Skip to content
Home » News » ฮิตเลอร์ นักการเมืองพรรคนาซี

ฮิตเลอร์ นักการเมืองพรรคนาซี

ฮิตเลอร์ นักการเมืองพรรคนาซี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (เยอรมัน: Adolf Hitler) เป็นนักการเมืองเยอรมันเชื้อชาติออสเตรีย หัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมันหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ พรรคนาซี ฮิตเลอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่าง ค.ศ. 1933–1945 และเป็นฟือเรอร์ของเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1934–1945 ฮิตเลอร์เป็นผู้นำสูงสุดของไรช์เยอรมัน ผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป และเป็นผู้เห็นชอบการฮอโลคอสต์

พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน(เยอรมัน: Nationalsozialistische Deutsche Arbeiterpartei, ย่อ: NSDAP) หรือที่นิยมเรียกย่อว่า พรรคนาซี เป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ซึ่งดำรงคงอยู่ในเยอรมนี ระหว่างปี ค.ศ. 1920 และ ค.ศ. 1945 ซึ่งได้สร้างและให้การสนับสนุนอุดมการณ์ชาติสังคมนิยม เดิมคือพรรคกรรมกรเยอรมัน ซึ่งดำรงคงอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 ถึง 1920 พรรคนาซีเกิดขึ้นมาจากชาวเยอรมันที่เป็นนักชาติสังคมนิยม ผู้เหยียดเชื้อชาติ และวัฒนธรรมจากกองกำลังกึ่งทหารไฟรคอร์ที่เป็นประชานิยม

ฮิตเลอร์ นักการเมืองพรรคนาซี
https://il.brainpop.com/category_9/subcategory_119/subjects_4828/

ฮิตเลอร์ นักการเมืองพรรคนาซี ซึ่งได้ต่อสู้กับการก่อการกำเริบของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในเยอรมนี ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พรรคนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อดึงพวกกรรมกรออกจากลัทธิคอมมิวนิสต์และเข้าสู่ลัทธิชาตินิยมแบบ völkischในช่วงแรก กลยุทธ์ทางการเมืองของนาซีได้มุ่งเป้าไปที่การต่อต้านธุรกิจขนาดใหญ่ ต่อต้านชนชั้นกลาง และวาทศิลป์ต่อต้านทุนนิยม แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกมองข้ามไปในภายหลังเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทางธุรกิจ และในปี ค.ศ. 1930 จุดสนใจหลักของพรรคได้เปลี่ยนไปเป็นการต่อต้านชาวยิว และต่อต้านลัทธิมาร์กซิสต์

ทฤษฏีการเหยียดเชื้อชาติของวิทยาศาสตร์เทียมเป็นศูนย์กลางของลัทธินาซี ซึ่งแสดงออกในแนวความคิดของ “ชุมชนของประชาชน” (โฟลค์ซเกไมน์ชัฟท์) พรรคได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมชาวเยอรมันที่”เป็นที่พึงปรารถนาทางเชื้อชาติ” เป็นสหายร่วมชาติ ในขณะที่มีการยกเว้นผู้ที่ถูกพิจารณาว่า เป็นผู้คัดค้านทางการเมือง ผู้บกพร่องทางร่างกายหรือสติปัญญา หรือเชื้อสายต่างชาติ (Fremdvölkische)นาซีได้พยายามที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวเจอร์แมนิก ซึ่งเป็น”ชาวอารยันที่เป็นชนชาติปกครอง” ผ่านทางความบริสุทธิ์ทางเชื้อชาติและสุพันธุศาสตร์ โครงการสวัสดิการทางสังคมในวงกว้าง และการอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยรวมของสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งสามารถเสียสละเพื่อประโยชน์ของรัฐในนามของประชาชน เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งของเชื้อสายอารยัน นาซีได้พยายามกำจัดชาวยิว ชาวโรมานี ชาวโปล และชาวสลาฟอื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับผู้พิการทางร่างกายและทางจิตใจ พวกเขาได้ระงับสิทธิและแบ่งแยกพวกรักร่วมเพศ ชาวแอฟริกัน พยานพระยะโฮวา และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองการประหัตประหารได้มาถึงจุดสูงสุด เมื่อรัฐเยอรมันที่ถูกควบคุมโดยพรรคได้กำหนดแนวทางมาตรการสุดท้าย – ระบบอุตสาหกรรมของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งสามารถสังหารชาวยิวได้ราว 6 ล้านคน และเหยื่อเป้าหมายอื่น ๆ อีกนับล้าน ซึ่งในสิ่งที่เรียกกันว่า ฮอโลคอสต์

