
“เสี่ยโป้ อานนท์” เสี่ยโป้ ปฏิเสธยิง หน้าร้านนวด พร้อมเผยมีหลักฐานทุกอย่าง เตรียมให้ทนายดำเนินคดียืนยันไม่ได้หนีไปชายแดน
จากกรณี มีหญิงสาวรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กเหตุชุลมุนหน้าร้านนวดแผนไทยชื่อดัง ย่านถนนราชพฤกษ์ โดยอ้างว่า นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ปฏิเสธยิง หน้าร้านนวด ยิงใส่น้องชายและมีผู้บาดเจ็บ 2 คน เมื่อกลางดึก วันที่ 27 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดผู้เสียหายยืนยัน เห็นเสี่ยโป้ชักปืนยิงเป็นคนแรก ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 28 ต.ค. 2563 นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ “เสี่ยโป้ อานนท์” เผยข้อมูลสั้นๆ ว่า เห็นข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ทางเราก็ขอเก็บหลักฐานอย่างเดียว บอกก่อนว่าวันนั้นตนไปซาวน่าทุกวัน อยู่ดีๆ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามา
พอชะโงกออกไปดูว่ามีอะไร ก็เห็นเขากำลังต่อยกันกับน้องชายผม ตอนนั้นเป็นช่วงชุลมุน จำหน้าได้แค่ 4 คน เป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพล ที่เคยทะเลาะกับตน แล้วเขาใช้ปืนยิงใส่ ตนจึงหลบแล้ววิ่งหนี ตอนนั้นได้ยินเสียงปืนประมาณ 60 นัด หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรต่อ
การที่สังคมมองว่าผมเป็นมาเฟีย เป็นนักเลง ซึ่งจริงๆ ผมผ่านจากจุดนี้มานานแล้ว คนจะหาว่าผมทำผิดไม่ตรงคุก แต่ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละครั้งที่ผมทำมันก็เป็นของเก่าที่เอาออกมาโจมตีใหม่ ทำให้ผมดูไม่ดี ดูเลวร้ายในสายตาคนอื่น แต่ตนมีหลักฐานทุกอย่าง
ยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง ที่เขานัดมาต่อยกันหรือยิงกัน และเชื่อมันว่าตำรวจจะมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่แล้ว อยากให้ตรวจวิถีกระสุนทุกอย่างว่าเป็นของใคร ซึ่งเมื่อวานนี้ผมกับน้องชายเดินทางไปที่ สน.เพื่อให้ตรวจเขม่าปืน แต่ตำรวจบอกไม่ต้องตรวจกลับบ้านได้เลย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ยิงปืน ตอนนี้ไม่ได้หนีไปชายแดน ยินดีให้ข้อมูลทุกอย่างกับตำรวจ เรามีหลักฐานทุกอย่าง เตรียมให้ทนายดำเนินคดีกับ พ.ร.บ.คอมฯ กัน ส่วนคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
เสี่ยโป้ ปฏิเสธยิง “สันธนะ” พา “เสี่ยโป้-น้องชาย” ขึ้นโรงพัก เจอ 4 ข้อหา

“สันธนะ” พา “เสี่ยโป้-เสี่ยบุ๊ก” ขึ้นโรงพัก หลังเหตุวิวาทยิงกันหน้าร้านนวด ย่านราชพฤกษ์ ด้าน “เสี่ยโป้” ปัดยิง-ยืนยันไม่มีอาวุธ เจอตำรวจซ้อนแผนโชว์หมายจับ รวบคาโรงพัก แจ้ง 4 ข้อหา ญาติเตรียมหลักทรัพย์ 1 ล้าน ประกันตัว
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 29 ต.ค.63 ที่ สน.ภาษีเจริญ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ได้พา นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ อายุ 28 ปี และ นายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือเสี่ยบุ๊ค อายุ 25 ปี น้องชาย เข้าพบ ร.ต.อ.สมเกียรติ กิจประภานันท์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวันแสดงความบริสุทธิ์ใจ
