Skip to content
Home » News » เช เกวาร่า เสียชีวิต

เช เกวาร่า เสียชีวิต

เช เกวาร่า เสียชีวิต เช็คอินสุดท้ายของชีวิตเช คือที่ “ประเทศโบลิเวีย” โชคไม่เข้าข้าง เขาถูกทหารฝ่ายรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกา

วันนี้ในอดีต 9 ตุลาคม 2510 เช เกวารา หรือชื่อจริง Ernesto Rafael Guevara de la Serna นักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่แห่งละตินอเมริกาถูกสังหารเสียชีวิต

เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2471 (ข้อมูลบางแห่งบอกว่าวันที่ 14 พฤษภาคม 2471 เพราะมารดาต้องการปกปิดว่าเธอตั้งครรภ์ก่อนแต่ง) เชเป็นลูกครึ่งไอริช-สเปน เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางแห่งเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา เรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบูเอโนสไอเรส (University of Buenos Aires)ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตอนเรียนอยู่ปีสุดท้าย เมื่อเขากับเพื่อน “อัลเบอร์โต กรานาโด” ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปทั่วแถบละตินอเมริกา ทำให้เขาได้พบเห็นความยากลำบากของผู้คนในชนบท ความยากจน การกดขี่ข่มเหงที่สุดแสนเลวร้าย

 เชตระหนักว่า ทั้งหมดนี้มาจากความแตกต่างทางชนชั้น และรัฐบาลเผด็จการ จนนำมาสู่การเปลี่ยนแผนชีวิตจากคนที่น่าจะได้เป็นนายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล ไปสู่ “นักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่” ในเวลาต่อมา เขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับขบวนการปฏิวัติในประเทศต่างๆ จนได้พบกับ ฟิเดล คาสโตร ที่เม็กซิโกในปี 2498 และร่วมกันก่อตั้งกลุ่ม “26th of July Movement” ปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลเผด็จการของประเทศคิวบาได้สำเร็จในปี 2502

 ที่สุด คาสโตรขึ้นเป็นประธานาธิบดี เชก็ได้เป็นรัฐมนตรีดูแลนโยบายด้านการเงินการคลัง โดยใช้นโยบายสังคมนิยม-มาร์กซิสม์ เพื่อแก้ไขในสิ่งที่เขาตัง้ใจ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ จนคิวบาเริ่มฟื้นจากวิกฤติ ในปี 2508 จากนั้นเชก็ยังคงเดินหน้าทำในอุดมการณ์ต่อไป โดยไปร่วมปฏิวัติในประเทศต่าง ๆ เช่น คองโก เวเนซูเอลา เปรู เวียดนาม กัวเตมาลา

เช็คอินสุดท้ายของชีวิตเช คือที่ “ประเทศโบลิเวีย” โชคไม่เข้าข้าง เขาถูกทหารฝ่ายรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกา จับกุมตัวได้และสังหารด้วยอาวุธปืนยิงเสียชีวิต เป็นอันจบฉากคนที่ชาวละตินอเมริการักและเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด

อย่างไรก็ดีเรื่องราวของเช ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกในเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคมาจนทุกวันนี้ ซึ่งนั่นแปลว่า “เช” ไม่เคยตายไปจากใจของเหล่านกน้อย ที่จะขยับปีกแห่งเสรีภาพต่อไปชั่วกาลนาน

เช เกวาร่า เสียชีวิต
https://board.postjung.com/1146646

เช กูวารา มีชื่อจริงว่า เออร์เนสโต กูวารา เกิดจากครอบครัวชนชั้นกลางของอาร์เยนตินา เป็นพี่ชายคนโตที่มีน้อง ๔ คน บิดาเป็นนักธุรกิจ ต้องผจญกับโรคหืดมาตั้งแต่อายุ ๒ ขวบ และเป็นปัญหามาตลอดชีวิต เขาเข้าเรียนแพทย์ก็เพื่อจะรักษาโรคนี้ให้หายขาด พยายามเล่นกีฬาหลายอย่างเพื่อเอาชนะโรคหืด แต่ไม่สำเร็จ

ใน พ.ศ.๒๔๙๔ หลังจบเป็นแพทย์เพียง ๕ วัน เชก็ตัดสินใจเดินทางระยะยาวร่วมกับเพื่อนที่ชื่อ อัลเบอร์โต กรานาดา ทัวร์ทั่วอเมริกาใต้ด้วยมอเตอร์ไซด์นอร์ตัน ๕๐๐ ซึ่งเป็นจุดหักเหครั้งสำคัญยิ่งในชีวิต หลังจากเขาเสียชีวิตแล้ว บันทึกการเดินทางของเขาครั้งนี้ ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ “Motercycle Diaries เมื่อปี ๒๕๔๘

