Skip to content
Home » News » สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน

สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน

สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน
https://th.wikipedia.org/wiki/ราชวงศ์โชซ็อน

สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน ราชวงศ์โครยอเดิมปกครองคาบสมุทรเกาหลีมาเป็นเวลาประมาณสี่ร้อยปีโดยมีราชธานีอยู่นครแคซ็อง อี ซ็อง-กเย เป็นขุนศึกผู้มีอำนาจและมีผลงานในรัชกาลของพระเจ้าคงมิน (เกาหลี: 공민왕, 恭愍王) ในค.ศ. 1388 พระเจ้าอูแห่งโครยอมีพระราชโองการให้แม่ทัพ อี ซ็อง-กเย ยกทัพไปต้านทานการรุกรานจากจีนราชวงศ์หมิง

แต่เมื่ออี ซ็อง-กเย เดินทัพถึงเกาะวีฮวา (เกาหลี: 위화도, 威化島) บนแม่น้ำยาลู อี ซ็อง-กเย หันทัพกลับมายังเมืองแคซ็องกระทำรัฐประหารยึดอำนาจจากนั้นตั้งกษัตริย์หุ่นเชิดขึ้นครองโครยออีกสองพระองค์ จนกระทั่งในค.ศ. 1392 อี ซ็อง-กเย ก็บังคับให้พระเจ้าคงยาง (เกาหลี: 공양왕, 恭讓王) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งโครยอสละราชบัลลังก์

แล้วอี ซ็อง-กเย จึงปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ และได้รับชื่อพระราชทานจากจักรพรรดิหงหวู่ว่า “ราชวงศ์โชซ็อน” อี ซ็อง-กเย ขึ้นเป็น พระเจ้าแทโจ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซ็อน

พระเจ้าแทโจทรงย้ายราชธานีของเกาหลีไปยังเมืองฮันยัง (เกาหลี: 한양, 漢陽) หรือฮันซ็อง (เกาหลี: 한성, 漢城 ปัจจุบันคือกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้) บนแม่น้ำฮัน การก่อสร้างพระราชวังและเมืองหลวงแห่งใหม่ ได้รับการออกแบบโดยช็อง โด-จ็อน (เกาหลี: 정도전, 鄭道傳) พระเจ้าแทโจทรงส่งเสริมลัทธิขงจื๊อใหม่ (Neo-Confucianism) ขึ้นเป็นศาสนาประจำชาติแทนที่พุทธศาสนามหายานเดิม

หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเจ้าชาย ในรัชสมัยพระเจ้าแทจงราชวงศ์โชซ็อนจัดตั้งรากฐานการเมืองการปกครองขึ้น พระเจ้าแทจงทรงตั้งสภาอีจอง (เกาหลี: 의정부, 議政府) เป็นสภาขุนนางสูงสุด

จัดตั้งหกกระทรวงตามแบบจีนยุคราชวงศ์ซ่ง จัดตั้งระบบราชการซึ่งจะดำรงอยู่ไปตลอดยุคราชวงศ์โชซ็อน ราชวงศ์หมิงยอบรับราชวงศ์โชซ็อนอย่างเป็นทางการในค.ศ. 1402 ทำให้เกาหลีสมัยราชวงศ์โชซ็อนเป็นประเทศราชของจีนและเข้าสู่ระบบบรรณาการ ในค.ศ. 1419

พระเจ้าแทจงทรงส่งทัพเรือนำโดยแม่ทัพ อี จง-มู (เกาหลี: 이종무, 李從茂) เข้ารุกรานเกาะสึชิมะของญี่ปุ่นในยุคมูโรมาจิเพื่อปราบโจรสลัดญี่ปุ่น เรียกว่า การรุกรานทางตะวันออกในปีคีแฮ (เกาหลี: 기해동정, 己亥東征) นำไปสู่การเจรจาระหว่างโชซ็อนและญี่ปุ่นในสนธิสัญญาปีกเย-แฮ (เกาหลี: 계해조약, 癸亥條約) จัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชสำนักโชซ็อนและรัฐบาลโชกุนอาชิกางะ

สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน
https://sites.google.com/site/pratheskeahli2/yukh-ra-chwngschosxn-1

ความรุ่งเรืองของลัทธิขงจื๊อใหม่และการกวาดล้างนักปราชญ์

สถาปนาราชวงศ์โชซ็อน รัชสมัยของพระเจ้าเซจงมหาราชมีการส่งเสริมลัทธิขงจื๊อและวัฒนธรรมจีนให้แพร่หลาย ทรงก่อตั้งชิบฮย็อนจอน (เกาหลี: 집현전, 集賢殿) เป็นสำนักศึกษาปราชญ์ขงจื้อ พระเจ้าเซจงมีพระราชโองการให้ปรับเปลี่ยนขนบธรรมเนีนมประเพณีดั้งเดิมของเกาหลีให้สอดคล้องกับลัทธิขงจื๊อ เช่น ประเพณีการแต่งงาน ประเพณีการไว้ทุกข์

นำไปสู่การกำเนิดของชนชั้นนักปราชญ์ขงจื๊อหรือชนชั้นยังบันซึ่งมีบทบาทและอำนาจในการปกครองประเทศ พระเจ้าเซจงทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่ห่วงใยราษฎร ในค.ศ. 1446 พระเจ้าเซจงทรงประกาศใช้อักษรฮันกึล ซึ่งเป็นอักษรที่ง่ายต่อการเรียนรู้ ผ่านทางวรรณกรรมเรื่องฮุนมินจ็องอึม (เกาหลี: 훈민정음, 訓民正音)

เพื่อให้ราษฎรทุกชนชั้นสามารถอ่านออกเขียนได้โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อักษรจีน ในรัชสมัยของพระเจ้าเซจงขุนนางชื่อว่า ชัง ย็อง-ชิล (เกาหลี: 장영실, 蔣英實) เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์มาตรวัดน้ำฝน

หลังจากรัชสมัยของพระเจ้าเซจงเป็นยุคแห่งความขัดแย้ง ในค.ศ. 1455 เจ้าชายซูยัง (เกาหลี: 수양대군, 首陽大君) ทำการยึดอำนาจ ปลดเจ้าชายโนซัน (เกาหลี: 노산군, 魯山君) ออกจากราชสมบัติแล้วปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าเซโจ ในการรัฐประหารปีคเยยู (เกาหลี: 계유정난, 癸酉靖難)

ต่อมาในค.ศ. 1456 ขุนนางผู้ภักดีต่อเจ้าชายโนซันทั้งหกคนก่อการกบฏเพื่อถวายราชสมบัติคืนแก่เจ้าชายโนซันแต่ไม่สำเร็จ เรียกว่า ซายุกชิน หรือขุนนางผู้พลีชีพทั้งหก (เกาหลี: 사육신, 死六臣) เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดนักปราชญ์กลุ่มซาริม (เกาหลี: 사림, 士林) หรือนักปราชญ์ตามป่าเขา

เกิดจากกลุ่มขุนนางผู้สูญเสียอำนาจจากการยึดอำนาจของพระเจ้าเซโจและถูกกีดกันจากการมีส่วนร่วมในการปกครองส่วนกลาง นักปราชญ์กลุ่มซาริมยึดถือในลัทธิขงจื๊อแบบบริสุทธิ์และตีความปรัชญาลัทธิขงจื๊อแบบตรงตัว ในรัชสมัยพระเจ้าเซโจมีการปฏิรูปการปกครอง มีการส่งเสริมศาสตร์อื่นนอกเหนือจากวรรณกรรมขงจื๊อ และมีการชำระกฎหมายเรียกว่า คย็องกุกแดจ็อน (เกาหลี: 경국대전, 經國大典)