กรณีถูกสังคมกล่าวหาเป็นมือปืนยิงคู่กรณีหน้าร้านนวดแผนโบราณสรี เซาว์น่าแอนด์สปา ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดย นายอภิรักษ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนใช้บริการเซาว์น่าในร้านดังกล่าวตามปกติ โดยอยู่กับพรรคพวกอีกแค่ 3 คน ขณะที่ นายเขมทัต น้องชายตน ซึ่งมีเรื่องกับ นายตั้ง และ นายตั๊ว อยู่แล้ว ได้นัดหมายไปเจรจากับคู่กรณีที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ริมถนนราชพฤกษ์ เลยจากร้านซาวน์น่าไปไม่กี่กิโลเมตร ต่อมา นายเขมทัต ซึ่งเข้าใจว่าเจรจากับคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ ก็พาเพื่อนๆ อีกราว 10 คน ล่าถอยมาหาตนที่ร้านเซาว์น่า จังหวะนั้นตนก็ยืนอยู่ด้านบนร้านดังภาพที่ปรากฏ
ขณะที่ทางกลุ่มคู่กรณียกพวกเข้ามาราวๆ 200 คน จนตนเห็นว่าทางคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนเล็งมาที่ตน ตนก็รีบหลบและมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกันกว่า 60 นัด ซึ่งตนยืนยันว่าตนหลบและวิ่งหนีตายออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่นัดแรกแล้ว และตนก็ไม่ได้มีอาวุธปืนติดตัวด้วยแต่อย่างใด โดยหลังเกิดเหตุตนกับน้องชายเป็นฝ่ายเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนก่อนตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 27 ต.ค.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า หลังแจ้งความทางตำรวจก็เดินทางไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดก็เก็บไปด้วย จึงอยากฝาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ช่วยดูภาพจากกล้องให้ตนด้วยว่า พวกตนมีน้อยกว่า ขณะที่ฝั่งคู่กรณีอ้างว่ามากันแค่ 20 คน หนำซ้ำยังให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าตนยิงเปิดทางให้ลูกน้องแหวกออก เพื่อยิงใส่คนเจ็บ
ตนอยากถามจริงๆ ว่าเหตุการณ์มันจะเป็นแบบนั้นไปได้จริงหรือ เมื่อตนยืนอยู่ด้านบน ส่วนตนก็หลบกระสุนตั้งแต่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกแล้ว ตอนนั้นหากถามว่าใครยิงใครตนบอกได้เลยว่า ไม่รู้เพราะคนเยอะไปหมด แต่ถ้าจะถามว่าใครอยู่ตรงนั้นบ้าง จำได้ตัวหลักๆ ก็มี แอล โอรส, เอ็มโก๋ ตากสิน, ตั๊ว พรานนก และ ตั้ง พรานนก ซึ่งเป็นลูกสมุนของนายตั๊ว
“ตนไม่ได้ยิงใคร ไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างที่ฝ่ายคู่กรณีให้ข่าว เซาว์น่าแห่งนี้ตนใช้บริการทุกวัน มีแต่นักธุรกิจและผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทใดๆ เกิดขึ้น แต่หลังเกิดเหตุการณ์ทราบว่า บิดาของคู่กรณีซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตประกอบกิจการขึ้นชื่อว่าลอยฟ้า กับบิดาของสมุนคู่กรณีที่เป็นอดีตตำรวจ
ได้มีคำสั่งให้ทางตำรวจท้องที่ดำเนินการออกหมายจับพวกตน ทั้งที่ตนไม่ได้มีความผิดอะไร ทำให้ตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าฝ่ายตนต้องกลัวฝ่ายคู่กรณี ไม่ใช่ฝ่ายคู่กรณีจะต้องมากลัวตน พอเรื่องผ่านมา 1-2 วันตนเห็นว่าข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ จึงปรึกษา พ.ต.ท.สันธนะ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ให้พามาลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ” เสี่ยโป้ กล่าว
