Skip to content
Home » News » ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์

ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์

ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์
https://www.bbc.com/thai/international-50830663

ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์ รู้จักแจ็คเดอะริปเปอร์จากหลักฐานเพียงน้อยนิด

ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอนเป็นพื้นที่ของคนยากจนที่เต็มไปด้วยปัญหาชุมชนแออัด การทะเลาะวิวาท และอาชญากรรม เหล่าหญิงสาวต่างผันตัวมาเป็นโสเภณีให้บริการแขก นั่นทำให้พวกเธอหลายคนติดโรคซิฟิลิส นอกจากนี้ ไวท์ชาเปลยังเป็นเขตที่ผู้อพยพชาวยิวและรัสเซียเดินทางมาตั้งรกราก

หลายทฤษฎีจึงมีการคาดคะเนว่าแจ็ค เดอะ ริปเปอร์อาจไม่ใช่ชาวอังกฤษโดยกำเนิด แต่ก็มีคนแย้งว่า หากฆาตกรต่อเนื่องคนนี้พูดอังกฤษได้ไม่ดี เขาน่าจะมีโอกาสถูกจับมากกว่า และไม่น่ารอดมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนพฤติกรรมการฆ่าเหยื่อในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในเวลาเช้าตรู่ ทำให้เกิดการคาดเดาว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์น่าจะเป็นคนธรรมดาที่ต้องทำงานในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพียงการตบตาของฆาตกรที่ต้องการทำให้ตำรวจสับสนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม วิธีการตัดอวัยวะภายในของเหยื่อทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์อาจเป็นหมอศัลยกรรม หรือเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์เป็นอย่างดี เพราะเขารู้ว่าอวัยวะอะไรอยู่ส่วนไหน และสามารถตัดมันออกมาแม้จะอยู่ในที่มืดได้

นอกจากนี้ พยานที่เคยพบเห็นแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ยังบอกว่า เขาเป็นชายที่ไว้หนวดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่จากการที่มีคนพบเห็นฆาตกร และฆาตกรกระทำการสังหารเหยื่อในที่โล่งแจ้งอย่างไม่เกรงว่าจะถูกจับได้ ทำให้บางคนสันนิษฐานต่อว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์น่าจะเป็นคนที่ไม่ได้วางแผนก่อนการฆ่า ทั้งยังฆ่าโดยไม่มีแบบแผน เนื่องจากลักษณะการเลือกเหยื่อของเขาไม่เหมือนกัน บางคนอายุมาก บางคนอายุน้อย บางคนรูปร่างสมส่วน บางคนร่างอวบ บางคนผมสีดำ บางคนผมสีบลอนด์ เป็นต้น

แต่สำหรับคนที่คิดว่าทั้ง 5 ศพนั้นเป็นฝีมือของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ พวกเขาได้ให้ความเห็นว่า ที่ศพของแมรี แอนน์ นิโคลส์ และเอลิซาเบธ สไตรด์ ยังไม่ถูกชำแหละเช่นเดียวกับศพที่เหลือ เป็นเพราะฆาตกรถูกขัดจังหวะจึงยังกระทำการไม่สำเร็จ แต่หากเขาทำสำเร็จ ทั้ง 5 ศพจะถือว่าเป็นการฆ่าที่มีแบบแผนเดียวกัน

จากหลักฐานทั้งหมดที่ถูกเก็บรวบรวมมากว่า 1 ศตวรรษจึงนำไปสู่ตัวผู้ต้องสงสัยที่มีมากกว่า 31 คน โดยมีตั้งแต่คนในสลัมไปจนถึงเศรษฐี คนยกปลา ศิลปิน แพทย์ ไปจนถึงเจ้านายแห่งราชวงศ์อังกฤษ

ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์
https://www.bbc.com/thai/international-50830663

เปิดรายชื่อ ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์และหลักฐานชิ้นล่าสุด

ผู้ต้องสงสัย แจ็ก เดอะริปเปอร์ เขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ รูปร่างที่สูงสง่า และฐานันดรศักดิ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ‘เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ คริสเตียน เอ็ดเวิร์ด’ (Prince Albert Victor Christian Edward) หลานชายของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ คำกล่าวอ้างบางส่วนบอกว่า เจ้าชายเดินทางมาใช้บริการซ่องในเขตไวท์ชาเปล และต้องการปกปิดเรื่องที่เจ้าชายมีความสัมพันธ์กับโสเภณี

