เรือล่มภูเก็ต สื่อจีนไม่พอใจ คำพูด ประวิตร ที่ว่า “เขาทำของเขาเอง” “คนจีนเป็นเป็นคนนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เขาทำของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เราจะให้ไปเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร”
เป็นคำพูดของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เมื่อถูกนักข่าวถามว่ารัฐบาลไทย จะเรียกความเชื่อมั่นจากชาวจีนให้คืนมาได้อย่างไร ภายหลัง นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจากเหตุเรือล่มใกล้กับเกาะภูเก็ตเมื่อ 5 ก.ค. 41 ราย
นอกจากนี้พล.อ. ประวิตร ยังได้ตั้งข้อสงสัยด้วยว่าเหตุเกิดเพราะ “บริษัทจีนเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยใช้นอมินีของไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินคดีอยู่ โดยเรื่องนี้จะต้องดำเนินการแก้ไขและไทยก็มีกฎหมายของไทยอยู่
คำพูดดังกล่าวถูกนำไปรายงานตามสื่อต่าง ๆ ของจีนและก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ชาวจีน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

เรือล่มภูเก็ต สื่อจีนไม่พอใจ โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของทางการจีนภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เขียนไว้ในบทบรรณาธิการภาษาจีนวิจารณ์ว่า ถ้อยคำของ พล.อ. ประวิตร นั้น “คิดน้อยเกินไป” และ “ไม่เหมาะสม”
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้ชี้ด้วยว่า “นี่เป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาก ไม่ว่าผู้บริหารของบริษัทนำเที่ยวนั้นจะมาจากประเทศใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลไทยจะเลี่ยงจากความรับผิดชอบนี้ได้”
และ”เนื่องจากมีชาวจีนหลายคนเสียชีวิต ทำให้ชุมชนจีนเกิดความไม่พอใจอย่างมาก และหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจีน เราก็คงจะรับผิดชอบกับการแสดงความเห็นสาธารณะใด ๆ ออกมา”
นอกจากนี้โกลบอล ไทมส์ ฉบับภาษาอังกฤษ ได้รายงานโดยอ้างบริษัทท่องเที่ยวรายหนึ่งด้วยว่านักท่องเที่ยวจีนมากกว่า 100 รายได้ขอยกเลิกแพ็คเกจทัวร์เที่ยวทางทะเลรอบภูเก็ต 1 วันไปหลังเกิดเหตุการณ์เรือล่ม แต่ไกด์จีนคนหนึ่งก็ระบุว่าคงไม่กระทบกับการเดินทางของชาวจีนไปยังประเทศไทยมากนัก
เมื่อถูกนักข่าวถามกรณีที่โซเชียลของจีนไม่พอใจคำสัมภาษณ์ของพล.อ.ประวิตร เขากล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก เป็นคนละเรื่องกัน การทำผิดก็เรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือก็เรื่องหนึ่ง ถ้าผมพูดอะไรไม่พอใจก็ขอโทษ ซึ่งผมได้รับรายงานมาอย่างนั้นจริงๆ ขออย่านำมาปนกัน”
พล.อ. ประวิตรกล่าวอีกว่าทางรัฐบาลจีนยังไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไร “มีแต่โซเชียลที่ว่าผม” และอธิบายด้วยว่าเขาพูดเรื่องความผิดของบริษัทนำเที่ยว ไม่ได้พูดถึงว่ารัฐบาลไทยจะไม่ให้ความช่วยเหลือในกรณีนี้ และก็ยืนยันว่ารัฐบาลไทยได้ทำเต็มที่แล้วไม่ว่าจะเป็นการกู้ภัย ช่วยเหลือและมาตรการชดเชยต่าง ๆ
ประมวลการรายงานข่าวของสื่อจีน
วศิน พรหมสุรินทร์ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชาภาษาศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง สำรวจเนื้อหาการรายงานเหตุการณ์นี้ ของสื่อมวลชนจีน พบว่า มีผู้ติดตามข่าวนี้กว่า 3 ร้อยล้านคนทาง เวยป๋อ สื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่ ตามมาด้วยรายงานทางหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของจีนหลายแห่ง เช่น เถาเป่า (taobao) เฟยจู (fei Zhu) เสียเฉิง (xiecheng) ให้นิยาม เรือฟีนิกซ์ที่ล่มไปว่าเป็น เรือสำราญหรู ซึ่งชาวเน็ตของจีนจำนวนมากต่างออกมาบอกว่า เคยนั่งเรือสำราญลำดังกล่าว เมื่อตอนไปเที่ยวที่ภูเก็ต
มีประกาศเตือนภัยล่วงหน้าก่อนเรือล่ม
เว็บไซต์ หวนฉิวหว่าง www.huanqiuwang.com รายงานว่าโดยปกติแล้ว การออกเดินเรือจะใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ โดยสีแดงหมายถึงไม่อนุญาตให้นำเรือออก สีเหลืองหมายถึงห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง เรือใหญ่ต้องระมัดระวังในการออกเรือ ส่วนสีเขียวหมายถึงสภาพอากาศดี สามารถออกเรือได้
เหตุการณ์ในวันที่ 5 ก.ค. มีรายงานว่ากรมอุตุนิยมวิทยาของไทย ได้ออกหนังสือประกาศเตือนภัยฉุกเฉินเมื่อเวลา 16.00 น. ในวันเดียวกัน ในขณะที่มีบางแหล่งข่าวอ้างว่า การออกหนังสือประกาศเตือนภัยฉุกเฉินคือเวลา 11.00 น. ของวันที่ 5 ก.ค. ในขณะที่สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าเทศบาลเมืองภูเก็ต ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับคลื่นลม และเตือนภัยอากาศแปรปรวนติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. ซึ่งตามประกาศแจ้งเตือน เรือทั้งหมดต้องห้ามออกทะเล แต่เรือฟีนิกซ์ ก็ยังยืนยันที่จะออกเรือพร้อมด้วยธงสีเขียว

เรือล่มภูเก็ต สื่อจีนไม่พอใจ
