โจ ไบเดน แจกเงินหวังกระตุ้นคนให้ฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องให้แต่ละรัฐ แจกเงินคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (3,300 บาท) หวังกระตุ้นคนออกมาฉีดวัคซีน
วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ทางการแต่ละรัฐแจกเงินคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (3,300 บาท) สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อกระตุ้นให้คนออกมาฉีดวัคซีน ท่ามกลางสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
“โจ ไบเดน” กล่าวว่า ลักษณะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตอนนี้คือเป็น “โรคระบาดท่ามกลางคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน” ซึ่งที่ผ่านมา คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เสียชีวิตลงทั้งที่จริง ๆ แล้วสามารถป้องกันไว้ได้ โดยได้เรียกร้องให้แต่ละรัฐมีการแจกเงิน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งได้อนุมัติไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้คนออกมาฉีดวัคซีนมากขึ้น
ทั้งนี้ ถึงแม้ประเทศจะมีซัพพลายวัคซีนเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการกระจายวัคซีนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ยอมไปฉีดวัคซีน โดยตอนนี้มีประชาชน 49.9% ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะเดียวกัน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ราว 60,000 คน ซึ่งเป็นนิวไฮในรอบ 3 เดือน
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้ว 99% จากผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งหมด เป็นคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ รัฐแถบใต้ และตะวันตกของประเทศ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำ มีอัตราการพบผู้ติดเชื้อใหม่ที่สูงกว่ารัฐอื่น โดยโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้ทางการบังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้ว มิฉะนั้นจะต้องโดนบังคับให้ตรวจเชื้อไวรัส และสวมหน้ากากอนามัย

โจ ไบเดน แจกเงินหวังกระตุ้นคนให้ฉีดวัคซีน
ผู้นำสหรัฐฯผลักดันรัฐบาลท้องถิ่นแจกเงินให้ประชาชนที่รับวัคซีน พร้อมออกกฎให้ลูกจ้างของรัฐต้องแสดงหลักฐานว่ารับวัคซีนแล้ว หวังเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีน
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันมาตรการหลายด้าน เพื่อหวังเพิ่มจำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับวัคซีนมากขึ้น หลังจากจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เริ่มมีจำนวนมากขึ้น
โดยหนึ่งในมาตรการล่าสุดของนายไบเดน คือ การเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นให้เงินสดจำนวน 100 ดอลลาร์ต่อคน ให้กับชาวอเมริกันที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเงินดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรจากกองทุนบรรเทาโรคระบาดมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีการออกกฎใหม่ให้ ลูกจ้างของรัฐบาลกลางกว่า 2 ล้านคน
ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนมาแสดง มิเช่นนั้นก็ต้องมีผลการตรวจคัดกรองเชื้อทุกๆ 1-2 สัปดาห์มาแสดงก่อนเข้าทำงาน และต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งถูกจำกัดการเดินทางด้วย
นายไบเดน ระบุว่า “ตอนนี้มีคนอีกจำนวนมากที่กำลังจะตาย หรือต้องทนมองคนที่ตัวเองรักเสียชีวิต เสรีภาพจำเป็นจะต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ดังนั้นได้โปรดแสดงความรับผิดชอบด้วยการไปรับวัคซีน เพื่อตัวคุณเอง เพื่อคนที่คุณรักและเพื่อประเทศชาติ” โดยในขณะนี้ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่ามีประชากรชาวอเมริกันราว 168.3 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 330 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
ขณะเดียวกันนายไบเดนยังสั่งการตรงไปยังกระทรวงกลาโหม ให้มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าบุคลากรในกองทัพแต่ละหน่วยงานจะเข้ารับวัคซีนกันเมื่อไหร่และอย่างไรบ้าง นายไบเดนยังชี้แจงด้วยว่า แม้การแจกเงินครั้งนี้อาจจะไม่แฟร์กับคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว แต่หากการเดินหน้าครั้งนี้ ช่วยให้สหรัฐฯสามารถรับมือกับการระบาดของไวรัสได้ เขาก็เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ควรจะต้องยอมแลก

ทั้งนี้ มาตรการทั้งสองข้อที่ออกมา นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะกระตุ้นให้ชาวอเมริกันเข้ารับวัคซีนกันให้มากขึ้น หลังมีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตาไปทั่วประเทศ และยังมีผู้ที่รับวัคซีนแล้วติดเชื้อจำนวนไม่น้อย โดยสหรัฐฯมีวัคซีนอยู่ในมือจำนวนมาก แต่กลับมีอัตราการฉีดวัคซีนตามหลังอีกหลายชาติทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสต่อต้านวัคซีน การได้ข้อมูลที่ผิดๆ และการแบ่งแยกทางการเมืองของชาวอเมริกันเอง.
โจ ไบเดน กล่าวระหว่างการแถลงเมื่อ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา อ้างอิงผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ว่า ราว 1 ใน 3 ของประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
เปิดเผยว่าพวกเขาอาจจะอยากฉีดมากขึ้นหากได้รับเงิน โดยระบุด้วยว่า แพคเกจมาตรการกระตุ้นและเยียวยาเศรษฐกิจ American Rescue Plan (ARP) มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้อนุมัติไปนั้น อนุญาตให้แต่ละรัฐ ใช้เงินเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นได้
มาตรการกระตุ้นฉีดวัคซีนนี้ มีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญการระบาดอย่างรวดเร็วของโควิดเดลตา ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนของประชาชนช้าลงอย่างมาก โดยค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 615,000 โดสต่อวัน ลดลงจาก 3 ล้านโดสต่อวันในเดือนเมษายน นอกจากนี้ทางการยังออกมาตรการบังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน และสวมหน้ากากอนามัยด้วย
ขณะที่สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ผลการศึกษาเมื่อเดือนที่ผ่านมา พบว่า 99% จากผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้รัฐแถบทางใต้และตะวันตกของประเทศ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ พบอัตราผู้ติดเชื้อใหม่ที่สูงกว่ารัฐอื่น
ก่อนหน้านี้พบว่าหลายรัฐได้ใช้มาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นให้คนเข้ารับวัคซีน โดยเดือนที่ผ่านมารัฐนิวเม็กซิโก ได้ออกมาตรการแจกเงิน 100 ดอลลาร์ ให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 14-17 มิ.ย. และพบว่ามีผู้เข้ารับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ตั้งแต่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐโคโลราโด ได้เสนอบัตรกำนัลมูลค่า 100 ดอลล่าร์สำหรับใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ตดังอย่างวอลมาร์ตให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน แต่พบว่าอัตราการเข้ารับวัคซีนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ล่าสุดรัฐโอไฮโอ ได้เสนอเงิน 100 ดอลลาร์ให้เจ้าหน้าที่ที่เข้ารับวัคซีน และรับเพิ่มอีก 25 ดอลลาร์ หากพาคู่สมรสมาด้วย จึงจำเป็นต้องติดตามต่อไปว่ามาตรการแจกเงินครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นให้คนออกมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นได้จริงหรือไม่
