
มุมมองของโรว์ลิง ด้านการเมือง ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 หนึ่งวันก่อนการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคแรงงาน โรว์ลิงประกาศว่าเธอได้บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านปอนด์ ให้แก่พรรคแรงงานและมอบเช็คเงินอย่างเปิดเผยให้กับกอร์ดอน บราวน์ หัวหน้าพรรคแรงงาน ในการลงชิงตำแหน่งกับเดวิด แคเมรอน ผู้ชิงตำแหน่งจากพรรคอนุรักษ์นิยม เธอยังกล่าวชื่นชมนโยบายแก้ปัญหาความยากจนในเด็กของพรรคแรงงานอีกด้วย
โรว์ลิงได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2008 กับหนังสือพิมพ์เอล ปาอิสของสเปนในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อประเทศอื่นทั่วโลกและยังกล่าวว่าบารัก โอบามาและฮิลลารี คลินตันจะกลายเป็นบุคคลที่ “ไม่ธรรมดา” ของทำเนียบขาว ในบทสัมภาษณ์เดียวกันโรว์ลิงยังได้ระบุว่าโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีคือวีรบุรุษของเธอ
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 โรว์ลิงได้ตีพิมพ์บทความลงในนิตยสารไทม์ เธอได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเดวิด แคเมรอนที่สนับสนุนให้คู่สามีภรรยาที่แต่งงานแล้วอยู่ร่วมกันพร้อมเสนอเงินลดหย่อนภาษี 150 ปอนด์ต่อปี โรว์ลิงได้กล่าวว่า “ไม่มีคนที่เคยพบเจอกับความยากจนคนไหนจะพูดว่า ‘มันไม่เกี่ยวกับเงิน แต่เกี่ยวกับประเด็นที่ส่งออกไป’
เมื่อแฟลตของคุณโดนงัดแล้วคุณไม่มีเงินจ่ายให้ช่างทำกุญแจนั่นก็เกี่ยวกับเงิน หรือเมื่อคุณพบว่าคุณกำลังคิดจะขโมยผ้าอ้อมในร้านค้า นั่นก็เพราะเงิน ถ้าคุณแคเมรอนแค่แนะนำในภาคปฏิบัติให้ผู้หญิงที่อยู่อย่างยากจน เลี้ยงลูกลำพังให้ ‘แต่งงานสิแล้วเราจะลดหย่อนให้คุณ 150 ปอนด์’ เขาก็คงเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเขาอย่างแท้จริง”
เนื่องจากเธออาศัยอยู่ในประเทศสก็อตแลนด์ โรว์ลิงจึงมีสิทธิ์ลงประชามติในการลงประชามติเอกราชสกอตแลนด์ ค.ศ. 2014 และได้รณรงค์ให้ลงมติ “คัดค้าน” เธอบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านปอนด์ให้แก่กลุ่มเบทเทอร์ ทูเกเตอร์ที่ต่อต้านการแบ่งแยกประเทศ (ก่อตั้งโดยอลิสแตร์ ดาร์ลิง อดีตเพื่อนบ้านของเธอ) ซึ่งเป็นเงินบริจาคที่มากที่สุด ณ ตอนนั้น โรว์ลิงยังได้เปรียบเทียบกลุ่มชาตินิยมสก็อตแลนด์กับผู้เสพความตาย กลุ่มตัวละครจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่รังเกียจผู้คนทุกคนที่ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธ์
ด้านศาสนา
มุมมองของโรว์ลิง เป็นเวลาหลายปีที่กลุ่มคนนับถือศาสนาโดยเฉพาะคริสต์ศาสนิกชน ได้ประณามหนังสือของโรว์ลิงว่าส่งเสริมเรื่องเวทมนตร์คาถาว่าเป็นเรื่องจริง โรว์ลิงระบุว่าเธอเป็นคริสต์ศาสนิกชน และเข้าคริสตจักรแห่งสก็อตแลนด์ในระหว่างที่เธอเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจสสิกา ลูกสาวของเธอเข้ารับพิธีล้างบาป เธอเคยบอกไว้ครั้งหนึ่งว่า “ฉันเชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่เวทมนตร์” ในช่วงแรกเธอเคยรู้สึกว่า หากผู้อ่านทราบถึงความเชื่อในศาสนาคริสต์ของเธอก็อาจจะสามารถเดาเนื้อเรื่องของเธอออกได้