จากการเดินทางผ่านโบลิเวีย ชิลี เวเนซูเอลา ทำให้เออร์เนสโตได้เห็นความทุกข์ยากของชนชั้นล่างที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบจากนักการเมืองและนักธุรกิจ การได้พูดคุยสัมผัสกับชีวิตของคนเหล่านี้ ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะอุทิศชีวิตเพื่อประชาชนผู้ยากไร้ซึ่งถูกเอารัดเอาเปรียบ

เออร์เนสโตหันมาสนใจการเมืองในอเมริกาใต้อย่างจริงจัง และแนวคิดที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อเขา ก็คือมาร์กซิสต์ ซึ่งเคยสนใจมาก่อนด้วยเป็นคนชอบอ่าน รวมทั้งสนใจปรัชญาการเมือง การปกครอง มาตั้งแต่สมัยนักเรียน เขาพยายามหาทางที่จะปลดปล่อยสภาพอันขมขื่นให้ชาวอเมริกาใต้ และเริ่มคิดได้ว่า การเป็นแพทย์อย่างเดียวคงไม่สามารถทำเรื่องนี้สำเร็จได้ เออร์เนสโตจึงเดินทางไปกัวเตมาลา ขอเข้าร่วมกับคณะรัฐประหารที่กำลังวางแผนโค่นอำนาจประธานาธิบดีจาโคโบ กู๊ดแมน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และที่นี่เองเขาได้พบรักกับ Hilda Gadea Acosta หญิงงชาวเปรูที่ลี้ภัยการเมืองมา

จากประสบการณ์เป็นแพทย์ในกองกำลังคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจไม่สำเร็จ เออร์เนสโตเดินทางต่อไปยังเม็กซิโก และแต่งงานกับ Hilda ที่นั่นในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ ได้ลูกสาวคนแรกชื่อ Hildita

เม็กซิโกคือสถานที่ซึ่งพลิกชีวิตเออร์เนสโตอีกครั้ง เมื่อในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๔๙๘ เขาได้พบกับ ฟิเดล คาสโตร นักปฏิวัติหนุ่มชาวคิวบา ซึ่งลี้ภัยการเมืองมาหลังจากพ้นโทษกบฏโค่นอำนาจประธานาธิบดีบาติสตา เผด็จการผู้กดขี่ชาวคิวบาอย่างแสนสาหัส

คาสโตรวบรวมพลพรรคและแอบฝึกอาวุธกับพรรคพวกที่ลี้ภัยมาด้วยกัน เพื่อเตรียมกลับไปทำปฏิวัติอีก โดยจะเน้นยุทธวิธีแบบกองโจรเป็นหลัก เออร์เนสโตจึงสมัครใจเข้าร่วมกับฟิเดล คาสโตรด้วย ทำหน้าที่เป็นหน่วยแพทย์ ใช้ชื่อว่า “เช” ภาษาอาร์เยนตินา ซึ่งเป็นคำทักทายเพื่อสนิทเหมือนคำว่า “เฮย์” ในภาษาอังกฤษ

ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ นักปฏิวัติทั้งหมด ๘๒ คนออกเดินทางด้วยเรือยนต์ขนาดเล็กจากชายฝั่งเม็กซิโกไปคิวบา แต่เมื่อรอนแรมในทะเลไป ๗ วันช่วงเดือนมืด ขึ้นฝั่งคิวบาผิดเป้าหมาย จึงถูกโจมตีจากกองทัพรัฐบาลจนแตกพ่าย เหลือสมาชิกอยู่เพียง ๑๒ คน เชจึงเปลี่ยนหน้าที่มาจับอาวุธเป็นนักรบด้วย

หลังจากต่อสู้แบบกองโจรมา ๒ ปี ในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๒ กองกำลังของฟิเดล คาสโตรก็ยึดอำนาจเผด็จการบาติสตาได้เบ็ดเสร็จที่เมืองซานตาครูซ บาติสตาเผ่นหนีออกนอกประเทศไป
ก่อนการยึดอำนาจได้ คาสโตรได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนายทุนอเมริกันที่หวังจะเข้าไปกอบโกยในคิวบา ขณะเดียวกันก็รับการสนับสนุนจากโซเวียตด้วย แต่เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว คาสโตรกลับเลือกเป็นมิตรกับโซเวียตอย่างเต็มตัว

