เรือล่ม อยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. เกิดเหตุเรือ 2 ชั้นบรรทุกประชาชน-นักท่องเที่ยวล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าน้ำหน้า วัดสนามไชย อำเภอเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวอยู่บนเรือประมาณ 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันระดมกำลังเข้าช่วยเหลือแล้ว

เหตุ เรือล่ม อยุธยา ในแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณหน้าวัดสนามไชย หลังบรรทุกพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่เดินทางไปร่วมงานบุญประเพณีของชาวไทยมุสลิม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกำลังเดินทางกลับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 18 กันยายน พ.ต.ต ธนัท แสงอรุณ สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุมีเรือบรรทุกนักท่องเที่ยวล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดสนามไชย หมู่ 7 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บและผู้สูญหายหลายราย จึงพร้อมด้วยนายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทไธศวรรย์ หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ และกรมเจ้าท่า ไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ ห่างออกไปจากแนวตลิ่งซึ่งเป็นสันเขื่อนใกล้กับวัดสนามไชย ประมาณ 3 เมตร มีเรือท่องเที่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ ชื่อเรือ “สมบัติมงคลชัยทับทิม” ความยาว 30 เมตร กว้าง 8 เมตร จมในลักษณะเอียงอยู่ภายในแม่น้ำ โดยส่วนของชั้นล่างทั้งหมดจมลงในน้ำ เจ้าหน้าที่ได้พยายามช่วยเหลือผู้โดยสารที่รอดชีวิตขึ้นจากเรือจนหมด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา
เบื้องต้น ปภ.อยุธยา รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน ยังไม่ทราบจำนวนผู้สูญหาย
เจ้าหน้าที่ได้ใช้เชือกและทุ่น วางเป็นแนวป้องกันเรือจมและไหลลงไป และได้ส่งชุดประดาน้ำลงค้นหาภายในเรืออย่างละเอียด ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรง โดยมีข้อมูลว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ระหว่างเกิดเหตุ ได้ไปรวมด้านท้ายเรือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งชั้นล่างลักษณะเป็นห้องโถงโดยสาร

จากการสอบถามนายอรรณพ กุฎีพันธ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 ซอยประชาอุทิศ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้มาร่วมงานบุญประเพณีของชาวไทยอิสลาม เรียกว่า “งานโฮ้ล” เป็นงานประเพณีทำบุญครูของชาวอิสลาม ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่มัสยิดตะเกี่ยโยคิน ตำบลคลองตะเคียน
ขณะเกิดเหตุตนอยู่บนเรือพร้อมชาวไทยมุสลิมเกือบ 150 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรี โดยช่วงเช้าได้ขึ้นเรือที่ท่าน้ำมัสยิดภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมุ่งหน้าไปยังมัสยิดตะเกี่ยโยคิน เพื่อร่วมพิธี จากนั้นในช่วงบ่าย หลังจากประกอบพิธีเสร็จ ก็เดินทางกลับโดยนำพี่น้องชาวมุสลิมส่งตามจุดต่างๆ ตามริมแม่น้ำตลอดเส้นทาง ซึ่งจุดหมายปลายทางนั้น จะต้องเดินทางไปยังท่าน้ำมัสยิดภูเขาทอง และท่าน้ำโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่นั้น ได้มีเรือบรรทุกทรายแล่นอยู่ด้านหน้า ในเส้นทางเดียวกับเรือโดยสารที่ตนนั่งมา นายท้ายเรือพยายามที่จะหลบเรือบรรทุกทราย จนทำให้บังคับเรือไม่ได้ เนื่องจากกระแสน้ำแรง ประกอบกับคนบนเรือมีอาการตกใจ วิ่งไปรวมกันที่ท้ายเรือ เรือจึงพุ่งชนตลิ่งและเสาเข็มที่ตอกเป็นแนวเขื่อน บริเวณหน้าวัดสนามไชย จนทำให้เรือพลิกตะแคง คนบนเรือพยายามกระโดดออกจากเรือกันอลหม่าน
ไม่กี่นาทีถัดมา เรือก็ค่อยๆ จมลง ผู้โดยสารทั้งผู้หญิงและคนแก่ พากันกระโดดลงน้ำหนีตาย คนที่ว่ายน้ำเป็นก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง เนื่องจากจุดที่เรือล่มนั้น ห่างจากฝั่งประมาณ 3-5 เมตรเท่านั้น
สำหรับเรือ “สมบัติมงคลชัยทับทิม” ลำดังกล่าว หมายเลขทะเบียน 106600841 จำนวนคนโดยสาร 50 คน แต่คาดว่าจะบรรทุกผู้โดยสารเกิน มีนายท้ายคือ นายวิรัตน์ ไชยศิริกุล อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 7 ต.บางไทร อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มแล้ว 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บรวมทั้งยังสูญหายอีกจำนวนหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่อยู่ระว่างเร่งค้นหาแล้ว
ด้าน นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธีบดีกรมเจ้าท่า สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยาและสำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ นำเรือเจ้าท่าออกค้นหาผู้สูญหายแล้ว
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวถึงเหตุเรือโดยสารบรรทุกนักท่องเที่ยวล่ม บริเวณหน้าวัดสนามไชย ว่า เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากกระแสน้ำที่เชี่ยวแรงและคนขับเรือ บังคับเรือไม่ได้ จึงกระแทกเข้ากับตลิ่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าเรือบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน จนทำให้เกิดเหตุโศกนาฎกรรมดังกล่าวขึ้น ซึ่งจะลงโทษขั้นสูงสุด คือ ยึดใบอนุญาต และปรับ 1 หมื่นบาท ส่วนคดีอาญาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของปฏิบัติการค้นหานั้น จะต้องเร่งยกเรือขึ้นเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ติดอยู่ภายในหรือไม่

