Skip to content
Home » News » ยุวชนชุดดำในฮ่องกง

ยุวชนชุดดำในฮ่องกง

ยุวชนชุดดำในฮ่องกง หนึ่งปีที่ผ่านมา กับการชุมนุมด้านนอกสภาของยุวชนชุดดำในฮ่องกง ก่อให้เกิดสมรภูมิระหว่างก้อนอิฐปะทะกับกระสุนยางและแก๊สน้ำตา การชุมนุมประท้วงหลายครั้งและต่อมาเกิดการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ เขตปกครองพิเศษแห่งนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา คำถามสำคัญคือฮ่องกงจะอยู่รอดได้หรือไม่

สำหรับผู้ประท้วงที่ต้องต่อสู้กับตำรวจ พวกเขาใส่หน้ากากเพื่อป้องกันแก๊สไม่พึงประสงค์ สำหรับผู้ประท้วงอย่างสันติ พวกเขาใช้ผ้าคลุมหน้าสีดำเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และสำหรับคนอื่น ๆ มันเป็นหน้ากากที่ช่วยป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก

รอยแผลเป็นที่เกิดจากความทรงจำของโรคซาร์สที่ระบาดหนักในปี 2003 ทำให้ชาวฮ่องกงเกือบทุกคนสวมหน้ากากและทุกคนในเมืองก็ผ่านเหตุการณ์มาโดยไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงนัก แม้ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้าการเจ็บป่วยและภาวะวิกฤต

ยุวชนชุดดำในฮ่องกง
https://www.bbc.com/thai/international-53019259

ยุวชนชุดดำในฮ่องกง เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกันปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นวงกว้างในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮ่องกง และส่งผลให้การเดินรถไฟและรถไฟใต้ดินมีปัญหา

เหตุการณ์ที่ตำรวจควักปืนออกมาก่อนที่จะเข้าต่อสู้กับชายคนหนึ่ง ชายอีกคนพยายามเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อตำรวจเห็น จึงลั่นกระสุนใส่เขาเข้าที่หน้าอกหรือลำตัวระหว่างที่เหตุชุลมุนดำเนินต่อไป ตำรวจได้ยินปืนอีก 2 นัด แต่ไม่ชัดเจนว่ากระสุนถูกใครหรือไม่ ล่าสุด มีรายงานว่าชายคนดังกล่าวอาการยังสาหัส

ก่อนเกิดเหตุ ตำรวจรายงานว่า “ผู้ประท้วงหัวรุนแรง” ได้ใช้เครื่องกีดขวางปิดกั้นหลายจุดทั่วทั้งเมือง และประกาศเตือนให้ผู้ประท้วง “หยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากนักศึกษาคนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างการชุมนุม โดยมีรายงานว่าเขาตกจากอาคารจอดรถระหว่างวิ่งหลบแก๊สน้ำตาของตำรวจเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นับเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเริ่มขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ตำรวจใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันที่จีนฉลองครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

นอกจากเหตุปะทะที่ย่าน Sai Wan Ho แล้ว ยังมีรายงานว่าตำรวจกับผู้ชุมนุมปะทะกันอีกหลายพื้นที่ ในคลิปวิดีโอหนึ่งที่โพสต์บนเฟซบุ๊กบันทึกภาพรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจที่ดูเหมือนตั้งใจขี่พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม

สถาบันการศึกษาหลายแห่งประกาศหยุดเรียนในวันนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า

https://www.bbc.com/thai/international-50371095

จากนั้นไม่นาน ประเทศจีนก็ได้ประกาศออกมาว่ามีแผนจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จะทำให้ “การโค่นล้ม การแยกดินแดน การก่อการร้ายและการแทรกแซงจากต่างประเทศ” เป็นความผิดอาญา กฎหมายฉบับนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการร่างและมีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติในเดือนมิ.ย.นี้

นักวิเคราะห์หลายคน มองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การประท้วงและการคัดค้านเป็นอาชญากรรม และอาจหมายรวมถึงจุดจบของอิสรภาพที่ทางจีนเคยได้ให้การรับรองไว้กับฮ่องกงเมื่อเขตปกครองพิเศษนี้ถูกส่งกลับคืนให้จีนในปี 1997

“ฮ่องกงเข้าสู่ระยะใหม่ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาฮ่องกงอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในอนาคต” อลิซ เฉิง อดีตผู้นำนักเรียนกล่าว

ปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งความไม่เชื่อมั่นและความอ่อนล้าทางจิตใจของเฉิง เธอนึกภาพไม่ออกว่าบ้านเกิดของเธอจะเป็นอย่างไร