ในปี 2007 โรว์ลิงเล่าว่าในวัยเด็กเธอเข้าคริสตจักรแห่งอังกฤษและเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไปโบสถ์เป็นประจำ จนกระทั่งในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเธอรู้สึกรำคาญความเชื่อส่วนบุคคลของคนที่นับถือศาสนาจึงเข้าโบสถ์น้อยครั้งลง แต่ภายหลังเธอก็หันกลับมาเข้าโบสถ์อีกครั้งที่โบสถ์นิกายโปรแตสแตนต์ในเอดินบะระ
ในบทสัมภาษณ์กับนิตยสารแท็ทเลอร์เมื่อปี 2006 โรว์ลิงระบุว่า “ฉันก็เหมือนกับเกรแฮม กรีน บางครั้งศรัทธาของฉันก็อยู่ที่ว่าถ้ามันจะกลับมามันก็ต้องสำคัญต่อฉัน” เธอกล่าวว่าเธอได้ต่อสู้กับข้อสงสัยที่ว่าเธอเชื่อในชีวิตหลังความตาย[197] และความเชื่อส่วนตัวของเธอที่มีบทบาทในหนังสือ ในบทสัมภาษณ์ทางวิทยุเมื่อปี 2012 เธอได้บอกว่าเธอเป็นสมาชิกของคริสตจักรสกอตติชอีปิสโคปัล ซึ่งเป็นคริสตจักรหนึ่งของแองกลิคันคอมมิวเนียน
มุมมองต่อนักข่าว
โรว์ลิงมีความสัมพันธ์ที่ยากลำบากกับนักข่าวมาโดยตลอด เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนประเภท “ขี้หงุดหงิด” และไม่ชอบความไม่แน่นอนของการรายงานข่าว โรว์ลิงได้ตอบโต้ความมีชื่อเสียงของเธอด้วยการเป็นคนรักสันโดษที่เกลียดการโดนสัมภาษณ์
ในช่วงปี 2011 โรว์ลิงได้แสดงอาการต่อหน้านักข่าวกว่า 50 ครั้ง ในปี 2001 คณะกรรมการการร้องทุกข์นักข่าวได้รับการร้องทุกข์ของโรว์ลิงเกี่ยวกับชุดภาพถ่ายที่ถ่ายโดยช่างภาพนิรนามซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารโอเค!แมกกาซีน เป็นภาพของเธอกับลูกสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งในประเทศมอริเชียส
ต่อมาในปี 2007 เดวิด ลูกชายของโรว์ลิงซึ่งโรว์ลิงและสามีของเธอให้การช่วยเหลือ โดยได้รับคำตัดสินของศาลให้แพ้คดีจากการฟ้องร้องเพื่อสั่งระงับสิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์รูปถ่ายของเดวิด ซึ่งรูปถูกถ่ายด้วยกล้องเลนส์ยาวและต่อมาได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสารซันเดย์เอกซ์เพรสส์ในบทความที่เขียนถึงชีวิตครอบครัวของโรว์ลิงและความเป็นแม่ของเธอ อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ศาลได้กลับคำตัดสินให้เป็นความชอบธรรมของเดวิดในที่สุด
โรว์ลิงเกลียดแท็บลอยด์ของอังกฤษโดยเฉพาะเดลิเมล์ จากการที่นำเสนอบทสัมภาษณ์ของสามีเก่าของเธอ ทำให้นักข่าวคนหนึ่งได้กล่าวว่า “เวอร์นอน ลุงของแฮร์รี่ เป็นคนป่าเถื่อนอย่างพิดารและไร้สมองอย่างน่าประหลาด มันจึงไม่ยากเลยที่จะคาดเดาว่าโรว์ลิงเขียนให้เขาอ่านหนังสือพิมพ์เล่มไหน (ในถ้วยอัคนี)”
นับจากเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 โรว์ลิงพยายามเรียกร้องค่าเสียหายจากเดลิเมลล์ที่ได้เขียนโจมตีเธอผ่านบทความเกี่ยวกับช่วงที่เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และทำให้มีการคาดเดากันว่าความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยปัญหาระหว่างโรว์ลิงกับนักข่าวเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังตัวละครริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวซุบซิบคนดังที่ปรากฏตัวครั้งแรกในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี แต่โรว์ลิงก็ได้ระบุในปี 2008 ว่าเธอสร้างตัวละครนี้ขึ้นก่อนที่เธอจะมีชื่อเสียง
