Skip to content
Home » News » สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน

สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน

สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน ปี 1891 เขาประดิษฐ์เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหวสำเร็จซึ่งนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ อีก 2 ปีต่อมาเอดิสันได้สร้างโรงถ่ายภาพยนตร์แห่งแรกของโลก ต่อมาเขาได้นำเครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหวมารวมกับเครื่องบันทึกเสียงซึ่งเขาเป็นคนประดิษฐ์เองกลายเป็นเครื่องถ่ายทำภาพยนตร์​ ปี 1898 เอดิสันเริ่มประดิษฐ์แบตเตอรี่ที่ทำจากนิกเกิลและเหล็กและทำสำเร็จในปี 1909 ใช้เวลานานถึง 11 ปี

นอกจากนี้เอดิสันยังมีผลงานสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีอีกมาก เช่น เครื่องเล่นจานเสียง เครื่องขยายเสียง​ เครื่องอัดสำเนา และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆอีกนับพันชิ้น เอดิสันเป็นนักประดิษฐ์ที่มีผลงานมากที่สุดในยุคนั้น เขามีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ภายใต้ชื่อของเขาเป็นจำนวนถึง 1,093 ชิ้น แม้ส่วนใหญ่เขาไม่ได้เริ่มคิดค้นขึ้นมาเอง แต่เป็นการพัฒนาจากสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้นโดยลูกจ้างของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการอ้างผลงานเป็นของตัวเองแต่ผู้เดียวอยู่เสมอ

สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน จากผลงานการประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้เทคโนโลยีอย่างมากมายเหลือเชื่อ เอดิสันจึงได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ แต่ตัวเขาเองกลับบอกว่าความสำเร็จของเขามาจากความพยายามมากกว่า วาทะเด็ดของเขาอย่างเช่น “อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ และอีก 99 เปอร์เซ็นต์คือความอุตสาหะ” หรือ “ผมไม่ได้ล้มเหลวนะ ผมเพิ่งจะพบ 10,000 วิธีที่มันใช้ไม่ได้” เป็นสิ่ง​ยืนยันได้เป็นอย่างดี

เอดิสันแต่งงานกับ Mary Stilwell ในปี 1871 มีลูกด้วยกัน 3 คน Mary เสียชีวิตตอนอายุยังน้อยด้วยโรคมะเร็งในสมองในปี 1884 ต่อมาในปี 1886 เอดิสันแต่งงานใหม่กับ Mina Miller มีลูก 3 คนเช่นกัน เอดิสันเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานในปี 1931 อายุรวม 84 ปี ส่วน Mina เสียชีวิตในปี 1947

เอดิสันเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จด้วยความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ นิตยสารไลฟ์ได้ยกย่องให้เอดิสันเป็นหนึ่งใน “100 คนที่สำคัญที่สุดในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา” เขาคือสุดยอดนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกตลอดกาล

สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน
https://www.takieng.com/stories/9140/thomas-edison-6

เอดิสัน เป็นชาวอเมริกา เกิดเมื่อปี 1847 ที่เมืองมิลาน รัฐโอไฮโอ ตอนเด็กเขาเป็นโรคผื่นแดงและติดเชื้อในหูทำให้มีปัญหาการได้ยินทั้งสองข้างจนเกือบเป็นคนหูหนวก พอมีอายุได้ 7 ปีครอบครัวของเอดิสันที่ธุรกิจซบเซาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองพอร์ตฮูรอน รัฐมิชิแกน เขามีโอกาสเรียนหนังสือในโรงเรียนเพียง 3 เดือน เนื่องจากเขาไม่สนใจเนื้อหาในตำราเรียน แต่ไปสนใจในสิ่งต่างๆรอบตัวที่ไม่มีในตำรา

เขาจึงเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาของคุณครู แม่ของเขาจึงให้ออกจากโรงเรียนและเธอเป็นผู้สอนหนังสือเขาเอง เอดิสันศึกษาด้วยตัวเองด้วยการอ่านหนังสือ เขาสนใจด้านวิทยาศาสตร์และชอบการทดลองเป็นพิเศษ พ่อแม่สนับสนุนเขาโดยสร้างห้องใต้ดินเพื่อให้เอดิสันได้ทำการทดลองต่างๆในหนังสือ และเขาก็ได้ทำการทดลองมากมายในห้องใต้ดินนั้น