https://www.matichon.co.th/columnists/news_1337223

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรค ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีโดยประธานาธิบดีเพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 ฮิตเลอร์ได้จัดตั้งระบอบเผด็จการขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถูกเรียกว่า ไรช์ที่สาม ภายหลังความปราชัยของไรช์ที่สามในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองในยุโรป พรรคนี้ได้ถูก”ประกาศว่าผิดกฎหมาย” โดยฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ได้ดำเนินการขจัดนาซีในช่วงปีหลังสงคราม ทั้งในเยอรมนีและดินแดนที่ถูกยึดครองโดยเยอรมนี การใช้สัญลักษณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรค ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งเยอรมนีและออสเตรีย

คำว่า “นาซี” เป็นคำที่ถูกกร่อนเสียงมาจากชื่อในภาษาเยอรมันของพรรค นาซีโอนาลโซซีอาลิสท์ (Nationalsozialist “ชาติสังคมนิยม”)  คำย่อนี้ถูกใช้ก่อนการเถลิงอำนาจของพรรค ซึ่งในภาษาพูดไปพ้องเสียงกับคำว่า “นาซี” ที่มีความหมายในเชิงเสื่อมเสียสำหรับชาวชนบทที่ล้าหลังหรือมีความหมายว่าเงอะงะและนั่นเองทำให้ฮิตเลอร์ไม่ชอบชื่อนาซีเอาซะเลยแต่ฝ่ายตรงข้ามกับฮิตเลอร์ก็ยังคงใช้คำว่านาซีเพื่อเป็นการก่อกวนอยู่เรื่อยๆ

ในปี ค.ศ. 1933 เมื่อฮิตเลอร์เถลิงอำนาจ การใช้คำว่า “นาซี” ได้เบาบางลงมากในเยอรมนี ประชาชนเยอรมันกล่าวถึงพรรคจะใช้คำเต็มว่า นาซีโอนาลโซซีอาลิสท์ แต่ฝ่ายต่อต้านในออสเตรียยังคงใช้คำว่านาซีนี้เป็นการดูถูก คำว่า “นาซีเยอรมนี” และ “ระบอบนาซี” กลายเป็นนิยมโดยฝ่ายต่อต้านนาซีและชาวเยอรมันที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ หลังจากนั้น คำนี้ได้แพร่กระจายไปยังภาษาอื่นๆและในที่สุดก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ในเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สิ้งสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายมหาอำนาจกลาง ประเทศเยอรมนีก็เต็มไปด้วยความแตกแยก ผู้คนต่างออกมาแย่งชิงอำนาจของประเทศ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็มีความคิดเห็นแบบเดียวกันนั่นก็คือที่ว่า เยอรมนียังไม่ได้พ่ายแพ้สงคราม ชาวเยอรมันส่วนมากมองสนธิสัญญาแวร์ซายเป็นสัญญาแห่งความหลอกลวงจากคนในประเทศเดียวกันเอง และ จากศัตรูอย่างฝรั่งเศส ในช่วงแรกของการพัฒนาอุดมการณ์ในแบบของพรรคนาซีนั้น ได้มีกลุ่มรหัสยศาสตร์ที่มีชื่อว่า ทูเล่อ (Thule-Gesellschaft) ที่สมาชิกหลัก ๆ เป็นทหารผ่านศึก และ กลุ่มชนชั้นสูงในเมืองมิวนิก อ้างความเป็นมาของชาวเยอรมันที่มีเลือดบริสุทธิ์ที่เรียกว่า ชาวอารยัน เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวเยอรมันในช่วงหลังสงครามที่ตกต่ำอย่างหนัก กลุ่มทูเล่อมีผู้ติดตามประมาณ 250 คนในเมืองมิวนิก และ อีกประมาณพันกว่าคนในส่วนอื่นของบาวาเรีย สมาชิกของกลุ่มจะมาพบปะกันในโรงเบียร์สาธารณะเพื่อแสดงจุดยืนทางความคิดของพวกเขา

เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุ ฮิตเลอร์สมัครเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เขาได้รับการตอบรับในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นผลมาจากความปล่อยปละละเลยทางธุรการ เพราะเขายังเป็นพลเมืองออสเตรีย เขาถูกจัดไปยังกรมทหารราบกองหนุนบาวาเรีย 16 (กองร้อยที่ 1 แห่งกรมลิสท์) เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นพลนำสารส่งแนวรบด้านตะวันตกในฝรั่งเศสและเบลเยียมใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งอยู่หลังแนวหน้า เขาเข้าร่วมในยุทธการอีเปอร์ครั้งที่หนึ่ง, ยุทธการที่แม่น้ำซอมยุทธการที่อารัส และยุทธการพัสเชนแดเลอ และได้รับบาดเจ็บที่แม่น้ำซอม

ฮิตเลอร์ได้รับเชิดชูเกียรติสำหรับความกล้าหาญ ได้รับกางเขนเหล็กชั้นที่สอง ใน ค.ศ. 1914และโดยการแนะนำของ ฮูโก้ กัทมันนท์ เขาได้รับกางเขนเหล็กชั้นที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1918 อิสริยาภรณ์ซึ่งน้อยครั้งนักจะมอบให้แก่ทหารชั้นผู้น้อยเช่นพลทหารอย่างเขา ตำแหน่งของฮิตเลอร์ที่กองบัญชาการกรม ทำให้เขามีปฏิสัมพันธ์บ่อยครั้งกับนายทหารอาวุโส อาจช่วยให้เขาได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ แม้พฤติการณ์ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลอาจเป็นความกล้าหาญ แต่ก็อาจไม่ใช่เรื่องพิเศษมากมายนักเขายังได้รับเครื่องหมายบาดเจ็บสีดำ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1918

ระหว่างรับราชการที่กองบัญชาการ ฮิตเลอร์ยังสร้างสรรค์งานศิลปะของตนต่อไป โดยวาดการ์ตูนและคำชี้แจงแก่หนังสือพิมพ์กองทัพ ระหว่างยุทธการแม่น้ำซอม ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1916 เขาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาหนีบ หรือต้นขาซ้ายเมื่อกระสุนปืนใหญ่ระเบิดในหลุมของพลนำสารระหว่างยุทธการแม่น้ำซอม ฮิตเลอร์ใช้เวลาเกือบสองเดือนในโรงพยาบาลกาชาดที่บีลิทซ์ เขากลับมายังกรมของเขาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1917 วันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1918 ฮิตเลอร์ตาบอดชั่วคราวจากการโจมตีด้วยแก๊สมัสตาร์ด และรับการรักษาในโรงพยาบาลในพาเซวัลค์ ขณะรักษาตัวอยู่ ฮิตเลอร์ทราบข่าวการพ่ายแพ้ของเยอรมนีและ จากบันทึกของเขา เมื่อทราบข่าว เขาก็ตาบอดอีกเป็นครั้งที่สอง

ฮิตเลอร์รู้สึกขมขื่นต่อการพังทลายของความพยายามทำสงคราม และการพัฒนาอุดมการณ์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างมั่นคง เขาอธิบายสงครามว่าเป็น “ประสบการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนืออื่นใด” และได้รับการยกย่องจากนายทหารผู้บังคับบัญชาสำหรับความกล้าหาญของเขาประสบการณ์นี้ส่งผลให้ฮิตเลอร์เป็นผู้รักชาติเยอรมันอย่างหลงใหล และรู้สึกช็อกเมื่อเยอรมนียอมจำนนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918เช่นเดียวกับพวกชาตินิยมเยอรมันอื่นทั้งหลาย เขาเชื่อในตำนานแทงข้างหลัง ซึ่งอ้างว่ากองทัพเยอรมัน “ไม่แพ้ในสมรภูมิ” ได้ถูก “แทงข้างหลัง” โดยผู้นำพลเรือนและพวกมากซิสต์จากแนวหลัง นักการเมืองเหล่านี้ภายหลังถูกขนานนามว่า “อาชญากรพฤศจิกายน”

สนธิสัญญาแวร์ซายกำหนดให้เยอรมนีต้องสละดินแดนหลายแห่งและให้ไรน์ลันท์ปลอดทหาร สนธิสัญญากำหนดการลงโทษทางเศรษฐกิจและเรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามจากประเทศ ชาวเยอรมันจำนวนมากเข้าใจว่าสนธิสัญญานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 231 ซึ่งประกาศให้เยอรมนีรับผิดชอบต่อสงคราม เป็นความอัปยศอดสู สภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในเยอรมนีได้รับผลกระทบจากสงครามและสนธิสัญญาแวร์ซายภายหลังถูกฮิตเลอร์ใช้แสวงประโยชน์ทางการเมือง

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99