
อาการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยเนื้อตัว เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ หายใจหอบเหนื่อย นอกจากนี้ในการระบาดระลอก 3 ผู้ป่วยอาจมีอาการ ตาแดง มีผื่นแดงเป็นปื้นๆ คล้ายผื่นลมพิษบริเวณแขน ขา ลำตัว
ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คือ ผู้ที่มีการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้อโควิด-19 ต้องกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อหลังจากพบผู้ป่วยไปแล้ว 5 วัน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ คือ ผู้ที่สัมผัสผู้สัมผัสเสี่ยงสูงนั้น ไม่ต้องกักตัว แต่ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
การฉีดวัคซีนจะสามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ 50-90% จึงยังมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ แต่วัคซีนจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำ และลดความรุนแรงของโรคเมื่อติดเชื้อซ้ำได้
เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ดูจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยอดติดเชื้อสะสมในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับรอบก่อนๆ และด้วยโรคโควิด-19 นั้น ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกวัย ติดได้กับทุกคน นอกจากการใช้ชีวิตแบบ New Normal แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘วัคซีน’ คือความหวังก้อนใหญ่ของประชาชนคนไทยอยู่ในขณะนี้
อาการติดเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 อาการทั่วไปมีดังนี้
- มีไข้
- ไอแห้ง
- อ่อนเพลีย
- อาการที่พบไม่บ่อยนักมีดังนี้
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- ตาแดง
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส
- มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
- อาการรุนแรงมีดังนี้
- หายใจลำบากหรือหายใจถี่
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
กลุ่มเสี่ยง อาการติดเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19
- เด็กเล็ก (แต่อาจไม่พบอาการรุนแรงเท่าผู้สูงอายุ)
- ผู้สูงอายุ
- คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่นโรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง
- คนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่
- คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก (คนอ้วนมาก)
- ผู้ที่เดินทางไปในประเทศเสี่ยงติดเชื้อ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ
- ผู้ที่ต้องทำงาน หรือรักษาผู้ป่วย ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
- ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ลูกเรือสายการบินต่าง ๆ เป็นต้น
อาการของโรคโควิด-19 นั้นไม่เจาะจงและผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ได้ เช่น ไข้ ไอ ล้า หายใจลำบาก หรือปวดกล้ามเนื้อ
การพัฒนาต่อไปของโรคอาจนำไปสู่การปอดบวม กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ช็อกเหตุพิษติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งให้ผลการทดสอบที่ยืนยันว่าติดเชื้อแต่ไม่มีอาการแสดง ดังนั้น นักวิจัยจึงได้ออกคำแนะนำว่าบุคคลที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว ควรมีการติดตามและทดสอบการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด
ระยะฟักตามปกติ (เวลาระหว่างที่ได้รับเชื้อและมีอาการเกิดขึ้น) มีช่วงตั้งแต่ 1 ถึง 14 วัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5 วัน อย่างไรก็ตาม มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่มีระยะฟักถึง 27 วัน
เราต้องอยู่กับ โควิด-19 ไปอีกนานแค่ไหน
หากดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โรคโควิด-19 น่าจะอยู่กับเราไปอีกประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ หากประชากรทั้งโลกสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด ก็จะกระตุ้นให้เกิด ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ (Herd Immunity) อย่างน้อยภูมิต้านทานของเราน่าจะต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 ได้บ้าง และถ้าหากประชากร 70% เหล่านั้นได้รับวัคซีนอย่างทันท่วงทีกับไวรัสที่มีการกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงตัวเองไปเรื่อยๆ ก็หวังได้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะสงบลงได้
หากคำนวนจากจำนวนประชากรทั้งโลกที่มีมากกว่า 7,000 ล้านคน ขณะนี้ความเร็วในการฉีดวัคซีนทั่วโลกนั้นมีเพียงแค่วันละ 15 ล้านโดส ซึ่งเทียบเท่ากับฉีดได้วันละ 7 ล้านคนเท่านั้น หากต้องการฉีดให้ครบ 7,000 ล้านคน ก็ต้องใช้เวลาถึง 1,000 วันเลยทีเดียว (ประมาณ 3 ปี) เพราะฉะนั้น ถ้าหากต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วในการฉีดให้เร็วกว่านี้ นั่นคือ การฉีดจำนวนโดสให้มากขึ้นในแต่ละวันเพื่อย่นระยะเวลาการฉีดให้น้อยลง
เราอยู่ส่วนไหนของการระบาด

เมื่อมีข่าวว่าคนใกล้ชิดมีการติดเชื้อโควิด-19 นั้น หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงมากแค่ไหน ทั้งนี้ สามารถอธิบายได้ง่ายๆ ดังนี้
วง 1: สมมติว่ามีคนหนึ่งเป็นผู้ป่วย (นาย ก) และมีคนเข้าไปใกล้หรือสัมผัสนาย ก ก็จะเรียกคนๆ นั้นว่า ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (นาย ข) คือ เคยอยู่ใกล้กันในพื้นที่แคบๆ รัศมีประมาณ 1 เมตร พูดคุยกันต่อเนื่องนาน 15 นาที โดยที่ใส่หรือไม่ใส่แมสก์ก็ตาม ทั้งนี้ แนะนำให้ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (นาย ข) กักตัว 14 วัน ไม่ใกล้ชิดกับใคร ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 หลังสัมผัสผู้ป่วยครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ตรวจก่อนถึงวันที่ 5 หลังจากสัมผัสผู้ป่วยครั้งแรก เพราะตรวจแล้วอาจพบผลลบลวงเนื่องจากเชื้อยังอยู่ในระยะฟักตัว จึงตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ยิ่งไปกว่านั้น หากพบผลลบลวงนี้อาจคิดได้ว่าตัวเองไม่มีเชื้อโควิด-19 และออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ทั้งที่ตัวเองมีเชื้ออยู่ จึงอาจเป็นการแพร่กระจายเชื้อโดยไม่รู้ตัวได้
วง 2: ผู้ที่มาสัมผัสใกล้ชิดคนที่อยู่ในวง 1 อีกที โดยไม่ได้สัมผัสกับคนที่มีเชื้อ (นาย ก) โดยตรง เรียกว่าเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ (นาย ค) โดยอาจจะแค่เดินผ่าน พูดคุยไม่ถึง 1 นาทีโดยมีการสวมหน้ากากแต่ไม่ได้สัมผัสกัน อยู่ห่างกัน 1-2 เมตร หรือเป็นเพื่อนร่วมงานกับคนในวง 1 เท่านั้น แนะนำให้ ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ (นาย ค) สวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือพื้นที่เสี่ยง และสังเกตอาการ 14 วัน แต่ไม่ต้องกักตัว
วง 3: ผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงจากผู้ป่วยรายนี้ อาจเป็นคนที่อยู่ในชุมชนเดียวกัน อยู่ในคอนโดเดียวกัน เบื้องต้นแนะนำให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันตัวเอง แต่ไม่ต้องกักตัว