Skip to content
Home » News » ศาลอิรักออกหมายจับ ทรัมป์

ศาลอิรักออกหมายจับ ทรัมป์

ศาลอิรักออกหมายจับ ทรัมป์ ฐานฆาตรกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่งผลให้พลเอกกัสเซ็ม สุไลมานี และนายพลอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส เสียชีวิต

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าผู้พิพากษาในศาลสืบสวนของแบกแดดออกหมายจับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในข้อหาเกี่ยวกับการลอบสังหารพลเอกกัสเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน ส่งผลให้นายพลอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้บัญชาการกองกำลังระดมพลของอิรักพลอยเสียชีวิตไปด้วย เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020

ศาลอิรักออกหมายจับ ทรัมป์ โดยสภาตุลาการสูงสุดของอิรักแถลงว่าหลังจากขั้นตอนการไต่สวนเบื้องต้นเสร็จสิ้น ผู้พิพากษาตัดสินใจออกหมายจับโดนัลด์ ทรัมป์ ภายใต้มาตรา 406 ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิตสำหรับความผิดฐานฆาตรกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ยากที่ทรัมป์จะไปขึ้นศาลอิรัก

ศาลอิรักระบุว่า แม้ว่าการไต่สวนเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้วแต่การสืบสวนคดียังคงดำเนินต่อไปเพื่อเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีนี้ไม่ว่าจะเป็นชาวอิรักหรือชาวต่างชาติก็ตาม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันในแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อทำพิธีรำลึกถึงนายพลอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส และพลเอกกัสเซ็ม สุไลมานี ณ สถานที่ที่โดรนโจมตีสังหารเมื่อปีที่แล้ว

ศาลอิรักออกหมายจับ ทรัมป์
https://today.line.me/th/v2/article/vLoywE

รายงานความเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐอเมริกา วาระครบรอบ 1 ปีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งลอบสังหารพลตรีกาซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ คุดส์ ของอิหร่าน ที่สนามบินประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 ว่า การถอนเรือบรรทุกเครื่องบินรบ นิมิตซ์ จากตะวันออกกลาง คล้ายกับสหรัฐต้องการส่งสารลดความตึงเครียดกับอิหร่านลง แม้จะไม่เอ่ยถึงก็ตาม

นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รักษาการ รมว.กลาโหมสหรัฐ สั่งถอนเรือบรรทุกเครื่องบินรบที่ประจำการอยู่ลำเดียวในตะวันออกกลาง กลับสหรัฐ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ขัดแย้งกับเหตุการณ์หนึ่งวันก่อนหน้านั้น ที่กองทัพสหรัฐเพิ่งส่งฝูงบินทิ้งระเบิดบี -52 เดินทางจากสหรัฐมุ่งไปตะวันออกกลางแบบไม่หยุดพัก เพื่อจะส่งสารปรามอิหร่าน ว่าอย่าได้คิดโจมตีกองทัพหรือทรัพย์สินอื่นใดของสหรัฐ

สื่อมวลชนทรงอิทธิพลของสหรัฐวิเคราะห์ว่า การส่งสารดังกล่าวอาจสะท้อนถึงความเห็นที่แตกกันด้านกลาโหมของสหรัฐ ว่าตกลงอิหร่านเพิ่มภัยคุกคามที่จะโจมตีสหรัฐในช่วงเวลาที่รัฐบาลนายทรัมป์เหลือเวลาอีกไม่กี่วันที่จะพ้นวาระบริหารประเทศหรือไม่

เพราะคำสั่งถอนเรือรบของนายมิลเลอร์ รักษาการรมว.กลาโหม สวนทางกับนายพลเคนเนธ เอฟ. แม็กเคนซี ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในตะวันออกกลาง ที่ต้องการขยายช่วงเวลาคงเรือรบนิมิตซ์ไว้ก่อน เพื่อแสดงให้อิหร่านเห็นว่ากองทัพสหรัฐพร้อมรับมือหากถูกโจมตี

“การตัดสินใจนี้ส่งสัญญาณที่ผสมปนเปให้อิหร่าน และลดทางเลือกของเราเองในช่วงเวลาที่ผิดจังหวะอย่างยิ่ง ทำให้เกิดคำถามที่น่าตึงเครียดว่า เกิดอะไรขึ้นกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐ” แมตธิว สเปนซ์ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ผู้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ให้ความเห็น

นายสเปนซ์ยังเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐได้รับสัญญาณความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจโจมตีสหรัฐหรือพันธมิตรของสหรัฐในแผ่นดินอิรัก หรือพื้นที่อื่นในตะวันออกกลาง

สัญญาณนี้ชัดเจนตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดถึงการโจมตีสถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดด ด้วยจรวด 20 ลูก เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2563 ว่าเป็นฝีมือกองกำลังนิกายชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

ช่วงเวลาเดียวกัน เดลีเมล์ รายงานว่า นายเอบราฮิม ไรซี หัวหน้าคณะตุลาการอิหร่าน เพิ่งกล่าวข่มขู่โดยตรงถึงนายทรัมป์ ว่า “ผู้มีบทบาทสังหารผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ สุไลมานี เมื่อปีก่อนจะไม่มีทางรอดพ้นจากกฎหมายและความยุติธรรมไปได้ ต่อให้เป็นประธานาธิบดีชาวอเมริกันก็ตาม”

“พวกเขาจะได้เห็นการล้างแค้นที่ร้ายแรงอย่างสาสม พวกที่มีบทบาทในการลอบสังหารและก่ออาชญากรรมจะไม่มีทางอยู่เป็นสุขบนโลกนี้” นายไรซีกล่าวที่มหาวิทยาลัยเตหะราน

https://www.posttoday.com/world/642239