
โชซ็อนอาณาจักรฤๅษี เปิดประตูและสงครามจีน-ญี่ปุ่น เนื่องจากพระเจ้าโคจงขึ้นครองราชสมบัติเมื่อยังพระเยาว์ เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ซึ่งเป็นพระชนกของพระเจ้าโคจงจึงมีอำนาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ปฏิรูปการเมืองการปกครองของโชซ็อนเสียใหม่โดยหยุดยั้งการแบ่งฝ่ายของขุนนาง มีการทำลายซอว็อน (เกาหลี: 서원, 書院) หรือสำนักศึกษาท้องถิ่นๆต่างซึ่งปลูกฝังคติการแบ่งฝ่าย ให้แก่บัณฑิต พระราชวังคย็องบกได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในค.ศ. 1867
หลักจากที่ถูกเผาทำลายลงเมื่อสองร้อยห้าสิบปีก่อน ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาแห่งจักรวรรดินิยมของชาติมหาอำนาจตะวันตก เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ทรงยึดมั่นในลัทธิขงจื๊อดำเนินนโยบายความเป็นเอกเทศ ปฏิเสธอารยธรรมตะวันตกรวมทั้งศาสนาคริสต์และปฏิเสธการติดต่อสร้างความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกเพื่อรักษาจารีตประเพณีและโครงสร้างทางสังคมดั้งเดิมของโชซ็อนไว้
ชาติตะวันตกทั้งหลายต่างพยายามเข้ามาเจรจาสร้างสัมพันธ์ต่างการค้ากับโชซ็อนแต่ล้มเหลวและราชสำนักโชซ็อนมีปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรง ทำให้อาณาจักรโชซ็อนได้รับสมยานามว่า “อาณาจักรฤๅษี” (Hermit Kingdom)
ในค.ศ. 1866 เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน มีคำสั่งให้นำตัวมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในโชซ็อนอย่างเป็นความลับไปประหารชีวิต และเรือเจอร์เนอรัล เชอร์แมน เรือสินค้าของสหรัฐอเมริกาจอดเทียบท่าที่เมืองเปียงยางโดยไม่ได้รับอนุญาต
กองกำลังป้องกันของโชซ็อนจึงทำทหารเข้าสังหารชาวอเมริกันของเรือเจอร์เนอรัล เชอร์แมน จนหมดสิ้น เรียกว่า เหตุการณ์เรือเจอร์เนอรัลเชอร์แมน (General Sherman Incident) นายปิแอร์ ฌุซตาฟ โรเซอ (Pierre-Gustave Roze) แม่ทัพเรือของฝรั่งเศสซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงปักกิ่งยกทัพเรือฝรั่งเศสเข้ารุกรานโชซ็อนเพื่อตอบโต้ที่โชซ็อนสังหารมิชชันนารีฝรั่งเศส เรียกว่า การรุกรานของชาวตะวันตกปีพย็องอิน (เกาหลี: 병인양요, 丙寅洋擾)
ทัพเรือฝรั่งเศสเข้ายึดเกาะคังฮวาแต่ฝ่ายโชซ็อนสามารถขับไล่ทัพฝรั่งเศสออกไปได้ ในค.ศ. 1871 ทัพเรือสหรัฐอเมริกาเข้ารุกรานโชซ็อนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่กรณีเรือเจอร์เนอรัล เชอร์แมน เรียกว่า การรุกรานของชาวตะวันตกปีชินมี (เกาหลี: 신미양요, 辛未洋擾) แม้ว่าทัพเรืออเมริกาสามารถเอาชนะทัพของโชซ็อนที่เกาะคังฮวาได้ แต่การเจรจาเพื่อเปิดการค้าไม่ประสบผลฝ่ายอเมริกาจึงถอยกลับไป
รัฐบาลเมจิของญี่ปุ่นส่งสาสน์จากพระจักรพรรดิเมจิมายังโชซ็อนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี แต่ราชสำนักโชซ็อนให้การยอมรับพระจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวคือพระจักรพรรดิจีนราชวงศ์ชิงจึงปฏิเสธไมตรีของญี่ปุ่น ในค.ศ. 1874 พระมเหสีจากตระกูลมิน หรือพระมเหสีมย็องซ็อง
