อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบยิง
รัฐบุรุษคนสำคัญๆ นั้นมีไม่มากนักในโลกนี้ แต่ท่านหนึ่งในจำนวนน้อยดังกล่าวนี้เกิดความฝันขึ้นมา ซึ่งความฝันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิต แล้วก็เป็นความจริงเสียด้วย … นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อยู่มิใช่น้อย
รัฐบุรุษนักการเมืองคนสำคัญผู้นี้ก็คือ “อับราฮัม ลินคอล์น” (Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ท่านเป็นผู้ที่ชาวโลกทั้งหลายรู้จักกันดี เพราะเป็นผู้ที่ประกอบด้วยมนุษยธรรม โดยได้ยกเลิกระบบทาสในอเมริกา ปลดปล่อยเครื่องพันธนาการของมนุษย์ให้ได้รับอิสรภาพ ท่ามกลางเสียงคัดค้านซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากจากการประกาศเลิกทาสคราวนี้ก่อให้เกิดการสงครามระหว่างอเมริกาเหนือกับอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง ๔ ปี แต่ในที่สุด ท่านประธานาธิบดีก็สามารถทำลายล้างคู่ต่อสู้จนพ่ายแพ้ไป
ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น นอกจากจะมีมนุษยธรรมอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านยังมีอุดมคติคือ ทัศนะแห่งการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยประชาชนและเพื่อประชาชน แต่อย่างไรก็ดี ท่านได้เสียชีวิตลงไปโดยศัตรูของท่าน ซึ่งก็เนื่องมาจากการเลิกทาสนั่นเอง เพราะการเลิกทาสได้ก่อให้เกิดศัตรูและทำให้ผู้เสียหายที่ปราศจากมนุษยธรรมมีความเจ็บแค้นอย่างที่สุด แล้วจึงคอยหาโอกาสทำร้ายท่านประธานาธิบดีอยู่เสมอจนกระทั่งกระทำการสำเร็จลง
น่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนั้น … ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิตไปเพียง ๓ วัน เท่านั้นเอง ท่านได้เกิดความฝันอันตื่นเต้นระทึกใจขึ้นมา นับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าพิศวงมิใช่น้อยเลยท่านฝันไปว่า …“ได้ยินเสียงประชาชนร้องไห้กันอื้ออึง ประธานาธิบดีมีความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญยกใหญ่ด้วยเหตุผลอะไร ท่านจึงได้เดินออกไปยังห้องด้านตะวันออกของทำเนียบ White House เมื่อไปถึง ท่านก็ต้องตกตะลึงเพราะเห็นศพตั้งอยู่บนแท่น ใกล้ๆ กับศพมีทหารรักษาการณ์อยู่เพื่อเป็นเกียรติยศแก่ศพนั้นด้วย ท่านจึงได้เข้าไปถามทหารที่ยืนรักษาการณ์ว่า‘ใครตาย?’ทหารผู้รักษาการณ์ตอบว่า‘ศพของท่านประธานาธิบดีลินคอล์น … ท่านถูกคนร้ายลอบยิงถึงแก่ชีวิตในโรงละคร’ ”
ท่านสะดุ้งตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจในฝันอันประหลาดเช่นนี้หลังจากฝันแล้ว ๓ วัน ก็มีผู้มาเชิญท่านประธานาธิบดีให้ไปดูละคร ณ โรงละครแห่งหนึ่ง ซึ่งคนร้ายก็ได้วางแผนการที่จะลอบสังหารท่านมีบุคคลบางคนที่ทราบข่าวได้บอกกับท่านประธานาธิบดีว่าจะมีผู้ลอบทำร้าย ขอให้งดการมาดูละครเสีย แต่ท่านก็มิได้ใส่ใจ เพราะท่านมิได้เป็นคนขี้ขลาด ท้ายที่สุด ท่านก็เข้ามาดูละครจนได้ แม้ความฝันจะแสดงไว้แล้วว่าความตายกำลังรออยู่ก็ตามถ้าหากท่านประธานาธิบดีมิได้เป็นผู้มีความกล้าหาญจริงๆ แล้ว การประกาศเลิกทาสก็คงจะเกิดขึ้นมาไม่ได้
แล้วถ้าหากท่านไม่ได้มาดูละคร ความฝันของท่านก็คงจะเป็นโมฆะ ไม่เป็นความจริงไปในค่ำคืนอันแสนเศร้านั้น ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ได้ก้าวเข้ามาในโรงละครอย่างปราศจากความสะทกสะท้านหวั่นไหวต่อมฤตยูที่กำลังรออยู่ข้างหน้า แม้ขบวนคุ้มกันจะจัดกันมาอย่างหนาแน่น แต่ในทันใดนั้น เสียงปืนก็ได้คำรามลั่นขึ้น ท่านประธานาธิบดีถูกปืนยิงล้มพับลงยังเก้าอี้ วิญญาณของนักประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่ได้หลุดลอยออกจากร่างแล้วในที่สุด หีบศพของท่านก็ตั้งอยู่ ณ ที่ที่ท่านฝันล่วงหน้ามาแล้วนั่นเอง พร้อมทั้งทหารที่ยืนเฝ้าเป็นเกียรติยศอย่างพร้อมเพรียงกัน ดังในความฝันทุกอย่างเช่นเดียวกัน!!

ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบยิงโดย จอห์น วิลค์ส บูธ ขณะที่กำลังชมละครที่ Ford’s Theater ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยลินคอล์นถึงแก่อสัญกรรมในเช้าวันต่อมา ลินคอล์นเป็น 1 ใน 4 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการสลักใบหน้าไว้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนธนบัตรราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ และเหรียญราคา 1 เซนต์
อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบยิง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนที่สงครามกลางเมืองอเมริกันเกือบสิ้นสุดลง การลอบสังหารเป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดโดยบูธ เพื่อช่วยฟื้นฟูฝ่ายสมาพันธ์โดยการกำจัดเจ้าหน้าที่ที่สำคัญของรัฐบาลกลางสหรัฐทั้ง 3 คน
เลวิส โพเวลล์ และเดวิด เฮโรลด์ สองผู้สมรู้ร่วมคิดถูกวางแผนให้ฆ่าวิลเลียม เอช. ซูเวิร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และจอร์จ แอตเซอรอดต์ (George Atzerodt) ถูกวางแผนให้ฆ่าแอนดรูว์ จอห์นสัน รองประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากลินคอล์นเสียชีวิต แผนนั้นกลับล้มเหลว: ซูเวิร์ดแค่บาดเจ็บ ส่วนจอห์นสันที่เกือบจะเป็นผู้โจมตีนั้น สูญเสียความกล้า (lost his nerve). หลังจากการหนีนั้น บูธถูกฆ่าในช่วงที่ถูกล่าใน 12 วัน ส่วนโพเวลล์, เฮโรลด์, แอตเซอรอดท์ และแมรี ซูรัตต์ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ.
เหตุจูงใจ
มีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับแรงจูงใจของบูธ. เช่นในจดหมายที่ส่งไปให้แม่ เขาอยากให้ฝ่ายใต้แก้แค้น ดอริส เคิร์นส กูดวิน (Doris Kearns Goodwin) กล่าวว่าเขาเป็นศัตรูกับเอ็ดวิน บูธ พี่ชายของเขา เนี่องจากเขาจงรักภักดีต่อสหภาพ
ในวันที่ 11 เมษายน บูธเข้าร่วมงานปราศัยของลินคอล์นที่ทำเนียบขาว โดยที่ลินคอล์นกำลังสนับสนุนสิทธิคนผิวดำบูธก่าวว่า “นั่นหมายถึงสิทธิพลเมืองของพวกนิโกร … นี่จะเป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาจะกล่าวถึงมัน.”
ลินคอล์นนั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจองไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะจนถึงเวลาหนึ่ง แมรี ลินคอล์น ได้กระซิบกับลินคอล์นว่า “มิสแฮร์ริสจะคิดเกี่ยวกับการเดินออกมาเที่ยวของเราอย่างไร?” ลินคอล์นตอบว่า “เธอคงไม่คิดอย่างนั้น”
บูธจำบทละครจนขึ้นใจ และรอเวลาที่จะยิงพร้อมกับเสียงหัวเราะในโรงละคร และลินคอล์นกำลังหัวเราะในตอนที่เขาถูกยิง.