โดยการตามฆ่าโสเภณีทุกคนที่ทราบเรื่อง แต่กระนั้นก็ไม่มีเครื่องยืนยันว่า เจ้าชายอยู่ในลอนดอนตลอดระยะเวลาที่แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ปรากฏตัว และไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างหญิงสาวแต่ละคนที่เสียชีวิต ทั้งลักษณะภายนอกของเจ้าชายยังอ่อนเยาว์กว่าที่พยานเคยระบุเอาไว้

ผู้ต้องสงสัยอีกคนคือจิตรกรชื่อดังระดับโลกนามว่า ‘วอลเตอร์ ซิคเคิร์ต’ (Walter Sickert) เขาถูกกล่าวถึงโดยนักเขียนนามว่า ‘แพทริเซีย คอร์นเวลล์’ (Patricia Cornwell) ซึ่งเธอเป็นผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับหลักฐานชั้นต้นของคดีทั้งหมดด้วยตัวเอง และเขียนออกมาเป็นหนังสือเรื่อง ‘Portrait of a Killer: Jack the Ripper, Case Closed’

โดยแพทริเซียระบุว่า DNA บนจดหมายที่แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ส่งไปยังตำรวจนั้นตรงกับ DNA ของวอลเตอร์ ทั้งเขายังเดินทางไปวาดภาพสถานที่ในลอนดอน และระบุวันตรงกับช่วงที่เกิดเหตุฆาตกรรมพอดี นอกจากนี้ภาพวาดบางส่วนยังมีลักษณะเหมือนสภาพศพของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตาย

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่วอลเตอร์ชื่นชอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมและแจ็ค เดอะ ริปเปอร์มาก ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาเพียงแค่อยากมีส่วนร่วมโดยการส่งจดหมายไปแกล้งตำรวจเท่านั้น และเขาเองยังมีพยานที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสจากจดหมายที่เขียนตอบกับญาติอีกด้วย

สำหรับผู้ต้องสงสัยอีกคน เธอมาพร้อมกับการคาดเดาของนายตำรวจคนหนึ่งที่สืบคดีของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์อยู่ แต่ในเคสนี้คงต้องเรียกว่า ‘จีล เดอะ ริปเปอร์’ เพราะผู้ต้องสงสัยอย่าง ‘แมรี เพียร์ซี’ (Mary Pearcey) นั้นเป็นผู้หญิง โดยจุดเริ่มต้นของทฤษฎีนี้มาจากคดีของแมรี เจน เคลลี

ซึ่งมีคนพบเห็นแมรี เจนถึง 2 ครั้งในเวลาหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว จึงเป็นไปได้ว่า จิล เดอะ ริปเปอร์จะสังหารเธอ และปลอมตัวเป็นแมรี เจนเพื่อหลบหนี นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า แมรี เพียร์ซีมีความรู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ เธอจึงสามารถชำแหละอวัยวะภายในออกมาได้อย่างง่ายดาย

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยพยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ทำให้ทุกคนยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย และเรื่องราวของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ยังคงเป็นกระแสให้ผู้คนกลับไปค้นคว้าเป็นระยะ กระทั่งล่าสุดในปี 2019 หลักฐานชิ้นใหม่อย่าง DNA ที่ได้มาจากผ้าคลุมไหล่ของแคทเธอรีน เอดโดวส์ที่ถูกฆ่าโดยแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ก็นำพาตำรวจไปสู่ผู้ต้องสงสัยคนเดิมอีกครั้ง

‘รัสเซล เอ็ดเวิร์ด’ คือนักเขียนผู้ได้รับผ้าคลุมไหล่ของแคทเธอรีน เอดโดวส์มาไว้ในครอบครอง เขาได้ใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์หลักฐานจากการเก็บคราบเลือดและคราบอสุจิที่ติดอยู่บนผ้าไปตรวจสอบ จนค้นพบว่าคราบเลือดนั้นเป็นของแคทเธอรีน ส่วนคราบอสุจิก็ไปตรงกับ DNA ของลูกหลานชายผู้มีนามว่า ‘อารอน คอสมินสกี’ (Aaron Kosminski) ผู้ต้องสงสัยชาวโปแลนด์ที่เคยถูกจับกุมเมื่อร้อยปีก่อน