พระมเหสีของพระเจ้าโคจง ทำการยึดอำนาจจากเจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ด้วยการประกาศว่าพระเจ้าโคจงเจริญพระชันษาสามารถว่าราชการได้ด้วยพระองค์เอง ทำให้พระมเหสีมย็องซ็องขึ้นมามีอำนาจในการปกครองและเจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน สูญเสียอำนาจไป ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของโชซ็อนเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นใช้นโยการการทูตเรือปืน (Gunboat diplomacy)
โชซ็อนอาณาจักรฤๅษี เปิดประตูและสงครามจีน-ญี่ปุ่น โดยการส่งเรือรบอูนโย (ญี่ปุ่น: 雲揚 โรมาจิ: Un’yō) เข้ามายังเกาะคังฮวาเพื่อปิดทางออกของแม่น้ำฮันไว้ในค.ศ. 1875 เป็นการกดดันให้ราชสำนักโชซ็อนยินยอมตกลงสนธิสัญญาการค้า นำไปสู่สนธิสัญญาคังฮวา (Treaty of Ganghwa Island เกาหลี: 강화도 조약)
ในค.ศ. 1876 โชซ็อนยินยอมให้ชาวญี่ปุ่นสามารถเข้ามาทำการค้าในภายในอาณาจักรได้ เปิดเมืองท่าสามเมืองได้แก่ปูซาน อินช็อน และว็อนซันให้แก่เรือญี่ปุ่น และยังมอบสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้แก่ญี่ปุ่นอีกด้วย การปิดประเทศและการแยกตัวของโชซ็อนจึงสิ้นสุดลง
พระมเหสีมย็องซ็องทรงสนับสนุนการรับวิทยาการตะวันตกเข้ามาปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย มีการฝึกทหารตามแบบตะวันตกซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ทหารดั้งเดิม กลุ่มทหารดั้งเดิมจึงทำการยึดอำนาจเข้ายึดพระราชวังคย็องบกในค.ศ. 1882 เรียกว่าการกบฎปีอิมโอ (Imo Incident เกาหลี: 임오군란)
ทำให้พระเจ้าโคจงและพระมเหสีมย็องซ็องต้องเสด็จหลบหนีออกจากกรุงโซล กลุ่มทหารดั้งเดิมถวายอำนาจคืนแด่เจ้าชายแทว็อน ฝ่ายจีนราชวงศ์ชิงเมื่อทราบการยึดอำนาจในโชซ็อนจึงส่งกองกำลังนำโดยแม่ทัพหลี่ หงจาง (จีน: 李鴻章; พินอิน: Lǐ Hóngzhāng) ยกทัพจีนเข้ามาปราบกบฎและจับเจ้าชายแทว็อนกลับไปยังกรุงปักกิ่ง พระมเหสีมย็องซ็องจึงหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ในสมัยของพระมเหสีมย็องซ็องขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝ่ายได้แก่
- ฝ่ายซาแด (เกาหลี: 사대당, 事大黨) หรือฝ่ายอนุรักษ์นิยม สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป และดำรงความสัมพันธ์กับจีนราชวงศ์ชิง
- ฝ่ายก้าวหน้า หรือฝ่ายแคฮวา (เกาหลี: 개화당, 開化黨) สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างรวดเร็วดังเช่นญี่ปุ่นยุคเมจิ และสนับสนุนการตัดความสัมพันธ์เป็นเอกราชจากจีน
คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นสถานที่แข่งขันอำนาจกันระหว่างจีนและญี่ปุ่น พระมเหสีมย็องซ็องทรงให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายซาแด ในค.ศ. ขุนนางฝ่ายก้าวหน้าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นนำกองกำลังเข้ายึดอำนาจภายในพระราชวังสังหารขุนนางฝ่ายซาแดไปจำนวนมากเรียกว่า รัฐประหารปีคัปชิน (เกาหลี: 갑신정변, 甲申政變)
