ภารกิจกู้เรือยักษ์ เป็นอีกหนึ่งข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจของทั้งโลกในขณะนี้ สำหรับกรณีเรือบรรทุกสินค้าขนาดยักษ์ของบริษัทเอเวอร์กรีน มารีน จากไต้หวัน ซึ่งมีความยาวประมาณ 400 เมตร และระวางขับน้ำประมาณ 200,000 ตัน ประสบเหตุเกยตื้นชายฝั่งคลองสุเอซ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
ภารกิจกู้เรือยักษ์ เจ้าหน้าที่ระดมช่วยให้หลุดเกยตื้น เริ่มกลับมาลอยได้แล้ว
นนี้ (29มี.ค.64) บริษัทอินช์เคป (Inchcape) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางทะเล ได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เรือ Ever Given ซึ่งเป็นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่เกยตื้นจนกีดขวางเส้นทางสัญจรในคลองสุเอซ ขณะนี้กลับมาลอยได้อีกครั้งแล้ว และกำลังได้รับการช่วยกู้เพิ่มเติมโดยทีมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อินช์เคปเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า
ภารกิจกู้เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซสำเร็จ จนกลับมาลอยอีกสำเร็จ ณ เวลา 04.30 น.ของวันที่ 29 มี.ค. 2564 ขณะนี้กำลังมีการช่วยกู้อย่างต่อเนื่อง และจะประกาศข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องแผนดำเนินการขั้นต่อไปเมื่อทราบแน่นอนแล้ว”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะกลับมาลอยได้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร กว่าเส้นทางเดินเรือของคลองสุเอซนี้จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เนื่องจากโดยปกติแล้วต่อวันจะมีเรือเพียง 50 ลำเท่านั้น และในขณะนี้ มีเรือมากกว่า 450 ลำยังคงรอใช้เส้นทางดังกล่าวอยู่อีกด้วย

ภารกิจครั้งใหญ่กู้เรือคอนเทนเนอร์ขนาดยักษ์ ‘เอเวอร์ กิฟเวน’
นายปีเตอร์ เบอร์โดสกี ผู้บริหารบริษัท Boskalis ผู้ปฏิบัติการกู้เรือครั้งนี้ระบุว่า เรือเอเวอร์ กิฟเวน กลับมาลอยลำได้เมื่อเวลา 15:05 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ “ทำให้เส้นทางสัญจรในคลองสุเอซกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง”
เมื่อ 29 มีนาคม 64 เว็บไซต์เดลี่เมลเกาะติดภารกิจครั้งใหญ่กู้เรือคอนเทนเนอร์ขนาดยักษ์ ‘เอเวอร์ กิฟเวน’ ขวางคลองสุเอซ ในอียิปต์ และเมื่อเช้ามืดวันนี้ ทีมกู้เรือต้องดีใจกันสุดๆ เมื่อสามารถปลดปล่อยเรือยักษ์ให้กลับมาลอยน้ำอีกครั้ง หลังจากเกยตื้นมาเกือบสัปดาห์ โดยอาศัยโอกาสกระแสน้ำขึ้น ในวันพระจันทร์เต็มดวง ซุปเปอร์ฟูลมูน ประกอบกับมีการขุดทรายในบริเวณที่เรือเกยตื้นออกไปเป็นมากถึงอย่างน้อย 27,000 ลูกบาศก์เมตรนั้น หน่วยงานบริหารจัดการคลองสุเอซ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทีมกู้เรือสามารถปลดปล่อยเรือ เอฟเวอร์ กิฟเวน ออกมาจากจากริมฝั่งได้ประมาณ 335 ฟุต หรือราว 102.108 เมตร และเรือยักษ์ ซึ่งมีขนาดระวางขับน้ำถึง 2.2 แสนตัน ได้หันมาอยู่ทิศทางของตำแหน่งในการเดินเรือแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่จากองค์การคลองสุเอซและบริษัทกู้ภัยทางน้ำ สมิท ซัลเวจ จากเนเธอร์แลนด์ ได้ใช้เรือลากจูงเพื่อหันลำเรือจากฝั่งคลอง ทำให้ส่วนท้ายเรือถอยออกจากฝั่งเป็นระยะทาง 102 เมตรจากเดิมที่ห่างเพียง 4 เมตร ถือว่าเป็นความสำเร็จในการทำให้เรือขนส่งสินค้ายักษ์ลำนี้กลับมาลอยลำได้อีกครั้ง
ขณะที่ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม ของ Vesselfinder ยังแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้เรือยักษ์ เอฟเวอร์ กิฟเวน ถูกล้อมด้วยทัพเรือลากจูง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อียิปต์เผยด้วยว่า ทีมกู้เรือจะใช้เรือลากจูงประมาณ 10 ลำช่วยกันลากเรือยักษ์ เอฟเวอร์ กิฟเวน มายังบริเวณกลางคลองสุเอซทันทีที่น้ำขึ้นอีกครั้งในคืนนี้

