Skip to content
Home » News » เปิดประเทศใน 120 วัน คงต้องต่อเวลา

เปิดประเทศใน 120 วัน คงต้องต่อเวลา

เปิดประเทศใน 120 วัน คงต้องต่อเวลา เมื่อวัคซีนไม่มาตามนัด เศรษฐกิจแย่

หากยังจำกันได้? หนึ่งใน “พันธสัญญา” ด้วยวาจาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการ ศบค. ให้ไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 นั่นคือ เป้าหมาย “เปิดประเทศภายใน 120 วัน” …มาถึงวันนี้ผ่านมา 1 เดือน ส่อแววว่าอาจคงต้อง ขอต่อเวลา!

ณ วันนั้น (16 มิ.ย. 64) ที่ประเทศไทยมียอดติดเชื้อรายใหม่ 2,331 ราย และเสียชีวิต 40 ราย ทาง “รัฐบาล” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นำทัพ ให้พันธสัญญาทางวาจากับเป้าหมาย “120 วัน เปิดประเทศ” อะไรไว้บ้าง? เพื่อไม่ให้ “คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์” ลืมเลือน จึงขอทบทวนคร่าวๆ คือ

  • ฉีดวัคซีนให้ประชาชนเฉลี่ย 10 ล้านโดสต่อเดือน หากวัคซีนเพียงพอ และ
  • ประมาณต้นเดือนตุลาคม 2564 ประชาชนจะได้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 50 ล้านคน

เปิดประเทศใน 120 วัน คงต้องต่อเวลา แต่พอมาถึง… ณ วันนี้ (18 ก.ค. 64) เหลือเวลาไม่ถึง 100 วันแล้ว สำหรับเป้าหมาย “120 วัน เปิดประเทศ” พร้อมอ้าแขนรับผู้เยี่ยมเยือนจากต่างแดน กลับกลายเป็นว่า สถานการณ์ในประเทศไทยขมุกขมัวไปด้วยมรสุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่แสนเลวร้ายและรุนแรงกว่าห้วงเวลา 1 เดือนที่แล้วหลายเท่า

ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ยอดติดเชื้อรายใหม่ 11,397 ราย เสียชีวิต 101 ราย เฉลี่ยรอบ 7 วันที่ผ่านมา มียอดติดเชื้อสูงถึง 9,308 ราย และเสียชีวิตเฉลี่ย 88 ราย ทำ “นิวไฮ” อย่างต่อเนื่องจนน่าหวาดหวั่น เมื่อพิจารณาช่วง 2 สัปดาห์จากข้อมูลของ Our World in Data ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ก็พบว่า แม้ประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวันน้อยกว่า “สหรัฐอเมริกา” แต่กลับมีอัตราการติดเชื้อต่อประชากร 1,000,000 คนนั้น “สูงกว่า”

เปิดประเทศใน 120 วัน คงต้องต่อเวลา
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2143802

สวนทางกับมหกรรมระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ๆ ก็เชื่องช้าลง ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะคนไทยไม่ยอมออกไป “ถกแขนเสื้อ” แต่เป็นเพราะสถานะการเดินทางของ “วัคซีน” ตอนนี้กลับไม่ยอมมาตามนัด!

แค่ 2 ข้อพันธสัญญาจากวาจาของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ไว้ข้างต้นนั้น เมื่อเทียบเคียง “สถานการณ์จริง” ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ก็พอประเมินเบื้องต้นได้แล้วว่า “120 วัน เปิดประเทศ” คงต้องต่อเวลาเป็นแน่แล้ว…

ณ วันนั้น (16 มิ.ย. 64) พล.อ.ประยุทธ์ แถลงไว้ว่า รัฐบาลเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน 6 รายแล้ว นั่นก็คือ ไฟเซอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดอร์นา, แอสตราเซเนกา, ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม โดยลงนามทำสัญญาจองและสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส

สอดคล้องกับแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ให้ข้อมูลผ่านเวทีขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2564 ไว้ว่า วัคซีนซิโนแวค 10-15 ล้านโดส จะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ทีละ 2-3 ล้านโดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปริมาณไม่ได้ตามที่ “รัฐบาล” ต้องการ แต่เป็นปริมาณที่ “ผู้ผลิต” จัดหาให้ได้มากที่สุดภายในปี 2564 แบ่งเป็น ไตรมาส 3 ไฟเซอร์ประมาณ 20 ล้านโดส และไตรมาส 3-4 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประมาณ 5 ล้านโดส

https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2143802

ขณะที่ วัคซีนแอสตราเซเนกา จนถึงห้วงเวลานั้น (4 มิ.ย. 64) รัฐบาลได้รับมาแล้ว 2.15 ล้านโดส

ที่บอกว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน 10 ล้านโดสต่อเดือน หาก “วัคซีนเพียงพอ” ปรากฏว่า ผ่านมาครึ่งทางของเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ (1-17 ก.ค.) ฉีดวัคซีนโควิด-19 รวม 3.99 ล้านโดสเท่านั้น เฉลี่ยฉีดเพียงวันละ 2.5 แสนโดส นั่นเท่ากับว่า “ตัวเลข” ที่เกิดขึ้นนี้เสมือนการยอมรับกลายๆ หรือไม่ว่า ณ วันนี้ (18 ก.ค.) ประเทศไทยมีวัคซีนโควิด-19 “ไม่เพียงพอ”

เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว พันธสัญญาด้วยวาจา “ข้อ 2” ของ “รัฐบาล” ที่บอกว่า ประมาณต้นเดือนตุลาคม 2564 ประชาชนจะฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 แล้ว 50 ล้านคน คงเป็นไปได้ยาก…