Skip to content
Home » News » เคิร์ต ติดยาเสพติด อย่างหนัก จนเสียชีวิตในที่สุด

เคิร์ต ติดยาเสพติด อย่างหนัก จนเสียชีวิตในที่สุด

เคิร์ต ติดยาเสพติด
https://thehistorynow.com/kurt-cobain-nirvana/

เคิร์ต ติดยาเสพติด ด้วยความที่เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวแตกแยก ชีวิตของเขาก็มีปัญหามาตลอด เริ่มจากหัดสูบกัญชาเมื่ออายุ 13 ปี ทั้งดื่มเหล้า เมื่อโตขึ้นและมีชื่อเสียง เขาก็ใช้ยาเสพติดหนักอย่างเฮโรอีน LSD รวมถึงยาแก้ปวดออกฤทธิ์รุนแรง ยาระงับประสาทอื่น ๆ โคเบนยังมีอาการปวดท้องเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่พบ มีบางช่วงที่เขาติดเฮโรอีนหนักมาก

จนต้องใช้เงินซื้อเฮโรอีนประมาณวันละ 100 ดอลล่าห์มาเสพ และภายหลัง จำนวนเงินก็เพิ่มเป็น 400 ดอลล่าห์ต่อวัน ตามมาตรฐานฮอลลีวูดแล้ว โคเบนยังใช้เงินไม่เยอะในการซื้อหายาเสพติด แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนเรียกเขาว่า “Kurt Cocaine” แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นร็อคสตาร์และมีชื่อเสียง

ตัวเขาเองนั้นกลับไม่ชอบที่จะโด่งดัง เขาไม่ชอบผู้คน เขาเสพยามากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางครั้งขึ้นแสดงไม่ไหว จนสุดท้ายต้องเข้าไปรับการบำบัด นอกจากเขาเคยพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง ครอบครัวของเขา มีประวัติการฆ่าตัวตาย เป็นโรคจิตเวช ติดเหล้า รวมถึงลุงของโคเบน 2 คนก็กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยปืนอีกด้วย

“เธอน่าสนใจ เป็นนักดนตรี และเธอใช้ยา ไม่แปลกที่เคิร์ทจะชอบเธอ” คือคำที่คริสต์ โนโวเซลิก (Krist Novoselic) มือเบสประจำวง Nirvana พูดถึง คอร์ทนีย์ เลิฟ (Courtney Love) หวานใจคนสุดท้ายที่กลายเป็นภรรยาคนแรกและคนเดียวของเคิร์ท พวกเขาพบกันในช่วงที่ชีวิตของเคิร์ทกำลังรุ่ง ตกหลุมรักกันหัวปักหัวปำ และเล่นยาด้วยกันข้ามวันข้ามคืน เคิร์ต ติดยาเสพติด อย่างหนัก

เคิร์ทแต่งงานกับคอร์ทนีย์ และให้กำเนิด ‘ฟรานเซส บีน โคเบน’ (Frances Bean Cobain) ลูกสาวคนเดียวของทั้งคู่ ความน่ารักของเด็กน้อยเติมเต็มให้เคิร์ทได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายจากมันมาตั้งแต่ขวบปีที่เก้า

หากความสุขก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน เคิร์ทมีอาการปวดท้องตั้งแต่เริ่มร้องเพลง (และเขาร้องเพลงทุกวันนับจากนั้น) อาการปวดท้องที่รุนแรงขึ้นทุกวันทำให้เคิร์ทต้องเพิ่มปริมาณเฮโรอีนที่เขาใช้ต่างยาแก้ปวดในทุกวันเช่นกัน ขณะที่คอร์ทนีย์เลิกใช้ยาตั้งแต่เดือนแรก ๆ ที่รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง อาการติดยาของเคิร์ทกลับยิ่งหนักข้อ

แม้เคิร์ทจะขีดเขียนในสมุดบันทึกของเขารอบแล้วรอบเล่าว่าเขาอยากเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแค่ไหน และเขารัก ‘ฟรานเซส’ ลูกสาวของเขามากเพียงใด หากเขาก็ยังหักดิบจากมันไม่ได้ ตรงกันข้าม ความทุกข์ที่กัดกินใจเขาอยู่กลับทำให้ เคิร์ต ติดยาเสพติด อย่างหนักขึ้นทุกขณะ

“ตอนที่ฉันเข้าไปหาเขาในห้อง เขากำลังร้องไห้ เขาร้องไห้เพราะรู้ว่าฉันจะต้องเสียใจ ฉันถามเขาว่าตอนนี้เขาถึงขั้นติดเฮโรอีนงอมแงมหรือยัง และเขาก็ร้องไห้อีก เขารู้สึกละอาย”

แม้เคิร์ทจะรักคอร์ทนีย์และฟรานเซสมากแค่ไหน หากเขาก็คงได้รู้ในช่วงท้ายของชีวิตนั่นเองว่าครอบครัวสุขสันต์ที่เขาเฝ้าฝันนั้นไม่มีอยู่จริง ว่ากันว่าเพลง ‘Where Did You Sleep Last Night’ ที่เคิร์ทร้องเป็นเพลงปิดท้ายในรายการ ‘MTV Unplugged’ นั้นคือสารที่เขาต้องการส่งไปให้ถึงคอร์ทนีย์ผู้เป็นภรรยา ที่ออกมายอมรับภายหลังว่า ในเวลานั้นเธอคิดนอกใจเคิร์ทจริง ๆ