นายโอซามา ราบี ประธานสำนักงาน ‘Suez Canal Authority’ แถลงข่าวว่า เรือสินค้า 113 ลำ จะมีการทยอยแล่นผ่านคลองสุเอซ จนถึงเวลา 18.00 น.ของวันอังคารนี้ ตามเวลามาตรฐานสากล พร้อมกันนั้น นายราบียังได้กล่าวยกย่องทีมงานทุกคนที่ช่วยในปฏิบัติการกู้เรือยักษ์ เอฟเวอร์ กิฟเวน จนสำเร็จลุล่วงในเวลารวดเร็วจนทำลายสถิติ โดยอ้างว่าหากเป็นที่อื่นต้องใช้เวลานานนับ 3 เดือนเลยทีเดียว ด้านสำนักงานให้บริการจัดการคลอง ‘Leth Agencies’ ได้ทวีตข้อความแจ้งว่า ขณะนี้เรือยักษ์ เอฟเวอร์ กิฟเวน ได้ถูกคุ้มกันไปถึงทะเลสาบ เกรท บิตเทอร์ ‘Great Bitter Lake’ อย่างปลอดภัยแล้ว และได้ทอดสมอเพื่อรอการตรวจสอบต่อไป ถึงสาเหตุที่ทำให้เรือเกิดการเสียหลักขวางคลองสุเอซ

นายโอซามา ราบี ประธานสำนักงาน Suez Canal Authority แถลงข่าวหลังปฏิบัติการกู้เรือคอนเทนเนอร์ยักษ์ เอฟเวอร์ กิฟเวน ประสบความสำเร็จ
ด้านบริษัทบอสกาลิสที่ดูแลปฏิบัติการกู้เรือ เปิดเผยว่า เรือลำนี้กลับมาลอยลำได้อีกครั้งเมื่อเวลา 15.05 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ในอียิปต์ หรือตรงกับเวลา 20.05 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาในไทย
โดยวิธีการกู้เรือ คือการขุดดินและทรายบริเวณหัวเรือ รวม 27,000 ลูกบาศก์เมตร ความลึก 18 เมตร จากนั้นจึงใช้เรือลากจูงและดันเพื่อให้เรือสินค้าขนาดใหญ่หลุดพ้นจากการเกยตื้น นอกจากนี้ยังมีการระบายน้ำออกจากเรือเพื่อลดน้ำหนักอีกด้วย ส่วนตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการปิดคลองสุเอซในแต่ละวันมีการประเมินไว้ว่าส่งผลให้การค้าโลกเสียหายประมาณ 180,000 ถึง 300,000 ล้านบาทต่อวัน ในขณะที่ทางการอียิปต์สูญเสียรายได้วันละประมาณ 360 – 420 ล้านบาท เมื่อเดือนเมษายน ทางการอียิปต์ยึดเรือเอเวอร์ กิฟเวน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือขนส่งตู้คอนเทเนอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีความยาวราว 400 เมตร และขนาดราว 200,000 ตัน หลังเรือยักษ์เกยตื้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค. และปิดกั้นการสัญจรเป็นเวลา 6 วัน
อียิปต์ “ยึดเรือดัง”
นที่ 14 เม.ย. เดลีเมล์ รายงานว่า สำนักงานบริหารคลองสุเอซ (เอสซีเอ) ประเทศอียิปต์ ระบุเมื่อวันอังคารที่ 13 เม.ย.ว่า ทางการอียิปต์ดำเนินการตามหมายศาลยึด เรือเอ็มวี เอฟเวอร์ กิฟเวน เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ประสบเหตุเกยตื้นขวางคลองสุเอซเมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จนกว่า บริษัท โชเอะ คิเซ็น ไคฉะ บริษัทญี่ปุ่น เจ้าของเรือลำนี้จะจ่ายเงิน 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28,300 ล้านบาท เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุเกยตื้นกระเทือนเศรษฐกิจโลก
บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเรือเอเวอร์ กิฟเวน โดนเรียกค่าเสียหายมหาศาลหลังเรือเกยตื้นขวางคลองทำการเดินผ่านคลองสุเอซเป็นอัมพาต ขณะที่เรือเจ้าปัญหายังจอดอยู่ที่อียิปต์ สำนักข่าว เอ็นเอชเค รายงาน หน่วยงานของอียิปต์ ได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 17,204 ล้านบาท จากบริษัทเรือสัญชาติญี่ปุ่นเจ้าของเรือเอเวอร์ กิฟเวน หลังเรือลำดังกล่าวได้ขวางคลองสุเอซ เป็นเวลานานเกือบสัปดาห์ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยงานบริหารจัดการคลองสุเอซ ได้เรียกเงินชดเชยจำนวน 920 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 28,765 ล้านบาทจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยชี้แจ้งว่าต้องใช้แรงงานกว่า 600 ราย ในขั้นตอนการผลักดันเรือให้สามารถลอยได้อีกครั้ง ซึ่งจำนวนเงินที่ได้เรียกร้องยังครอบคลุมค่าชดเชยแก่พนักงานเสียชีวิตจากการทำงานด้วย ขณะที่การพิจารณาของศาลระบุว่าเรือยักษ์เอเวอร์ กิฟเวน จะเทียบท่าที่ประเทศอียิปต์ไปจนกว่าจะมีการจ่ายเงินชดเชย
ส่วนบริษัทโชเอะ คิเซ็น ไคชา (Shoei Kisen Kaisha) เจ้าของเรือเอเวอร์ กิฟเวน ในจังหวัดเอฮิเมะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ได้เสนอจ่ายเงินค่าเสียหายจำนวน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,690 ล้านบาท
ทั้งนี้เรือเอเวอร์ กิฟเวน ที่เกยตื้นขวางคลองมีนาคม ส่งผลให้การเดินเรือผ่านคลองสุเอซเป็นอัมพาต สร้างความเสียหายให้แก่การค้าโลกคิดเป็นมูลค่าถึงพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถกู้เรือให้กลับมาลอยเปิดทางการขนส่งอีกครั้งในวันที่ 29 พฤษภาคม 64 และต้องใช้เรือลากจูงมากถึง 15 ลำ.