อัปเดตฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ 28 ก.พ. – 6 ก.ค. 64 ยอดสะสมล่าสุด 11.3 ล้านโดส เฉพาะวานนี้ 2.8 แสนโดส ศบค. รับไม่ถึงเป้าตามแผน เร่งฉีดผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง
วันที่ 7 ก.ค. 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น. วันที่ 6 ก.ค. เป็นดังนี้
จำนวนผู้ได้รับวัคซีนวันที่ 6 ก.ค. 2564 จำนวน 269,653 โดส
ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 223,268 ราย
ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 46,385 ราย
จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 6 ก.ค. 2564 (129 วัน) 11,328,043 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด
ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 8,245,297 ราย
ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 3,082,746 ราย

เร่งฉีดผู้สูงอายุ แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุเพิ่มเติมถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้นอยากฉีดให้ได้ 300,000-500,000 โดสต่อวัน จึงนับว่าน้อยกว่าแผนที่วางไว้ และที่เน้นย้ำมาตลอดในช่วงนี้คือเพิ่มการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ซึ่งตัวเลขข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา
ผู้สูงอายุ ฉีดเข็มที่ 1 ไปได้ 12.9% และเข็มที่ 2 เพียง 0.9%
ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 15.6% และเข็มที่ 2 คิดเป็น 3.5%
สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร รายงานว่ามีการปรับแผลการฉีดวัคซีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดมไปใน 2 กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ หน่วยฉีดวัคซีนในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ ทปอ. (จุดฉีดมหาวิทยาลัยต่างๆ) สถานีกลางบางซื่อ และจุดฉีดวัคซีนของผู้ประกันตน มาตรา 33 พบว่าจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในสัปดาห์ที่ผ่านมายังเป็นประชากรส่วนใหญ่ ยังไม่ได้เพิ่มปริมาณผู้สูงอายุและผุ้ป่วย 7 กลุ่มโรคตามแผน ซึ่งจากนี้จะต้องเน้นย้ำทุกจุดฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคให้เร็วขึ้น.

ตามที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center. PHEOO กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ครั้งที่ 273 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งรัดการฉีตวัคซีนโควิด-19 ในผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ นั้น
ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ขอให้ สำนักงานสาธารณ์สุขจังหวัด เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนลดความรุนแรง จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ศบค.ขอความร่วมมือประชาชนที่มีญาติเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ- 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง-หญิงตั้งครรภ์”ให้พามาฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยด่วน เพื่อลดอัตราป่วยหนัก หรือ เสียชีวิต
11 ส.ค. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เผยว่า พบผู้เสียชีวิตจาการติดเชื้อ โควิด-19 จำนวน 85 % เป็นผู้สูงอายุ และกลุ่มโรคเรื้อรัง ซึ่งตรงนี้ได้เน้นย้ำว่ามาตรการของศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นชอบร่วงมกันคือ วัคซีนที่ได้มาโดยส่วนใหญ่แล้วนอกจากบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะต้องได้เป็นด่านหน้า
ในส่วนของประชาชนทั่วไปขอให้เน้นย้ำ ในกลุ่มที่เป็นโรคเรื้อรัง 7-8 กลุ่มโรค ที่ต้องเพิ่มเป็น 8 กลุ่มโรคเพราะต้องรวมหญิงตั้งครรภ์ด้วย เนื่องจากระยะหลังมีภาพของการเสียชีวิตของหญิงตั้งครรภ์ ฉะนั้นนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มเป้าหมาย
“ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกท่านที่อยากได้วัคซีน แล้วมีคนสูงอายุ และมี 8 กลุ่มโรคนี้ช่วยกรุณาพาเขามายังสถานบริการซีดวัคซีนโดยด่วน ถ้าฉีดวันนี้ก็จะเห็นฤทธิ์ในการป้องกันโรคอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ถ้าต้องการลดอัตราการติดเชื้อ ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต นี่คือคำตอบสำคัญที่เราต้องช่วยกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