หนังสือพิมพ์เหรินหมินยรื่อเป้า หนึ่งใน 10 หนังสือพิมพ์ภาษาจีนใหญ่ที่สุด รายงานเรื่องราวของ นายเจิ้ง หลันชิ่ง ผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ นายเจิ้ง เดินทางพร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวจำนวน 4 คน คือภรรยา ลูกสาว ลูกเขย รวมถึงหลานสาวที่มีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบ จากมณฑลเจ้อเจียง โดยเล่าว่าทั้ง 4 คนได้จมหายไปต่อหน้า
นอกจากนั้นยังมีนักเรียนอีก 5 ชีวิต ที่เดินทางมาฉลอง หลังเสร็จสิ้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยล่าสุดหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้สูญหาย ซึ่งนักเรียนที่รอดชีวิตให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวจีนว่า ตัวเขาเองหนีออกมาจากหน้าต่างห้องโดยสารชั้นหนึ่ง
ด้านสำนักข่าวหงซิง รายงานถึงนักท่องเที่ยวสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่เพิ่งแต่งงานกันได้เจ็ดวัน และได้ซื้อทัวร์เรือสำราญในครั้งนี้ ครอบครัวให้สัมภาษณ์ว่า นายหลี่ ก้วนหนัน อายุ 26 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยปิโตรเลียมปักกิ่ง ทำงานได้หนึ่งปี แต่งงานกับนางสาวฮั่ว เฟย ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรีเป็นเวลา7 ปี โดยทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันก่อนที่จะมาเที่ยวเพียงแค่ 7 วัน และตัดสินใจมาฮันนีมูนที่จังหวัดภูเก็ต ล่าสุดพบฝ่ายหญิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ฝ่ายชายยังอยู่ในสถานะผู้สูญหาย
สื่อฯ จีนชี้เที่ยวไทยอันตรายที่สุดในโลก
ในขณะที่สำนักข่าวท้องถิ่นปักกิ่ง “เป่ยจิงยรื่อเป้า” อ้างอิงการจัดลำดับโดย บริษัทประกันภัยเจ้าหนึ่งในอังกฤษ ว่าไทยเป็นประเทศที่อันตรายสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่ซื้อประกันเพิ่มเมื่อมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ทั้งในเรื่องอุบัติเหตุ ทรัพย์สินสูญหาย รวมไปถึงเครื่องบินดีเลย์ นอกจากนั้น สื่ออื่น ๆ ของจีนยังออกคำเตือนให้กับนักท่องเที่ยวก่อนจะมาเที่ยวเมืองไทย
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน และ สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าทันทีที่ทราบเหตุดังกล่าว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้สั่งการ ให้ สถานกงสุลจีน และสถานทูตจีน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงร้องขอรัฐบาลไทย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สูญหาย และผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน
ด้านนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ได้กำชับในเรื่องของการค้นหาผู้สูญหาย ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และจัดการเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต โดยเน้นว่าต้องให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยในการท่องเที่ยว และจีนจะใช้สิทธิคุ้มครองประชาชนจีนในต่างประเทศตามกฎหมาย
ล่าสุดสถานีวิทยุ ซี อาร์ ไอ ภาคภาษาไทยรายงานว่า นายหลี่ว์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าวให้กำลังใจผู้ประสบภัยว่า “แม้ธรรมชาติไม่ปราณี แต่เราจะไม่ทิ้งกัน พรรคคอมมิวนิสต์ คนจีน และแผ่นดินจีนยังจะยืนเคียงข้างพี่น้องชาวจีน และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประสบภัยทุกคน”
คนจีนคิดหนักเที่ยวเมืองไทย คาดกระทบการท่องเที่ยว
นายพิริยะ เข็มพล เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวในงาน Thai Festival 2018 ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางไปเที่ยวในประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 5 ล้านคน
ในรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ระบุว่าจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนสูงสุดเมื่อเทียบกับชาติอื่น ๆ และยังเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินสูงสุดอีกด้วย
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต มีความวิตกว่านักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางไปประเทศไทยอาจมีจำนวนลดลง โดยนักท่องเที่ยวอาจเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย เป็นต้น
จำนวนผู้เสียชีวิต 41 ราย
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ (9) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แถลงสรุปสถานการณ์ว่า มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ไปกับเรือฟีนิกซ์เป็น 89 ราย ส่วนจำนวนผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ 37 คน ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเป็น 41 คน และสูญหาย 11 คน
“ในจำนวน 11 คนที่สูญหาย กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นพบตัวแล้ว 5 คน แต่ยังอยู่ในกระบวนการส่งหลักฐานพิสูจน์ตัวตนอยู่ ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ก็จะมีผู้สูญหายเหลือ 6 คน” ผู้ว่าราชการ จ. ภูเก็ตกล่าว