เพื่อเป็นการขอบคุณเชที่มาร่วมงานปฏิวัติด้วยชีวิตและจิตใจ คาสโตรได้มอบสัญชาติคิวบาให้เช และมอบตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลให้ เพื่อให้ร่วมปฏิรูปประเทศ

เชยังคิดว่างานใหม่ในหน้าที่นักบริหารของเขา ก็ยังเป็นงานของนักปฏิวัติเช่นเดิม เขาได้ผลักดันให้มีการปฏิรูปที่ดินในคิวบาเป็นอันดับแรก เนื่องจากได้เห็นความขมขื่นของชาวไร่ชาวนาในการทัวร์มอเตอร์ไซด์ในอเมริกาใต้มาแล้ว โดยยึดที่ดินของนักธุรกิจทั้งหลายมาเป็นสมบัติสาธารณะ และนำออกแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วหน้า

ในด้านการคลังที่เชได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการธนาคารแห่งชาติ เชได้วางนโยบายเศรษฐกิจการเมืองและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยยึดแนวคุณธรรมจริยธรรมเป็นพื้นฐาน เรียกร้องให้เลิกพึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา หันไปขอความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต รณรงค์ให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย

สหรัฐเห็นว่าคิวบาหันเข้าหาโซเวียตเต็มตัว ทั้งยังหักหลังนักธุรกิจอเมริกันที่เคยให้ความช่วยเหลือ จึงเริ่มเข้าแทรกแซงการเมืองคิวบา สนับสนุนให้บาติสตาตั้งกองกำลังเข้าชิงอำนาจคืน แต่ก็ไม่สำเร็จ กลุ่มอำนาจเก่าถูกตีแตกพ่าย

วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๙๙ เชได้หย่ากับ Hilda ซึ่งอยู่ในเม็กซิโก และแต่งงานใหม่ในวันที่ ๒ มิถุนายนต่อมากับ Aleida March พนักงานส่งเอกสารของคณะปฏิวัติ ซึ่งพบกันตั้งแต่ตอนสู้รบ

ในปี ๒๕๐๓ เชได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และเปิดเจรจาอย่างจริงจังขอความช่วยเหลือจากโซเวียต ซึ่งทำให้สหรัฐไม่พอใจ และกดดันคิวบาอย่างหนัก

ในปีนั้น เรือสินค้าสัญชาติฝรั่งเศสถูกระเบิดที่ท่าเรือฮาวานา มีคนตาย ๗๕ คน บาดเจ็บราว ๒๐๐ คน คิวบาสืบทราบว่าเป็นฝีมือของ ซีไอเอ. ทำให้เชโกรธแค้นมาก ในพิธีไว้อาลัยในเหตุการณ์นี้ อัลเบอร์โต คอร์ดา ช่างภาพคนหนึ่ง จับภาพเชในฐานะรัฐมนตรีคมนาคมไว้ แววตาที่เศร้าหมองปนความแค้น ทำให้ภาพนี้เป็นภาพที่โด่งดังที่สุดของเช และเป็นสัญลักษณ์ของนักปฏิวัติที่แน่วแน่

ในปี ๒๕๐๗-๒๕๐๘ เชเดินทางไปหลายประเทศจนถึงแถบเอเชีย เปิดเจรจากับจีนและสิงคโปร์ เข้าร่วมประชุมกับองค์การสหประชาชาติ ประกาศไม่สนใจที่จะพึ่งพาอาศัยสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป ซึ่งเป็นคำกล่าวที่โด่งดังก้องโลกของเขา

ในเดือนตุลาคม ๒๕๐๘ นั้น ประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตรก็ได้รับจดหมายจากสหายปฏิวัติเช ขอคืนตำแหน่งการเมืองทั้งหมด รวมทั้งสัญชาติคิวบา เพื่อจะได้กลับไปต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยมต่อไป

“ผมไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ภรรยาและลูกๆของผม แต่ผมไม่รู้สึกเสียใจเลย กลับรู้สึกมีความสุขเสียอีกที่มันเป็นไปอย่างนี้” เป็นตอนหนึ่งในจดหมายของเชถึงฟิเดล คาสโตร

แม้เชจะเป็นคนสำคัญของคิวบา มีคนรู้จักทั่วโลก แต่ด้วยวิญญาณของนักปฏิวัติที่ไม่เคยมอดดับ ที่จะช่วยประชาชนชาวอเมริกาใต้ให้หลุดพ้นแอกที่ต้องแบกไว้ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและสัญชาติ เชก็ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้

