Skip to content
Home » News » ศาลสูงนอร์เวย์ไม่รับอุทธรณ์ อันเดิร์ส เบรวิก

ศาลสูงนอร์เวย์ไม่รับอุทธรณ์ อันเดิร์ส เบรวิก

ศาลสูงนอร์เวย์ไม่รับอุทธรณ์ อันเดิร์ส เบรวิก 8 มิ.ย 2017ศาลสูงนอร์เวย์ออกมติไม่รับเรื่องอุทธรณ์กลับคำตัดสินคดี อันเดิร์ส เบรวิก (Anders Breivik)ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงออสโล และกราดยิงสังหารหมู่นักเรียนที่ค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทยาปี 2011 ว่า “การถูกขังเดี่ยวในเรือนจำสเกียน (Skien) ไม่ขัดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ทนายความประจำตัวแถลงด่วน จะยื่นฟ้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ECtHR ในฝรั่งเศส

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ถือเป็นเหตุสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

นอร์เวย์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความเคารพต่อหลักนิติธรรมอย่างสูงสุด การถูกศาลพิพากษาว่าปฏิบัติต่อนักโทษอย่างไร้มนุษยธรรมจึงทำให้ภาครัฐต้องยื่นอุทธรณ์ในทันที

เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ปี 2011 เบรวิกซึ่งแต่งกายเป็นตำรวจได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงค่ายเยาวชนฤดูร้อนบนเกาะอูเทอยา และเดินไล่ล่าเหยื่อเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 69 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น

ในวันเดียวกันนั้นเขายังได้กดระเบิดโจมตีสำนักงานของรัฐบาลในกรุงออสโลจนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย

เบรวิก ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 21 ปี ซึ่งอาจขยายเวลาต่อไปได้อีก หากศาลพิเคราะห์เห็นว่าเขายังเป็นอันตรายต่อสังคมอยู่

ศาลแขวงกรุงออสโลได้มีคำพิพากษาว่า เบรวิก วัย 37 ปี ซึ่งก่อเหตุวางระเบิดใจกลางกรุงออสโล และกราดยิงเยาวชนในค่ายฤดูร้อนบนเกาะอูเทอยาเมื่อปี 2011 ถูกล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และถูกเลือกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม (inhumane) และย่ำยีศักดิ์ศรี (degrading) ขณะอยู่ในเรือนจำ

https://mgronline.com/around/detail/9580000081280

หนุ่มหัวรุนแรงขวาจัดรายนี้ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำที่มี 3 ห้องเชื่อมต่อกัน โดยมีทั้งวิดีโอเกมและโทรทัศน์เป็นสื่อคลายเครียด เขายังได้รับอนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่มีอินเทอร์เน็ต ใช้เครื่องออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และรับหนังสือพิมพ์ได้

แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง แต่ผู้พิพากษาศาลแขวงยังคงวินิจฉัยว่า สภาพความเป็นอยู่ของเบรวิกในเรือนจำขัดต่อมาตรา 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (European Convention on Human Rights)

“การห้ามปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีถือเป็นค่านิยมพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และใช้กับทุกกรณี ต่อให้เป็นผู้ก่อการร้ายหรือฆาตกรก็ตาม” เฮเลน อันเดแนส เซคูลิก ผู้พิพากษาศาลแขวง ระบุในคำพิพากษาของเธอ

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือการที่ เบรวิก ถูกแยกขังเดี่ยว โดยไม่มีโอกาสพบปะหรือทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากเท่าที่ควร

Xตลอดระยะเวลา 5 ปีครึ่ง บุคคลที่ เบรวิก ได้พบมีเพียงผู้คุมเรือนจำ ทนายความ และแพทย์ ซึ่งพูดคุยกับเขาผ่านหน้าต่างกระจก ส่วนมารดาของเขาเคยมาเยี่ยมครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2013

ศาลแขวงยังอ้างถึงการเปลื้องผ้าตรวจค้นร่างกายซึ่ง “สร้างความอับอาย” ให้แก่ผู้ต้องขัง การสวมกุญแจมือ และการปลุกผู้ต้องขังให้ตื่นบ่อยๆ เวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงที่ เบรวิก ถูกส่งเข้าเรือนจำใหม่ๆ

เบรวิก เคยแสดงท่าทียั่วยุด้วยการทำท่าชูมือขวา “ไฮล์ ฮิตเลอร์” ขณะเดินทางไปขึ้นศาลเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ปีที่แล้ว และยังบ่นว่ากาแฟในเรือนจำไม่ร้อน อาหารเย็นชืด พร้อมเปรียบตัวเองเหมือนกับ “เนลสัน แมนเดลา