ตอนมีอายุ 12 ปีเอดิสันได้งานทำเป็นเด็กขายของบนรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองพอร์ตฮูรอนและเมืองดีทรอยต์ เขาขายหนังสือพิมพ์ ลูกกวาดและผัก เอดิสันได้ใช้ตู้รถไฟตู้หนึ่งเป็นที่พัก เก็บสารเคมี และหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เขามักใช้เวลาว่างส่วนใหญ่อยู่ในห้องพักเพื่ออ่านหนังสือ และทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์

เมื่อเอดิสันทำงานเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง เขานำเงินไปซื้อแท่นพิมพ์เล็กๆเครื่องหนึ่ง และผลิตหนังสือพิมพ์ที่มีเขาเป็นเจ้าของบรรณาธิการ นักเขียน และพนักงานขาย ชื่อว่า Grand Trank Herald ซึ่งขายดีทีเดียว เอดิสันนำเงินกำไรที่ได้ไปซื้ออุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ สารเคมี และหนังสือวิทยาศาสตร์

แต่วันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่เขากำลังทำการทดลองรถไฟเกิดกระชากอย่างแรงทำให้แท่งฟอสฟอรัสตกกระแทกพื้น แล้วเกิดระเบิดอย่างแรง ทำให้ไฟไหม้ตู้รถไฟของเขา ถึงจะเกิดความเสียหายไม่มากนักแต่เขาถูกคนคุมขบวนรถไฟตบเข้าที่หูจนหูแทบพิการ พร้อมกับถูกไล่ออกจากงาน

ชะตาชีวิตลิขิตทางเดินของคน วันหนึ่งเอดิสันได้ช่วยชีวิตเด็ก 3 ขวบจากการถูกรถไฟทับ เผอิญเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของนายสถานีรถไฟ เขาได้ตอบแทนเอดิสันด้วยการสอนวิธีการส่งโทรเลขจนชำนาญ ทำให้เขาได้งานเป็นคนส่งโทรเลขอยู่นานหลายปี พอมีเวลาว่างเอดิสันก็จะศึกษาและทดลองทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีโทรเลข จนเขามีความรู้ทางวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นอย่างดี

ปี 1866 ขณะอายุ 19 ปี เอดิสันย้ายไปอยู่ที่เมืองลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ทำงานเป็นพนักงานของบริษัท Western Union อยู่ในสำนักข่าว เขาเลือกทำงานกะกลางคืนเพื่อให้มีเวลาเต็มที่สำหรับการศึกษาและการทดลองที่เขาชอบ และมันก็สร้างปัญหาให้กับเขาอีกครั้งจนได้ คืนหนึ่งในปี 1867 เขาทดลองเกี่ยวกับแบตเตอรี่ แล้วทำน้ำกรดหกใส่พื้น มันไหลลงไปที่โต๊ะเจ้านายข้างล่าง วันรุ่งขึ้นเขาถูกไล่ออก

เอดิสันจึงต้องพบกับความลำบากไม่มีเงินและไม่มีงานทำ ยังดีที่เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นนักประดิษฐ์ชื่อ Franklin Leonard Pope ให้เขาไปพักและทำงานอยู่ในห้องใต้ดินที่บ้านของเขา ปี 1869 เอดิสันในวัย 22 ปีย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ก และประสบความสำเร็จกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกคือเครื่องพิมพ์ข้อมูลราคาหุ้นซึ่งขายลิขสิทธิ์ได้เงินมากพอสมควร และทำให้เขาตัดสินใจเลิกทำงานอย่างอื่นมุ่งหน้าเป็นนักประดิษฐ์อย่างเต็มตัว

สุดยอดนักประดิษฐ์ของโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน

ประวัติด้านอื่น

ค.ศ. 1863 เอดิสันเข้าเป็นพนักงานส่งโทรเลข เขาเปลี่ยนบริษัทบ่อยมาก ในปีเดียว เขาเปลี่ยนบริษัททำงานถึง 4 ครั้ง ตามสถานที่ต่าง ๆ ในอเมริกาและแคนาดา

ค.ศ. 1864 เขาประดิษฐ์เครื่องบันทึกการนับคะแนน และยื่นขอจดสิทธิบัตร แต่เครื่องนั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน

ค.ศ. 1869 เขาเดินทางไปยังนิวยอร์ก และเปิดบริษัทวิศวกรไฟฟ้าขึ้น บริษัทนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง

.ศ. 1871 สร้างอาคารซึ่งเปิดเป็นโรงงานและศูนย์วิจัยในตัวขึ้นและในปีนั้น เขาพบรักและแต่งงานกับ แมรี สติลเวลล์ (Mary Stilwell) ผู้มีอายุน้อยกว่าเอดิสันถึง 8 ปี และ ในปีนั้น แนนซีผู้เป็นมารดาของเอดิสัน เสียชีวิตลงในวัย 61 ปี

ค.ศ. 1876 สร้างอาคารโรงงานและศูนย์วิจัยใหม่ที่เมนโลพาร์ก (Menlo Park) รัฐนิวเจอร์ซีย์ และเริ่มลงมือประดิษฐ์โทรศัพท์ แต่ (อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์)(North Alexander Graham Bell) คิดค้นขึ้นได้ก่อน

ค.ศ. 1877 เอดิสันประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียงขึ้น และฉายา พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก ก็ได้มาจากการที่เขาประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียงนี้

ค.ศ. 1878 เอดิสันเริ่มศึกษาค้นคว้าคิดจะทำหลอดไฟ เพราะไฟส่องสว่างในสมัยนั้นสามารถก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย

ค.ศ. 1879 ประดิษฐ์หลอดไฟไส้คาร์บอนสำเร็จ และเริ่มออกแบบสวิตช์เปิด-ปิดหลอดไฟให้ติดตั้งในบ้านเรือนได้ง่าย นับเป็นจุดเริ่มต้นของหลอดไฟบนโลกใบนี้

ค.ศ. 1880 เปลี่ยนไส้หลอดไฟจากคาร์บอนเป็นไม่ไผ่ญี่ปุ่น เพราะหลอดคาร์บอน ส่องสว่างได้นาน 40 ชั่วโมง แต่หลอดไม้ไผ่ญี่ปุ่น ส่องสว่างได้นานถึง 900 ชั่วโมง

ค.ศ. 1882 สร้างโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าขึ้นที่นิวยอร์ก และเริ่มประกาศเทคโนโลยีหลอดไฟให้เป็นที่รู้จัก

ค.ศ. 1883 เขาประดิษฐ์หลอดไฟรุ่นใหม่ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไปได้ ทำให้หลอดไฟแพร่กระจายไปตามจุดต่าง ๆ ของโลกเร็วขึ้น

ค.ศ. 1884 แมรี ภรรยาของเขาเสียชีวิตลงด้วยโรคไทฟอยด์ในวัย 29 ปี

ค.ศ. 1886 เอดิสันแต่งงานใหม่กับมินา มิลเลอร์ (Mina Miller) ผู้มีอายุน้อยกว่าเอดิสันถึง 19 ปี

ค.ศ. 1891 ประดิษฐ์เครื่องถ่ายภาพตัดต่อสำเร็จ บันทึกภาพเคลื่อนไหว ซึ่งนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์

ค.ศ. 1893 สร้างโรงถ่ายภาพยนตร์แห่งแรกของโลก

ค.ศ. 1894 ภาพเคลื่อนไหวเรื่องแรกของโลกถูกสร้างขึ้น มีชื่อว่า “บันทึกการจาม” แต่ยังไม่มีเสียง

ค.ศ. 1896 บิดาของเอดิสันเสียชีวิตลงในวัย 92 ปี และในปีนั้น เอดิสันรู้จักกับ เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) ซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนซี้กัน

ค.ศ. 1898 เริ่มประดิษฐ์แบตเตอรี่ และประดิษฐ์สำเร็จใน ค.ศ. 1909ใช้เวลานานถึง 11 ปี

ค.ศ. 1912 เกิดการใช้เครื่องถ่ายภาพตัดต่อและเครื่องบันทึกเสียงพร้อมกัน ทำให้เกิดเป็น “ภาพยนตร์” ที่มีทั้งภาพและเสียง

หลังจากนั้น เขาถูกนักข่าวรุมถามเสมอว่า เอดิสันคิดอย่างไรกับการที่คนทั่วไปเรียกเขาว่าอัจฉริยะ เขาตอบว่า คำว่าอัจฉริยะในความคิดของผม ประกอบด้วยพรสวรรค์เพียง 1% ส่วนอีก 99% มาจากความพยายาม

หลังจากนั้น เอดิสันใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน และเสียชีวิตในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1931 ด้วยโรคเบาหวาน และไตวายในขณะที่เขามีอายุ 84 ปี ที่เวสต์ออเรนจ์ (West Orange) รัฐนิวเจอร์ซีย์

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99