติศาสตร์และคอเมดี้

ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ William Shakespeare Biography คงหนีไม่พ้นละครเรื่องแรกๆ ของเชคสเปียร์ งานของเขาส่วนใหญ่เป็นละครประวัติศาสตร์ ยกเว้นเรื่องราวความรักที่น่าเศร้า “โรมิโอและจูเลียต” ก็เป็นเรื่อง Henry VI (ภาคที่ I, II และ III), Richard II และ Henry V ละครแสดงถึงผลลัพธ์ของการทำลายล้างจากชนชั้นผู้ปกครองที่อ่อนแอ การคอรัปชั่น นักประวัติศาสตร์ตีความว่าละครในช่วงนี้เชคสเปียร์ได้รับอิทธิพลจากราชวงศ์ทิวดอร์ Tudor Dynasty

ในละครเรื่อง Julius Caesar แสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายในการเมืองโรมัน ผู้ชมสนใจละครเรื่องนี้ในช่วงเวลาที่พระราชินีอลิซาเบธ ที่ 1 ราชินีชราของอังกฤษผู้ไม่มีทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงสร้างศักยภาพในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในอนาคต

เชคสเปียร์ยังเขียนคอเมดี้หลายเรื่องในช่วงแรกๆ : A Midsummer Night’s Dream ที่เต็มไปด้วยภาพฝันแปลกประหลาด, Merchant of Venice เรื่องราวอันแสนโรแมนติก, ชิงไหวพริบและการเล่นลิ้นของ Much Ado About Nothing  และทรงเสน่ห์อย่างแรงในแบบที่ผู้ชมชื่นชอบ Twelfth Night

บทละครอื่นๆ ที่เขียนขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1600 ได้แก่ Titus Andronicus, The Comedy of Errors, The Two Gentlemen of Verona, The Taming of the Shrew, Love’s Labour’s Lost, King John, The Merry Wives of Windsor และ Henry V

งานช่วงหลังจากปี ค.ศ. 1600: โศกนาฏกรรมและตลกขมขื่น

ช่วงเวลาต่อมาของเชคสเปียร์หลังปี ค.ศ.1600 เขาเขียนงานโศกนาฏกรรม Hamlet, Othello, King Lear และ Macbeth สิ่งเหล่านี้ในตัวละครของเชคสเปียร์นำเสนอการแสดงอารมณ์ของมนุษย์ที่แจ่มชัดอยู่เหนือกาลเวลาและเป็นสากล

โดยเฉพาะแฮมเล็ตเป็นเรื่องที่โด่งดังที่ผู้ชมรู้จักกันดี Hamlet สำรวจเข้าไปสู่ภายในจิตใจ การทรยศ การแก้แค้น การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง และความล้มเหลวทางศีลธรรม ความล้มเหลวทางศีลธรรมเหล่านี้มักส่งผลต่อโครงสร้างของเรื่อง ผลักดันให้บทละครของเชคสเปียร์พลิกผันโดยทำลายวีรกรรมของวีรบุรุษ และคนที่เขารัก

ในช่วงสุดท้ายชีวิตของเชคสเปียร์เขาเขียนเรื่องโศกนาฏกรรมเอาไว้หลายเรื่อง ในจำนวนนี้ ได้แก่ Cymbeline, The Winter’s Tale และ The Tempest แม้ว่าจะมีน้ำเสียงที่น่าเกรงขามกว่าคอเมดี้ แต่ก็ไม่ใช่โศกนาฏกรรมอันดำมืดแบบ King Lear หรือ Macbeth เพราะจบลงด้วยการคืนดีและการให้อภัย

บทละครอื่นๆ ที่เขียนขึ้นในช่วงเวลานี้ ได้แก่ All’s Well That Ends Well, Measure for Measure, Timon of Athens, Coriolanus, Pericles และ Henry VIII

https://porcupinebook.com/author-biography/william-shakespeare-biography/#%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C

1.ม.ค1585(วันที่ประมาณการ)