ทำให้พระมเหสีมย็องซ็องทรงต้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังของจีนนำโดยหยวนซื่อไข่ นำทัพเข้ายึดอำนาจคืนจากฝ่ายก้าวหน้า ทำให้ขุนนางฝ่ายก้าวหน้าถูกสังหารและหลบหนีออกนอกประเทศ รัฐประหารปีคัปชินนำไปสู่ข้อตกลงเทียนจิน (Convention of Tianjin) ระหว่างจีนและญี่ปุ่น ซึ่งตกลงว่าต่างฝ่ายจะไม่ให้กำลังทหารเข้าแทรกแซงการเมืองภายในของโชซ็อน
ลัทธิทงฮัก (เกาหลี: 동학, 東學) หรือ “บูรพศึกษา” ถือกำเนิดขึ้นจากแนวความคิดของชเว เช-อู (เกาหลี: 최제우, 崔濟愚) ซึ่งมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าสูงสุดประกอบกับคติขงจื๊อ ในค.ศ. 1894 ชาวบ้านเมืองโคบู (อำเภอพูอัน จังหวัดช็อลลาเหนือในปัจจุบัน) ผู้ยึดมั่นในลัทธิทงฮักก่อการจลาจลต่อต้านการปกครองที่กดขี่ของขุนนางท้องถิ่น เรียกว่า การปฏิวัติของชาวบ้านลัทธิทงฮัก (Donghak Peasant Revolution)
ชาวบ้านทงฮักเข้ายึดเมืองช็อนจูและมณฑลช็อลลาได้ทำให้พระมเหสีมย็องซองต้องทรงขอความช่วยเหลือจากหยวนซื่อไข่ในการยกทัพจีนเข้ามาปราบกบฎทงฮัก ฝ่ายญี่ปุ่นเมื่อเห็นว่าฝ่ายจีนละเมิดข้อตกลงเทียนจินจึงยกทัพเข้ามายึดอำนาจ นำไปสู่สงครามจีนญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)
ซึ่งเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีเป็นหลัก ฝ่ายจีนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้นำไปสู่สนธิสัญญาชิโมโนเซกิ (Treaty of Shimonoseki) โชซ็อนสิ้นสุดการเป็นประเทศราชของจีนราชวงศ์ชิง ในค.ศ. 1895 กลุ่มทหารญี่ปุ่นนำโดยนายมิอูระ โกโร (ญี่ปุ่น: 三浦梧楼 โรมาจิ: Miura Gorō) ลอบสังหารพระมเหสีมย็องซ็องอย่างโหดเหี้ยมเรียกว่า เหตุการณ์ปีอึลมี (เกาหลี: 을미사변, 乙未事變) เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นเข้ามามีอำนาจในโชซ็อนอย่างเบ็ดเสร็จ
ในช่วงค.ศ. 1894-96 การปฏิรูปปีคัปโอ (Gabo Reform เกาหลี: 갑오개혁, 甲午改革) โชซ็อนยกเลิกธรรมเนียมโบราณต่างๆ ยกเลิกระบบชนชั้นยังบันและทาส ริเริ่มการแต่งกายอย่างตะวันตก พระเจ้าโคจงทรงประกาศให้อาณาจักรโชซ็อนเลื่อนสถานะขึ้นเป็นจักรวรรดิเกาหลี (Korean Empire เกาหลี: 대한제국, 大韓帝國)
ในปีค.ศ. 1897 พระจักรพรรดิโคจงทรงหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซียในการคานอำนาจกับญี่ปุ่นนำไปสู่งสงครามรัสเซียญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) รัสเซียพ่ายแพ้และไม่สามารถปกป้องเกาหลีจากอิทธิพลของญี่ปุ่นได้ ในค.ศ. 1907 พระจักรพรรดิโคจงทรงถูกญี่ปุ่นบังคับให้สละราชสมบัติให้แก่พระโอรสจักรพรรดิซุนจงซึ่งเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซ็อน
ในค.ศ. 1910 สนธิสัญญาผนวกเกาหลีของญี่ปุ่น (Japan-Korea Annexation Treaty) จักรวรรดิญี่ปุ่นผนวกเกาหลีให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่นและยุติการปกครองราชาธิปไตยของเกาหลี ทำให้ราชวงศ์โชซ็อนซึ่งดำรงมาเป็นเวลาประมาณห้าร้อยปีสิ้นสุดลงแต่บัดนั้น
วันที่ในข่าวนี้ 1 มกราคม 1867 วันที่ประมาณการ