“ฉันเคยคิดนอกใจเขา ฉันแค่คิดแต่ไม่ทันได้ลงมือทำอะไร แต่เหมือนเขามีเซนส์บางอย่างเพราะเขารู้ สิ่งที่เขาทำคือกินยาเข้าไป 67 เม็ด เขาจะฆ่าตัวตายเพราะฉันคิดนอกใจ”

เคิร์ต ติดยาเสพติด
https://www.facebook.com/NirvanaFanclubThailand/photos/เรื่องของการเสพยาของเคิร์ตนั้น-ถ้าตามที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการใช้ยาเสพ/895763887148276/

ต้นปี ค.ศ. 1994 สุขภาพจิตของเขาย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาพยายามฆ่าตัวตายในอิตาลี จนภรรยาและผู้จัดการส่วนตัวต้องพาตัวเขาไปเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดเอ็กโซดัส ในลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่เขาก็หนีออกมาได้ในวันที่ 1 เมษายน แล้วกลับไปซีแอ็ทเทิ่ล มารดาของเคิร์ท แจ้งความว่าเคิร์ทหายไปในวันที่ 4 เมษายน ในวันที่ 5 เคิร์ทก็ยิงศีรษะตนเองที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล แต่ยังไม่มีใครพบศพ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน เมื่อช่างไฟที่ไปติดตั้งระบบสัญญาณเตือน ที่บ้านของเคิร์ท ไปสะดุดร่างของเขาเข้า

หลังจากคอนเสิร์ตของเอ็มทีวีครั้งนี้ ออกอากาศในเดือนธันวาคม ยอดขาย In Utero ก็สูงขึ้น หลังจบการทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกา เมื่อวันที่ 8 มกราคม 1994 ที่เซ็นเตอร์ อารีน่าในซีแอ็ทเทิ่ล เนอร์วานา ก็เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปในเดือน กุมภาพันธ์ หลังจากแสดงคอนเสิร์ตในมิวนิกวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เคิร์ทก็อยู่ที่กรุงโรมกับคอร์ทนีย์ต่อ

เพื่อพักผ่อน วันที่ 4 มีนาคม เมื่อคอร์ทนีย์ตื่นมาก็พบว่า เคิร์ทพยายามฆ่าตัวตาย โดยทานยาโรฟีนอล ซึ่งเป็นยานอนหลับพร้อมกับแชมเปญ แม้ข่าวจะออกมาว่า เคิร์ทไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่สมาชิกวง เนอร์วานา ทราบดีว่า เคิร์ททิ้งจดหมายลาตายไว้

หลังอยู่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์ เคิร์ทก็กลับซีแอ็ทเทิ่ล สุขภาพจิตของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ในวันที่ 18 มีนาคม ตำรวจต้องกล่อมให้เคิร์ท เลิกคิดฆ่าตัวตายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาขังตัวเองไว้ในห้อง และขู่จะฆ่าตัวตาย คอร์ทนีย์ กับผู้จัดการวง เนอร์วานา จัดการให้เคิร์ท เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดเอ็กโซดัส ในลอสแอนเจลิส

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่เคิร์ทก็หนีออกมาได้ในวันที่ 1 เมษายน แล้วกลับไปซีแอ็ทเทิ่ล มารดาของเคิร์ท แจ้งความว่าเคิร์ทหายไปในวันที่ 4 เมษายน ในวันที่ 5 เคิร์ทก็ยิงศีรษะตนเองที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล แต่ยังไม่มีใครพบศพ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน เมื่อช่างไฟที่ไปติดตั้งระบบสัญญาณเตือน ที่บ้านของเคิร์ท ไปสะดุดร่าง ของเขาเข้า

หลังเสียชีวิต เคิร์ท โคเบน กลายเป็นเสมือนกระบอกเสียง ของคนรุ่นเจนเนอเรชั่น เอกซ์ ทันที ทั้งยังกลายเป็น สัญลักษณ์ของความทรมาน และความกดดัน ของคนรุ่นนี้

แฟนเพลงหลายคนเชื่อว่าโคเบนไม่ได้ฆ๋าตัวตาย แต่ถูกฆาตกรรม บ้างก็ว่าภรรยาเขาเป็นคนบงการ สามารถหาอ่านทฤษฎีที่คนเชื่อว่าทำไมเขาไม่ได้ฆ่าตัวตายได้ที่ Cobain Case Justice for Kurt

ไม่ว่าเขาจะจากไปอย่างไร เขาก็ยังเป็นที่รักของแฟนเพลงทั่วโลก เขาถูกรักในแบบที่เขาเป็น แม้ไม่ได้ใช้ชีวิตจนถึงวัยกลางคน (มันยากนะที่จะจินตนาการถึงเขาในวัย 47 ปี เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าไม่อยากอยู่จนแก่แบบลุง Pete Townshend แห่ง The Who) แต่เขาใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า ดนตรีและตำนานของเขายังอยู่ประดับวงการดนตรีตลอดไป

ปัจจุบันวง Nirvana ถูกพูดถึงในฐานะสัญลักษณ์อัลเทอร์เนทีฟร็อกสำคัญในยุค 90 และการจากไปของเคิร์ต โคเบนย้ำเตือนปัญหายาเสพติดในกลุ่มเยาวชนที่สามารถพลากอนาคตและทุก ๆ อย่างไปจากชีวิตควบคู่กับแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่กล้าสร้างสรรค์เพลงที่แตกต่างและมีคุณภาพ เพลงของ Nirvana ยังคงอยู่บนโลกออนไลน์ Youtube มียอดผู้ฟังเพลง Smells Like Teen Spirit แล้วเกือบ 1.000 ล้านครั้ง