ศาลสูงนอร์เวย์ไม่รับอุทธรณ์ อันเดิร์ส เบรวิก ออกคำตัดสินวันพฤหัสบดี (8) ให้คำร้องอุทธรณ์ของผู้ต้องหาสังหารหมู่ปี 2011 อันเดิร์ส เบรวิก (Anders Breivik) ตกไป หลังจากได้ยื่นร้องให้กลับคำตัดสิน อ้างถูกส่งตัวขังเดี่ยวในห้องขังนาด 3 เซลในเรือนจำสเกียน (Skien) ถือเป็นการขัดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหา โดยอ้างว่าเป็นการทำร้ายต่อเบรวิกอย่างสาหัส และยิ่งทำให้เขามีแนวคิดหัวรุนแรงขวาจัดแบบนีโอนาซีมากยิ่งขึ้น

แต่ทว่าในคำพิพากษา สั่งให้ยืนตามคำตัดสินศาลอุทธรณ์ที่มีในเดือนมกราคม พร้อมระบุว่า “ไม่มีความเห็นต่าง”

สื่ออังกฤษชี้ต่อว่า เบรวิกวัย 38 ปี ได้บรรยายสภาพความยากแค้นในเรือนจำที่ต้องผจญ โดยระบุว่ากาแฟเย็นชืด และอาหารไมโครเวฟในเรือนจำสเกียนนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานตามแบบ CIA สหรัฐฯ ใช้น้ำรดจมูกให้เหมือนขาดใจตายเสียอีก

แต่หลังจากสิ้นเสียงคำพิพากษาศาลสูงนอร์เวย์ออกมา ออสเตน สโตร์วิก (Oystein Storrvik ทนายความประจำตัวของเบรวิก) ออกมาประกาศ จะเดินหน้ายื่นฟ้องต่อสิทธิมนุษยชนยุโรป ECtHR ในเมืองสตราส์บูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส ทันที

โดยกล่าวว่า “เราได้มีการเตรียมตัวมาอย่างดีในกรณีการยื่นต่อศาลนอร์เวย์ไม่ประสบความสำเร็จ”

ศาลสูงนอร์เวย์ไม่รับอุทธรณ์ อันเดิร์ส เบรวิก
https://mgronline.com/around/detail/9600000058703

ทั้งนี้ จากการรายงานของสื่ออังกฤษที่ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพห้องขังในเรือนจำสเกียน กลับพบว่า มีสภาพที่ไม่ต่างจากอพาทเมนต์ของคนปกติทั่วไป โดยในห้องนอนที่มีเตียงและเฟอร์นิเจอร์ ที่รวมไปถึงทีวีจอแบนแอลซีดี โต๊ะเขียนหนังสือ และถังขยะใบเล็กๆ

บริเวณหัวนอนมีโคมไฟ และปลั๊กไฟสำหรับเสียบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และมีประตูปิด ส่วนห้องน้ำนั้นอยู่ถัดมาถูกกั้นเป็นสัดส่วน ที่มีกระดาษชำระพร้อม และไม่อยู่ภายในห้องนอนเหมือนเรือนจำอื่นๆ เช่น ในสหรัฐฯ

ด้านครอบครัวเหยื่อและผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์โจมตีปี 2011 หลังจากที่เบรวิกก่อเหตุลอบวางระเบิดที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงออสโล และกราดยิงสังหารหมู่นักเรียนที่ค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทยา ได้ออกมาแสดงความยินดี

หลังได้รับฟังคำตัดสินจากศาลสูงนอร์เวย์ โดยต่างกล่าวว่า มีความยินดีที่ผู้ต้องหาจะไม่ออกมาเพ่นพ่านบนถนนอีกนานหลายปี

โดยหนึ่งในนั้นคือ ลิซเบธ คริสติน รอยเนลานด์ (Lisbeth Kristine Roeyneland) ซึ่งซินเน(Synne) ลูกสาววัย 18 ปีถูกเบรวิกสังหาร ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นสุขมาก นี่เป็นข่าวดี และแสดงให้เห็นว่าระบบยุติธรรมของเรานั้นมีประสิทธิภาพ” และกล่าวต่อว่า “และนี่ยังเป็นหลักประกันว่า พวกเราจะไม่เห็นผู้ก่อการร้ายรายนี้อีกหลายปี”

สกายนิวส์รายงานต่อว่า ในปีที่ผ่านมารัฐบาลนอร์เวย์ได้ยื่นร้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นที่ได้ออกคำตัดสินระบุว่า การสั่งขังเดี่ยวอันเดิร์ส เบรวิกนั้นขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งชายผู้นี้ยังได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงต้นของการรับโทษในเรือนจำ เขาถูกใส่กุญแจมือ และสั่งให้เปลื้องผ้าเพื่อตรวจค้นร่างกาย

ทั้งนี้ เบรวิกวัย 38 ปี อยู่ในระหว่างการรับโทษระยะเวลา 21 ปี ที่อาจสามารถถูกยืดระยะเวลาออกไปโดยไม่สิ้นสุดในข้อหาสังหารหมู่ 77 คน