อนาคตใหม่ แพ้เลือกตั้ง เมื่อเวลา 15.15 น.ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงสรุปผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์โดยไม่มีผู้สื่อข่าวเข้าร่วม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า ใน 42 จังหวัดที่คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครแข่งขันนั้น
แต่เราไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งนายกอบจ.มาได้แม้แต่จังหวัดเดียว โดยมีปัจจัยมาจากการทำงานของเราที่ยังไม่หนักพอ ขอโทษประชาชนที่สนับสนุนพวกเราในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าตำแหน่งนายกอบจ.จะไม่ได้มา แต่ก็ไม่ได้หมายความเราไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย โดยเราได้รับคะแนนทั้งหมดประมาณ 2,670,798 คะแนน ขอขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้เรา
นายธนาธร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เราได้สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) จำนวน 55 คนจาก 18 จังหวัด และได้มีส่วนร่วมผลักดันให้สังคมได้รับรู้ถึงความสำคัญถึงการทำหน้าที่ของท้องถิ่น ทั้งนี้ ผลคะแนนการเลือกตั้งนายก อบจ.ใน 42 จังหวัดของคณะก้าวหน้าเมื่อนำมาเทียบกับคะแนนเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ใน 42 จังหวัด เมื่อปี 2562 ถือว่าไม่ได้ลดลง
โดยพรรคอนาคตใหม่ได้ 3,183,163 คะแนน คิดเป็น 16.2 % จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 19,629,451 คน ขณะที่ คณะก้าวหน้าได้ 2,670,798 คะแนน คิดเป็น 17% จากจำวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 15,730,841 คะแนน ประกอบกับการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักกรและนอกเขตเลือกตั้ง ดังนั้น คะแนนที่ปรากฎออกมาทำให้เรายังรักษาเอาไว้ได้ ซึ่งนับจากนี้พวกเราจะสนับสนุนการทำงานของสจ.ทุกคนเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารให้เต็มที่

อนาคตใหม่ แพ้เลือกตั้ง
“เราขอโทษที่ไม่สามารถเข้าไปเป็นนายก อบจ.ได้แต่เราได้แสดงให้เห็นถึงการสร้างการเมืองแบบใหม่แล้ว ดังนั้น ทุกคะแนนที่เราได้มาจึงเป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ เราภาคภูมิใจในการทำงานหลายเดือนที่ผ่านมาท่ามกลางอุปสรรคมากมาย” นายธนาธร กล่าว
ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ในปี 2564 คณะก้าวหน้าจะทำงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ทำงานการเมืองท้องถิ่นในระดับพื้นฐานต่อเนื่อง 2.ขับเคลื่อนรณรงค์ในประเด็นทางการเมืองระดับชาติ 3.ตรวจสอบและเสนอการทำงานของ อบจ.ผ่าน สจ.ขอเชิญคนรุ่นใหม่ร่วมการเลือกตั้งเทศบาลและระดับองค์การบริหารส่วนตำบล
เพื่อแสดงให้เห็นว่าท้องถิ่นมีศักยภาพจะพัฒนาไปได้อีก ประเทศไทยต้องการคนหน้าใหม่เข้ามาทำงานการเมือง ถ้าการเมืองไม่มีการแข่งขันสังคมจะไม่มีการพัฒนา ถ้าคนสนใจมาร่วมทำงานกับเราก็พร้อมเปิดรับ
“พวกเราจะขับเคลื่อนเรื่องที่เราทำมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ คือ การปักธงทางความคิด เช่น รัฐธรรมนูญ สถานการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ กระบวนการยุติธรรมและสถาบัน ทั้งหมดเป็นแนวทางการทำงานของเราในปี 2564 อย่าเพิ่งหมดหวังและกำลังใจ การสร้างประเทศไทยต้องใช้เวลาอีกยาว เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน และสุดท้ายขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเป็นพลังให้กับคณะก้าวหน้า ขอให้ทุกคนเดินทางร่วมกันต่อไปครับ” นายธนาธร กล่าว

ด้าน “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ผ่าน “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” โดยแยกออกเป็น 2 เรื่อง ระหว่างการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ ซึ่งในแง่ของการเมืองท้องถิ่น ได้สะท้อนให้เห็นว่าตระกูลสะสมทรัพย์ ยังมีบารมีในพื้นที่
เมื่อพิจารณาจากคะแนนเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า เผดิมชัย สะสมทรัพย์ คะแนนลดวูบเหลือ 1.2 หมื่นกว่าคะแนน หรือหายไปร่วม 3 หมื่นกว่าคะแนน หากเทียบกับการเลือกตั้งปี 2554 ได้คะแนน 4.8 หมื่นคะแนน เนื่องจากเลือกตั้งล่าสุดคะแนน 2 หมื่นกว่าไปอยู่ที่พรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นคะแนน 1.2 หมื่น จึงคือฐานที่แท้จริงของเผดิมชัย ทำให้ต้องลงพื้นที่อย่างจริงจัง ทั้งเคาะประตูบ้าน แบบว่าแพ้ไม่ได้
ขณะเดียวกัน เมื่อมองในแง่การเมืองระดับชาติ พบว่าคะแนนเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค. ของพรรคพลังประชารัฐ 1.8 หมื่นคะแนน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ทางพรรคพลังประชารัฐเทคะแนนให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้ เผดิมชัย ได้คะแนน 3 หมื่น บวกกับอีก 6 พันกว่าคะแนนที่หายไปจากพรรคอนาคตใหม่ จึงเท่ากับว่าเผดิมชัยได้คะแนน 3.7 หมื่นคะแนนพอดี
“ตรงข้ามกับผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนไม่บวกไม่ลบ หรือเพิ่มเติมใดๆ เพราะฉะนั้นจึงมองได้ว่าจากข้อวิจารณ์อนาคตใหม่ กรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค แถลงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในปมถือหุ้นสื่อ และโดยเฉพาะการออกมาพูดพาดพิงทักษิณ ชินวัตร ทำให้คะแนนอนาคตใหม่ หายไป เพราะเลือกตั้งครั้งที่แล้วพื้นที่นครปฐม เป็นฐานของไทยรักษาชาติ
ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบพรรค ทำให้คนที่ชื่นชอบทักษิณ เทคะแนนมาที่อนาคตใหม่ จนมาเลือกตั้งซ่อม ทางธนาธรได้พูดพาดพิงทักษิณในศาล อาจทำให้คนไม่ไปลงคะแนนให้ก็ได้ ผมมองว่าจุดนี้คือประเด็นสำคัญ