รัฐบาลปักกิ่งมองว่านี่เป็นการปราบปรามที่จำเป็นสำหรับเมืองที่ดื้อรั้นอย่างฮ่องกง ที่ผ่านมาฮ่องกงมีความตั้งใจที่จะคลอดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของตนเองอยู่เสมอ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะร่างกฎหมายฉบับนั้นไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ตอนนี้หลังจากความพยายามในการต่อต้านรัฐบาลกลางหลายต่อหลายครั้ง ปักกิ่งพยายามขึ้นเป็นสองเท่า และก่อให้เกิดการตอบสนองการขัดขืนของฮ่องกงผ่านความพยายามที่จะออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนใหม่

สำหรับเฉิงและคนอีกหลายคนที่มีอุดมคติเดียวกันกับเธอ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ถูกเสนอไปนั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจโดยตรงต่ออัตลักษณ์ทางการเมืองของพลเมืองฮ่องกง และความสำเร็จของเมืองในการเป็นศูนย์กลางของนานาประเทศ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือผลกระทบต่อความรู้สึกของชาวฮ่องกงในแง่ที่ว่า ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของพวกเขาอีกต่อไป

แต่ประชากรชาวฮ่องกงที่เห็นด้วยกับรัฐบาลกลางบางคนกล่าวว่าพวกเขายินดีต้อนรับกฎหมายฉบับนี้ ถึงแม้ว่ามันจะนำมาซึ่งหายนะสำหรับฮ่องกงในเชิงเศรษฐกิจก็ตาม เพื่ออธิบายความรู้สึกนี้ เฉิง ใช้คำว่า “ลาม โชว” (laam chau) ซึ่งเป็นสแลงภาษากวางตุ้งแปลว่า “การทำลายซึ่งกันและกัน” ทฤษฎีนี้จะดำเนินต่อไปหากปักกิ่งบุกฮ่องกง ประเทศแถบตะวันตกจะต้องลงโทษจีนที่เพิกถอนข้อตกลงพิเศษกับฮ่องกง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของจีน

สหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณมาเมื่อเดือนที่แล้วโดยขู่ว่าจะยกเลิกสิทธิพิเศษสำหรับฮ่องกงและกำหนดบทลงโทษเจ้าหน้าที่จีนที่บ่อนทำลายเอกราชของเมือง

ผู้ประท้วงที่นิยมระบอบการล่าอาณานิคมต้องการให้สหราชอาณาจักรเข้ามาแทรกแซงกิจการของฮ่องกงเคยถูกหัวเราะเยาะใส่ แต่ตอนนี้สหราชอาณาจักรให้คำมั่นว่าถ้าหากรัฐบาลปักกิ่งดำเนินการตามกฎหมายที่เสนอ ก็จะให้สิทธิพิเศษเพิ่มแก่ชาวฮ่องกงกว่า 3 ล้านคนที่มีสิทธิได้รับหนังสือเดินทางสัญชาติบริติชโพ้นทะเล หรือ BNO ซึ่งออกให้แก่ผู้ที่เกิดในช่วงที่อังกฤษปกครอง

ผลที่ตามมาจากคำมั่นสัญญาของสหราชอาณาจักรนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ปักกิ่งเตือนว่าจะตอบโต้การแทรกแซงใด ๆ ในกิจการภายใน ซึ่งอาจส่งผลให้ฮ่องกงตกอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทระดับโลกที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก

ถึงเฉิงจะเป็นผู้ประท้วงอย่างสงบ แต่เธอไม่ต้องการตีตัวออกห่างจากผู้ประท้วงรุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอเกิดความไม่ไว้วางใจต่อตำรวจที่แฝงตัวเข้ามาเป็นผู้ชุมนุมประท้วง

เธอเห็นคนรักสงบอย่างเธอถูกจับและมันเปลี่ยนมุมมองของเธอว่าเธอเป็นใครและการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมีความหมายอย่างไร “ฉันรู้สึกด้านชา” เธอกล่าว “ฉันแทบไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรมากนักเมื่อฉันดูข่าว….ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเก็บกดความรู้สึกของตัวเองมากไปหรือเปล่า”

มีผู้ถูกจับกุมเกือบ 9,000 คน 40% เป็นนักเรียน ผู้ถูกจับที่เด็กที่สุดอายุเพียง 11 ปีเท่านั้น มีผู้ถูกดำเนินคดีกว่า 1,800 คนและประมาณ 1 ใน 3 ของพวกเขาต้องถูกฟ้องร้องในข้อหาก่อการจลาจลซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี

เฉิงกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ประท้วงหากจีนผ่านกฎหมายฉบับนี้