บูธเปิดประตู เดินไปข้างหน้า แล้วยิงลินคอล์นด้วยปืนเดอริงเกอร์.กระสุนปืนเข้าไปที่กระโหลกฝั่งซ้ายด้านหลังหูซ้ายของลินคอล์น ทะลุสมอง และหยุดที่บริเวณใกล้หน้ากระโหลกตรงส่วนกระดูกหน้าผาก.ลินคอล์นทรุดบนเก้าอี้แล้วล้มลงบูธตะโกนคำหนึ่ง ซึ่งแรธโบนคิดว่าเสียงพูดเหมือนกับคำว่า “อิสรภาพ!”
แรธโบนลุกจากที่นั่งและต่อสู้กับบูธ ที่ทิ้งปืนและชักมีดออกมา และแทงแรธโบนที่ปลายแขนซ้าย แล้วแรธโบนก็จับบูธในตอนที่เข่กำลังจะกระโดดจากกล่องไปที่เวที ซึ่งสูง 12 ฟุตซึ่งทำให้เขาลงเซด้วยเท้าซ้าย ในตอนที่เขาเดินข้ามเวที ผู้ชมคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง.
บูธถือดาบอาบเลือดแล้วจ่อที่หัวของเขา แล้วตะโกนบางอย่างให้ผู้รับชม. ส่วนใหญ่กล่าวว่าเขาตะโกนคำขวัญของรัฐเวอร์จิเนียว่า ซิกเซมเปอร์ไทรันนิส! (“Sic semper tyrannis; Thus always to tyrants”) ในตอนที่อยู่บนกล่องรับชมหรือบนเวที พยานมีข้อโต้แย้ง ส่วนใหญ่ได้ยินเขาพูดว่า ซิกเซมเปอร์ไทรันนิส! แต่อีกกลุ่ม – ซึ่งรวมไปถึงตัวเขาเอง – กล่าวว่าเขากล่าวแค่ ซิกเซมเปอร์!
บูธวิ่งข้ามเวทีแล้วออกทางประตูที่อยู่ด้า่นข้าง
ชาลส์ เลลี ทหารผ่าตัดวัยหนุ่ม แทรกผ่านผู้คนเข้าไปที่กล่องของลินคอล์น แต่ประตูยังไม่เปิด. แรธโบนที่อยู่ในกล่องจึงนำกำแพงไม้ที่บูธใช้ปิดประตูออก
เลลีเข้าไปในกล่องแล้วพบลินคอล์นนั่งโดยที่หัวเอียงไปทางขวาในขณะที่แมรีกอดเขาและร้องไห้ เลลีคิดว่าเขาถูกแทง จึงทำการย้ายเขาไปวางบนพื้น.ในขณะเดียวกัน ชาลส์ แซบิน ทาฟต์ (Charles Sabin Taft) แพทย์อีกคน ได้ลงจากเวทีไปที่กล่องของลินคอล์น
หลังจากทาฟ และเลย์ลีเปิดเสื้อของอินคอล์น แล้วไม่พบแผลที่ถูกแทง เขาพบว่าลูกกระสุนอยู่ลึกเกินไปที่จะถอนออกมา แต่ยังคงเอาก้อนกระสุนออกได้ ซึ่งทำให้ลินคอล์นหายใจสะดวกขึ้น
เลย์ลี, ทาฟ และอัลเบิร์ท คิง หมออีกคน ตัดสินใจว่าลินคอล์นควรถูกย้าย การขี่รถม้าไปทำเนียบขาวนั้นอันตรายเกินไป หลังพิจารณาว่าซาลูนของปีเตอร์ ทัลทาวุลล์ (Peter Taltavulls) พวกเขาจึงพาลินคอล์นไปบ้านที่อยู่แถวนั้น โดยมีชายคนหนึ่งแนะนำให้ไปบ้านปีเตอร์เซน.
ลินคอล์น เสียชีวิต ณ เวลา 7:22 น. ในวันที่ 15 เมษายน