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2011 โรว์ลิงได้รับการระบุชื่อโดยคณะกรรมการสอบสวนเลเวอสันเพื่อการปฏิรูปทางวัฒนธรรมและจริยธรรมของนักข่าวอังกฤษว่าเธอจัดเป็นหนึ่งในสิบสองคนดังที่อาจตกเป็นเหยื่อของการดักฟังทางโทรศัพท์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 โรว์ลิงได้ให้หลักฐานก่อนการสอบสวนแม้เธอจะไม่สงสัยว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของการดักฟังทางโทรศัพท์ก็ตาม
โดยหลักฐานที่เธอให้การสอบปากคำอาทิเช่น กรณีที่นักข่าวได้ตั้งค่ายที่หน้าบ้านของเธอ, กรณีนักข่าวเขียนข้อความและใส่ลงในกระเป๋าของลูกสาวเธอและการที่เดอะซันพยายามจะแบล็กเมลล์เธอด้วยรูปถ่ายเพื่อแลกเปลี่ยนกับต้นฉับงานเขียนที่โดนขโมยไป เป็นต้น โรว์ลิงได้อ้างว่าเธอย้ายออกจากบ้านเดิมที่เมอชีสตันก็เพราะการโดนล่วงล้ำจากนักข่าว
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 โรว์ลิงเขียนบทความลงในเดอะการ์เดียนเพื่อเป็นการตอบโต้การตัดสินใจของเดวิด แคเมรอนที่ไม่ให้คำแนะนำที่เต็มรูปแบบแก่คณะสอบสวนเลเวอสัน เธอยังกล่าวว่าเธอรู้สึก “โกรธและเหมือนโดนหลอก”
ในปี 2014 โรว์ลิงได้ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนต่อแคมเปญ “แฮกออฟ” เพื่อการกำกับตัวเองของนักข่าว ด้วยการเซ็นคำแถลงการณ์ร่วมกับคนดังชาวอังกฤษคนอื่น ๆ ซึ่งคำแถลงการณ์มีจุดประสงค์เพื่อ “คุ้มครองนักข่าวจากการแทรกแซงทางการเมืองพร้อมกับให้การป้องกันที่จำเป็นต่อกลุ่มที่เสี่ยง”
ทัศนคติต่อบุคคลข้ามเพศ
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 โรว์ลิ่งได้ทวีตข้อความสนับสนุนมายา ฟอร์สเตเทอร์ ลูกจ้างชาวอังกฤษผู้แพ้คดีที่เธอฟ้องร้ององค์กร Center for Global Development ที่ไม่ยอมต่อสัญญาจ้างงานให้แก่เธอหลังจากที่เธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศ ศาลได้ระบุว่าคำกล่าวที่ฟอร์สเตเทอร์อ้างถึงบุคคลข้ามเพศ
ซึ่งครอบคลุมไปถึงการไม่ยอมปฏิบัติตัวกับกลุ่มคนข้ามเพศตามเพศวิถีที่บุคคลดังกล่าวเลือกนั้นเป็นพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการข่มขู่ ไม่เป็นมิตร ลดทอนคุณค่า เหยียดหยาม หรือรังเกียจ และเป็นความเชื่อที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพระราชบัญญัติความเท่าเทียมปี 2010 เป็นเหตุให้เธอยืนอุธรณ์ต่อศาลในเวลาต่อมา
โรว์ลิ่งได้ทวีตข้อความวิจารณ์ถึงการใช้คำว่า “คนที่มีประจำเดือน” ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2020 และได้เสริมว่า “หากคุณมองว่าเพศคือเรื่องสมมติ” เรื่องจริงที่ผู้หญิงทั่วโลกเผชิญในชีวิตก็จะถูกลบเลือนหายไปด้วย ฉันรู้จักและรักคนที่เป็นคนข้ามเพศ แต่การจะลบล้างแนวคิดเรื่องเพศนั้นมันทำให้คนจำนวนมากหมดโอกาสที่จะพูดถึงชีวิตของพวกเขาได้อย่างจริงจัง”
โดยคำว่า “คนที่มีประจำเดือน” นั้นเป็นคำที่ใช้เพื่อครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ชายข้ามเพศ รวมไปถึงกลุ่มนอน-ไบนารี่ที่มีประจำเดือนด้วย ข้อความในทวิตเตอร์ของโรว์ลิ่งทำให้องค์กรแกลด (GLAAD) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่เธอกล่าวนั้น “ชั่วร้าย” และ “เกลียดชังคนข้ามเพศ”