ในสมัยพระเจ้าซ็องจงขุนนางกลุ่มซาริมกลับเข้ามารับราชการในราชสำนักอีกครั้งทำให้ลัทธิขงจื๊อกลับมามีความสำคัญ ขุนนางซาริมรับราชการในสามกรมหรือ ซัมซา (เกาหลี: 삼사, 三司) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของขุนนาง ในค.ศ. 1498 เจ้าชายย็อนซันค้นพบว่าขุนนางซาริมชื่อว่าคิมจงจิกเขียนประวัติศาสตร์ลบหลู่พระเจ้าเซโจ

จึงเกิดการกวาดล้างลงโทษขุนนางกลุ่มซาริมจำนวนมากเรียกว่า การสังหารหมู่ปราชญ์ปีมูโอ (เกาหลี: 무오사화, 戊午士禍) และในค.ศ. 1504 เจ้าชายย็อนซันค้นพบว่าพระมารดาคืออดีตพระมเหสีตระกูลยุนต้องโทษทางการเมืองทำให้ถูกสำเร็จโทษด้วยยาพิษ

เจ้าชายย็อนซันจึงทำการกวาดล้างขุนนางผู้มีส่วนรู้เห็นการสำเร็จโทษพระมารดาในอดีตเรียกว่า การสังหารหมู่ปราชญ์ปีคัปจา (เกาหลี: 갑자사화, 甲子士禍) รัชสมัยของเจ้าชายย็อนซันเป็นกลียุคเต็มไปด้วยการนองเลือด ในค.ศ. 1506 กลุ่มขุนนางทำการยึดอำนาจและปลดเจ้าชายย็อนซันออกจากราชสมบัติ และอัญเชิญพระเจ้าชุงจงขึ้นครองราชสมบัติแทนที่เจ้าชายย็อนซัน

ในรัชสมัยของพระเจ้าชุงจงขุนนางกลุ่มซาริมกลับเข้ารับราชการอีกครั้งโดยมีผู้นำคือโช กวัง-โจ (조광조, 趙光祖) โช กวัง-โจ ต้องการปฏิรูปการปกครองตามอย่างลัทธิขงจื๊อแท้บริสุทธิ์ทำให้เกิดความขัดแย้งกับขุนนางกลุ่มเก่า จนกระทั่งเกิดการใส่ร้ายโช กวัง-โจ ว่าเป็นกบฏและโช กวัง-โจ ถูกประหารชีวิตในค.ศ. 1519

ตามมาด้วยการกวาดล้างขุนนางกลุ่มซาริมอีกครั้งเรียกว่า เหตุการณ์สังหารหมู่ปราชญ์ปีคี-มโย (เกาหลี: 기묘사화, 己卯士禍) ในสมัยของพระเจ้าอินจงขุนนางกลุ่มยุนใหญ่ (เกาหลี: 대윤, 大尹) นำโดยยุนอิม (เกาหลี: 윤임, 尹任) ซึ่งเป็นพระอัยกาของพระเจ้าอินจงขึ้นมามีอำนาจ เมื่อพระเจ้าอินจงสวรรคตในค.ศ. 1545 พระเจ้ามย็องจงเป็นกษัตริย์องค์ต่อมาทำให้ฝ่ายยุนใหญ่สูญเสียอำนาจและฝ่ายยุนเล็ก (เกาหลี: 소윤, 小尹)

นำโดยยุน ว็อน-ฮย็อง (เกาหลี: 윤원형, 尹元衡) ซึ่งเป็นพระปิตุลาของพระเจ้ามย็องจงขึ้นมามีอำนาจแทน เนื่องจากพระเจ้ามย็องจงยังพระเยาว์พระพันปีมุนจ็องพระชนนีของพระเจ้ามย็องจงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ฝ่ายยุนเล็กกวาดล้างขุนนางฝ่ายยุนใหญ่ยุนอิมถูกประหารชีวิต พระพันปีมุนจ็องฟื้นฟูพุทธศาสนาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ถูกกดขี่มานาน เมื่อพระพันปีมุนจ็องสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1565 ทำให้อำนาจของตระกูลยุนสิ้นสุดลงนำไปสู่การประหารชีวิตยุน ว็อน-ฮย็อง

วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 1392 วันที่ประมาณการ