กล่าวกันว่า เชผิดหวังกับการช่วยเหลืออย่างเสียไม่ได้ของรัสเซียสมัยนิกิต้า ครุสชอฟ จนไม่สามารถพัฒนาคิวบาได้ จึงกลับไปหาความจริงในป่า เพื่อช่วยประชาชนผู้ยากไร้ที่ตกอยู่ใต้ลัทธิจักรวรรดินิยม

เช เกวาร่า เสียชีวิต

เช เกวาร่า เสียชีวิต ในวันที่ 9 ตุลาคม 1967 หน่วยรบของเขาเกือบถูกกำจัดจนสิ้นซากโดยหน่วยรบพิเศษของโบลิเวีย ด้วยความช่วยเหลือจากซีไอเอ ตัวเขาเองถูกจับในขณะได้รับบาดเจ็บ ก่อนถูกยิงเสียชีวิตและฝังร่างอย่างลับๆ หลังถูกตัดมือออกเพื่อเป็นเครื่องยืนยันอัตลักษณ์

ทันทีที่เกวาราเสียชีวิต เขาได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญในฐานะนักปฏิวัติผู้ได้รับความชื่นชมยกย่องอย่างกว้างขวางจากกลุ่มวัยรุ่นฝ่ายซ้ายในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือในยุค 60 ซึ่งเกิดกระแสปฏิวัติไปทั่ว

ภาพถ่ายโดยช่างภาพชาวคิวบา อัลแบร์โต กอร์ดา (Alberto Korda) แสดงใบหน้าและดวงตาที่แน่วแน่ของเกวารา พร้อมผมยาวรุงรัง สวมหมวกเบเรต์ติดดาวแดง กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนักปฏิวัติชาวอาร์เจนตินาที่ถูกทำซ้ำบ่อยครั้ง และพบเห็นได้ประจำในการชุมนุมประท้วง

เชกับเพื่อนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมสงครามปฏิวัติที่คองโก อาฟริกา ในปี ๒๕๐๘ แต่ล้มเหลว ในปี ๒๕๐๙ เขาเดินทางไปโบลิเวีย เพื่อร่วมกับกลุ่มกบฏที่กำลังทำสงครามโค่นล้มรัฐบาล

กลุ่มนักรบของเชนำยุทธวิธีกองโจรที่ประสบความสำเร็จในคิวบา มาใช้ในโบลิเวียอีก แต่แตกต่างกันด้วยภูมิประเทศและแนวคิดพื้นฐานของประชาชน ทำให้วิธีการเก่าไม่ได้ผล กองกำลังของเชถูกตีแตกกระจาย หัวหน้ากลุ่มถูกฆ่าตายในเดือนสิงหาคม ๒๕๑๐ ส่วนเชและพวกที่เหลือเพียง ๑๔ คนโดนยิงบาดเจ็บ เขาถูกกองทหารรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากซีไอเอจับได้ และโดยไม่มีการขึ้นศาล รุ่งขึ้นในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๐ เชก็ถูกนำไปประหารในเวลา ๑๓.๑๐ น.

ก่อนที่เพชฌฆาตจะลั่นกระสุน เชก็พูดเป็นประโยคสุดท้ายว่า

“ยิงฉันเลย.. ฉันมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง”

https://www.tnews.co.th/foreign/

ศพของเชถูกทำลายหลักฐานเพื่อไม่ให้รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร มือทั้ง ๒ ข้างถูกตัดหายไปไม่เหลือลายเส้นนิ้วมือให้พิสูจน์ และถูกนำไปฝังที่ลึกลับ แต่ในปี ๒๕๔๐ โครงกระดูกของเชก็ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ของโบลิเวีย ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นโครงกระดูกของเขาจริงๆ และส่งไปเมืองเวราครูซที่คิวบา เมืองที่ เช กูวารา เป็นวีรบุรุษ เพื่อฝังไว้ในสุสานอันทรงเกียรติ
และที่เมืองนี้เอง รวมทั้งอีกหลายเมือง ชาวคิวบาได้สร้างอนุสาวรีย์ให้ เออร์เนสโต เช กุวารา ในรูปที่คุ้นเคยกันทั่วไป คือมือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถูกเข้าเฝือก เป็นที่ระลึกถึงวีรบุรุษนักปฏิวัติ ผู้ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชนที่ถูกกดขี่ข่มเหง นอกจากนี้ยังสร้างพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวของเขาให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

กล่าวกันว่า สิ่งที่เชทำ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ไม่สำคัญ จิตใจกับความมุ่งมั่นและการลงมือทำอย่างจริงจังของเขาต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะมันเป็นการกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ดีงาม อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเขาก็สมควรแล้วที่ได้รับยกย่องว่าเป็น “ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในศตวรรษ”

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000097268