โจ ไบเดน ชนะ เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน เอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากมลรัฐเพนซิลเวเนียประกาศชัยชนะให้ตัวแทนจากเดโมแครต ส่งผลให้คะแนนเสียงทะยานเกิน 270 ที่นั่ง
ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี สร้างประวัติศาสตร์ทำคะแนนสูงที่สุด ในการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ์มากที่สุดในรอบหลายสิบปี แซงเอาชนะ ทรัมป์ ในหลายมลรัฐ ท่ามกลางบรรยากาศการนับคะแนนที่ยาวนานกว่า 5 วัน
ไบเดนบอกว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณเลือกผมให้มาเป็นผู้นำให้ประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ งานที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นงานยาก แต่ผมสัญญาว่า ผมจะเป็นประธานาธิบดีให้กับคนอเมริกันทุกคน ไม่ว่าคุณจะเลือกผมหรือไม่ก็ตาม”
กมลา แฮร์ริส ยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐ หลังจากผลครั้งนี้เช่นกัน
โจ ไบเดน ชนะ เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนล่าสุด เคยกล่าวเมื่อครั้งได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตให้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า เขาต้องการดำเนินนโยบายเสริมสร้างประเทศและประสานรอยร้าวความแตกแยกในสังคม
นายโจ ไบเดน จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญความท้าทายหลายอย่าง ตั้งแต่ภาวะโรคระบาดไปจนถึงความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ
แนวนโยบายหลักของเขาเน้นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้คนทำงานโดยสนับสนุนให้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 465 บาท) ต่อชั่วโมง เขายังสัญญาว่า ภายใน 100 วันแรกของการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เขาจะเปลี่ยนนโยบายของนายทรัมป์ที่พรากพ่อแม่ลูกที่ชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการสมัครขอรับสถานะผู้ลี้ภัย และยกเลิกข้อห้ามเดินทางเข้าประเทศจากกลุ่มประเทศมุสลิม
นายไบเดนยังจะเดินหน้าขยายแผนประกันสุขภาพให้สำเร็จและจะทำให้ชาวอเมริกันทุกคนมีทางเลือกขึ้นทะเบียนในประกันสาธารณสุข มีการประเมินว่าแผนของนายไบเดนจะต้องใช้งบราว 2.25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 10 ปี

ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้นายไบเดน วัย 77 ปี ได้เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค.ปีหน้า และจะสร้างสถิติเป็นผู้นำอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ขณะที่นางกมลา แฮร์ริส จะได้เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ
หลังทราบผล นายไบเดน ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “อเมริกา ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศอันยิ่งใหญ่ของเรา งานที่ยากลำบากรอคอยเราอยู่ข้างหน้า แต่ผมสัญญาว่า ผมจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน ไม่ว่าคุณจะลงคะแนนเลือกผมหรือไม่และผมจะรักษาศรัทธาที่คุณมอบให้”
ด้านทีมงานหาเสียงของนายทรัมป์ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดลง ขณะที่นายรูดี จูลีอานี คนสนิทและทนายความของนายทรัมป์ ประกาศว่าทีมกฎหมายจะเริ่มดำเนินการทางกฎหมายเพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งในวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.นี้ โดยอ้างว่าในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย มีการสวมสิทธิ์ผู้เสียชีวิตไปแล้วในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งที่ไม่ปรากฏหลักฐานยืนยันคำกล่าวอ้างของเขาก็ตาม
แอนโทนี ซูเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำอเมริกาเหนือ กล่าวว่า ชัยชนะอันเป็นที่คาดหมายของนายไบเดนซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการนับคะแนนยาวนานถึงสี่วันนี้ เป็นผลจากการรณรงค์หาเสียงที่ดำเนินไปในสถานการณ์พิเศษ ท่ามกลางโรคระบาด และสภาพสังคมอเมริกันที่สั่นคลอน รวมทั้งภายใต้รัฐบาลรักษาการที่แตกต่างจากชุดที่ผ่าน ๆ มา
ในความพยายามลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 3 นายไบเดน สามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางการเมืองและคว้าชัยชนะมาได้ แม้จะเฉียดฉิวในแง่ของจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง
แต่คาดว่าเขาจะได้คะแนนเสียงทั่วประเทศ เหนือนายทรัมป์อย่างน้อย 4 ล้านเสียง ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับจากนี้นายไบเดนซึ่งรอคอยที่จะได้นั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ มานานถึง 50 ปีจะมีเวลาเพียงไม่ถึง 3 เดือน ในการจะจัดตั้งรัฐบาล กำหนดแนวนโยบายและเตรียมขึ้นบริหารประเทศที่กำลังตกอยู่ท่ามกลางวิกฤตและความแตกแยก

เมื่อ 7 พ.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย กองเชียร์ โจ ไบเดน ผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายได้เฮลั่น ผลการเลือกตั้งขั้นต้น ออกมา ไบเดน วัย 77 ปี ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral college) ถึง 270 คะแนน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โค่นแชมป์เก่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันไปได้อย่างระทึกสุดๆ
หลังจากการเลือกตั้งเมื่อ 3 พ.ย. ชาวอเมริกันต่างรอลุ้นผลการนับคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ โดยการนับคะแนนยืดเยื้อนานหลายวันและสูสีอย่างมาก จนกระทั่งต้องมาตัดสินกันที่รัฐสวิงสเตท 5 รัฐสุดท้าย ซึ่งนายไบเดนมีคะแนนโหวตที่รัฐเพนซิลเวเนียแซงหน้านายทรัมป์นายช่วงโค้งสุดท้าย และเข้าวินเป็นผู้ชนะในรัฐนี้ด้วยอัตราส่วน 49.6% ต่อ 49.1% ในวันที่ 7 พ.ย.
ชัยชนะในรัฐเพนซิลเวเนียส่งผลให้นายไบเดนได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งเพิ่มอีก 20 คะแนนบวกกับของเดิมเป็น 273 คะแนน กลายเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่
ไบเดน มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มายาวนาน เขาได้ลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกตั้งแต่ปี 2531 ขณะอายุ 45 ปี แต่แล้วความฝันครั้งนี้ของไบเดน ก็ต้องดับลงตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งขั้นต้น หลังจากมีรายงานเผยว่า ไบเดนได้ไปลอกคำพูดในสุนทรพจน์บางส่วนของคนอื่นมา
นอกจากนั้น ไบเดน ยังมีปัญหาสุขภาพอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึง 2 ครั้ง เนื่องจากเขามีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี และหลังจากได้ถอนตัวยุติการแข่งขันในปี 2531 โดยแพทย์ได้ตรวจพบว่า เขามีอาการสมองโป่งพอง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดสมอง และยังทำให้เกิดเลือดอุดตันในช่องปอด จนนำไปสู่การผ่าตัดใหญ่ครั้งที่ 2 และหลังจากรักษาอาการป่วยนาน 7 เดือน ไบเดนได้กลับมาทำงานในฐานะวุฒิสมาชิกอีกครั้ง