เช่นเดียวกันกับนักแสดงบางส่วนจากภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์อย่าง แดเนียล แรดคลิฟฟ์, เอ็มมา วัตสัน, รูเพิร์ท กรินท์, บอนนี่ ไรท์ และเคธี เหลียง ที่ได้ออกมาตำหนิทัศนคติของโรว์ลิงหรือเลือกแสดงจุดยืนว่าตนสนับสนุนสิทธิของคนข้ามเพศ รวมไปถึงนักแสดงนำจากภาพยนตร์ชุดสัตว์มหัศจรรย์อย่าง เอดดี เรดเมน และเว็บไซต์แฟนคลับแฮร์รี่ พอตเตอร์อย่าง MuggleNet และ The Leaky Cauldron อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน โนมา ดูเมซเวนี ที่รับบทเป็นเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ในละครเวทีแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเด็กต้องคำสาปนั้นก็ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนโรว์ลิ่งในช่วงแรก ก่อนจะเปลี่ยนใจหลังจากที่เห็นท่าทีตอบโต้ของโรว์ลิ่ง
ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2020 โรว์ลิ่งได้เผยแพร่เรียงความยาว 3,600 คำบนเว็บไซต์ส่วนตัวของเธอเพื่อตอบโต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว เธอระบุว่าเธอคือผู้ที่เคยพบเจอกับความรุนแรงในครอบครัวและการคุกคามทางเพศ พร้อมทั้งเสริมว่า “เมื่อคุณเปิดประตูห้องน้ำและห้องลองเสื้อผ้าให้ผู้ชายทุกคนที่เชื่อหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเข้าไปได้ … ก็เท่ากับว่าคุณได้เปิดประตูให้กับชายทุกประเภทเข้าไปได้นั่นเอง”
แต่เธอก็ได้กล่าวว่าบุคคลข้ามเพศนั้นเปราะบางและควรที่จะได้รับการปกป้อง เธอยังได้เขียนอีกว่าผู้หญิงหลายคนมองคำว่า “ผู้ที่มีประจำเดือน” เป็นคำที่ลดทอนคุณค่าผู้หญิง ซึ่งเรียงความนี้ก็ถูกวิจารณ์จากบุคคลหลายกลุ่ม รวมไปถึงองค์กรการกุศลเด็กอย่าง องค์กรเมอร์เมด ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนคนข้ามเพศและเด็กกับผู้ปกครองที่ปฏิเสธเพศกำเนิดของตน
มีหลายครั้งที่โรว์ลิ่งถูกมองว่าเป็นพวกผู้นิยมสิทธิสตรีหัวรุนแรงที่กีดกันบุคคลข้ามเพศ (เทิร์ฟ) แม้เธอจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้รับการสนับสนุนจากนักแสดงอย่าง ร็อบบี้ โคลทราน และไบรอัน ค็อกซ์ รวมไปถึงนักสิทธิสตรีบางคน อาทิ อยาอัน ฮีร์ซี อาลี และจูลี บินเดล นักสิทธิสตรีถึงรากเหง้า
ต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020 โรว์ลิ่งได้คืนรางวัลสิทธิมนุษยชนโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดีที่เธอได้รับให้แก่ เคอร์รี เคนเนดี ที่ได้ออกมากล่าวว่าเธอ “รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง” ต่อ “การกล่าวร้ายต่อสังคมคนข้ามเพศ” ของโรว์ลิ่ง ซึ่งเคนเนดีได้เรียกสิ่งที่เธอทำว่าเป็น “การกระทำที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อและค่านิยมพื้นฐานของรางวัลสิทธิมนุษยชนโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี และถือเป็นการปฏิเสธวิสัยทัศน์ของพ่อฉันด้วย”
โดยโรว์ลิ่งได้กล่าวว่าข้อความของเคนเนดีนั้นทำให้เธอรู้สึก “เสียใจอย่างถึงที่สุด” แต่เธอได้ยืนยันว่าไม่มีรางวัลใดที่จะทำให้เธอยอม “ละทิ้งสิทธิ์ในการเชื่อในสำนึกที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเองได้”