ขณะที่ นายเขมทัต น้องชายเสี่ยโป้ กล่าวว่า เหตุต้นเรื่องนั้นเกิดจากตนที่มีกรณีพิพาทกับกลุ่มของ นายตั๊ว พรานนก และ นายตั้ง พรานนก โดยก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปวัดศาลเจ้า ร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลอาแป๊ะ โรงสี ปรากฏมีพรรคพวกของคู่กรณีเข้ามาเสนอขายพระให้ตน แต่ตนไม่สนใจ กระทั่งเขาคงมองว่าตนหยิ่ง
พยายามทักเฟซบุ๊กมาหาโทรมาหาแต่ตนก็ไม่รับสาย เมื่อตนตัดสินใจติดต่อกลับไปปรากฏว่า ฝ่ายคู่กรณีเปิดประเด็นทะเลาะวิวาทนัดหมายให้ตนไปเจอ เพื่อเจรจาที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งริมถนนราชพฤกษ์ แต่พอตนเดินทางไปถึงพบว่ามีชายฉกรรจ์ขับรถจักรยานยนต์จำนวน 4-5 คันมาวน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อนๆ ล่าถอยกลับไปหาพี่ชายที่เซาว์น่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่ม จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนได้พยายามประสานให้เคลียร์ปัญหาแบบลูกผู้ชาย เนื่องจากฝ่ายเสี่ยโป้กับน้องชายนั้น ตนก็รู้จักกับครอบครัวมานาน ส่วนฝ่ายบิดาของคู่กรณีนั้นก็เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของตน โดยคนหนึ่งทำงานด้วยกันสมัยอยู่กองปราบปราม
อีกคนทำงานด้วยกันสมัยอยู่ บช.น. ในเมื่อแจ้งให้บิดามารดาของเด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่มทราบแล้ว ตนก็เสนอให้เรื่องมันจบแบบนักเลงด้วยการให้ 2 ฝ่ายมาชกกันแบบตัวต่อตัว ไม่อยากให้ไปก่อเหตุเป็นภาระสังคม กับเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยความใจร้อนของวัยรุ่น จึงทำให้เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้
ซึ่งตนก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าใครผิดใครถูก เพราะแต่ละฝ่ายก็ว่ากันไปมา แต่หลังเกิดเหตุมีคนเจ็บขึ้น กลับได้ยินฝ่ายคู่กรณีพูดถึงเงินค่าทำขวัญสูงถึง 10 ล้าน ตนก็ไม่เข้าใจว่าจะเอาลูกหลานมาขายในเหตุทะเลาะวิวาทแบบนี้หรือ จึงตัดสินใจพาเสี่ยโป้กับน้องชายเข้ามาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ต่อมาเมื่อเวลา 04.30 น. วันเดียวกัน ระหว่างที่ พ.ต.ท.สันธนะ กำลังจะพา นายอภิรักษ์ และ นายเขมทัต กลับที่พักหลังลงบันทึกประจำวัน กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.ศิริชาติ จันทร์พรมมา รอง ผกก.ป.สน.ภาษีเจริญ และ พ.ต.ท.บริบูรณ์ จำปาดี สว.สส.สน.ภาษีเจริญ ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 544/2563
ลงวันที่ 28 ต.ค.63 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน มาแสดงให้ นายอภิรักษ์ ดูทำให้ นายอภิรักษ์ ยอมให้ตำรวจควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน โดยชุดจับกุมได้ประสานทางกองพิสูจน์หลักฐานให้เดินทางมาเพื่อตรวจเขม่าดินปืนด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเสี่ยโป้ถูกควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ยังแสดงความจำนงจะเป็นนายประกันให้ ซึ่งทางญาติๆ ของเสี่ยโป้กำลังเตรียมหลักทรัพย์ไว้รอท่าจำนวน 1 ล้านบาท แต่ยังไม่มีท่าทีว่าทางพนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่ อีกทั้งมีรายงานว่ามีเพื่อนสนิทของเสี่ยโป้ ชื่อ “เสี่ยเคน” น่าจะถูกออกหมายจับด้วยในข้อหาเดียวกัน แต่ขณะนี้เสี่ยเคนก็ยังไม่ได้เดินทางมาที่ สน.ภาษีเจริญแต่อย่างใด