ในสมัยที่อารอนเป็นช่างตัดผม เขาได้อาศัยอยู่ที่ถนนไวท์ชาเปล และถูกตำรวจเข้าจับกุม ก่อนจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิตในปี 1891 จนกระทั่งในปี 2007 รัสเซลได้รับผ้าคลุมไหล่นั้นมาตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า ผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุจริง นอกจากนี้ผ้าคลุมไหล่ยังอาจได้รับการปนเปื้อนจากใครก็ได้ที่จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยมาตลอด 133 ปี ดังนั้นหลักฐานจาก DNA ชิ้นล่าสุดก็ยังไม่อาจไขปริศนาได้ว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ตัวจริงคือใคร?

แต่ไม่ว่าโฉมหน้าของฆาตกรต่อเนื่องคนนี้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น และความโหดเหี้ยมบนหน้าประวัติศาสตร์ของอังกฤษจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในทางกลับกัน ตำนานของเขาจะเป็นเครื่องย้ำเตือนสังคมให้ตระหนักได้ถึงความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกัน และพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ขึ้นอีก ไม่ว่าจะที่มุมใดของโลกก็ตาม

ข้อสันนิษฐานล่าสุด

ในสารคดีของบีบีซีที่ชื่อ Jack the Ripper – The Case Reopened ที่ออกอากาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาและนิติเวชศาสตร์ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ตัวจริงอาจเป็น นายแอรอน คอสมินสกี เพราะการวิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ พบว่าเขามีพฤติการณ์เข้าข่ายจะเป็นฆาตกรใจโหดรายนี้มากที่สุด เนื่องจากอาศัยอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุในย่านไวท์แชปเปิลตอนนั้น รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี และสามารถแฝงตัวให้กลมกลืนไปกับผู้คนในพื้นที่ได้ดี

ศาสตราจารย์เดวิด วิลสัน นักอาชญาวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมซิตี ระบุว่า นายคอสมินสกี เป็นชาวโปแลนด์ที่อพยพมาอังกฤษกับครอบครัวเมื่อปี 1881 เขามีประวัติป่วยทางจิตตั้งแต่ปี 1885 โดยมีอาการหวาดระแวง และมีพฤติกรรมรุนแรง 

จากการศึกษาค้นคว้าของ ศ.วิลสัน พบว่า นายคอสมินสกี อ้างว่ามีพฤติกรรมรุนแรงเพราะได้ยินเสียงที่สั่งให้เขาแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นออกมา โดยในปี 1890 ครอบครัวได้ส่งตัวเขาเข้ารับการรักษาทางจิต หลังจากใช้มีดทำร้ายพี่น้องผู้หญิงของตัวเอง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นายคอสมินสกี ก็เข้าออกโรงพยาบาลจิตเวชหลายแห่ง ก่อนที่จะเสียชีวิตจากภาวะเนื้อตายเน่า (gangrene) ในปี 1919

แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ในสื่อ

แม้ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ จะไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องรายแรกของโลก แต่คดีนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในแวดวงสื่อสารมวลชน เพราะเป็นคดีฆาตกรรมคดีแรกที่ได้รับความสนใจรายงานข่าวจากสื่อทั่วโลก โดยเป็นยุคที่แวดวงหนังสือพิมพ์กำลังเฟื่องฟู หนังสือพิมพ์มีราคาย่อมเยาว์จึงทำให้มีผู้อ่านเป็นวงกว้าง

คดีฆาตกรรมที่ยังเป็นปริศนาของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ยังถูกนำไปเขียนเป็นนิยาย บทเพลง และสร้างเป็นละครเวที ซีรีส์ ภาพยนตร์ และสารคดีทางโทรทัศน์มากมาย 

แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วกว่าหนึ่งร้อยปี แต่คดีนี้ยังเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก และยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากซื้อทัวร์เดินชมบริเวณจุดเกิดเหตุในไวท์แชปเปิล

เมื่อปี 2006 ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นโดยบีบีซี ได้จัดให้แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นคนอังกฤษที่ชั่วร้ายที่สุดในรอบ 1,000 ปี

วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 2019 วันที่โดยประมาณการ