โรนัลโด้ นักเตะใจบุญ คริสเตียโน โรนัลโด Cristiano Ronaldo จึงรู้จักความขาดแคลนและเข้าใจว่ามันเศร้าแค่ไหน หลังจากเขามีโอกาสมากขึ้น มีฐานะที่ร่ำรวยขึ้น จึงเริ่มตอบแทนสังคมมากขึ้น
ย้อนไปในอดีต เขาเกิดเวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1985 ที่เกาะมาเดราซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ชายฝั่งประเทศโปรตุเกส โดยเติบโตมาอย่างค่อนข้างลำบาก ไม่ได้มีโอกาสมีของเล่นอย่างใคร จนอายุ 8 ขวบเขาได้พบกับของเล่นที่แสดงถึงพรสวรรค์นั่นก็คือฟุตบอล
หลังจากเขาโชว์ฟอร์มในสโมสรต่าง ๆ ในที่สุด เฟอร์กี้ บอสใหญ่ของทีมแมนยู ก็คว้าเขามาร่วมทีมปีศาจแดงในปี 2002 ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ซึ่งตอนนั้นเองหลายคนก็ไม่เชื่อในความสามารถเขา และโรนัลโดก็สามารถลบคำสบประมาทของทุกคน ด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก 2006-2007 และยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก ในปี 2007 จากนั้นราชันชุดขาวก็ขอซื้อตัวไปในราคาที่เป็นสถิติโลกถึง 80 ล้านปอนด์
รายได้ของโรนัลโดหลังหักภาษีอยู่ที่ปีละ 2,000 ล้านบาทไทย เท่ากับทำงานได้เงินนาทีละ 2,000 บาท แต่อย่างที่บอกไว้เค้าเข้าใจถึงความจน เมื่อเค้ารวย เค้าไม่ได้เลือกที่จะฟุ่มเฟือยแต่เลือกที่จะทำบุญช่วยเหลือคนตกยาก และนี่คือตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น
ปี 2004 เขาเดินทางไปเยี่ยมเด็กน้อยมาตูนิสชาวอินโดนีเซียซึ่งรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากเหตุสึนามิในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการลอยคอเหนือน้ำพร้อมกับสวมชุดที่เป็นหมายเลขเดียวกับโรนัลโด
ปี 2012 นูฮาเซท ผู้ป่วยโรคมะเร็งวัย 9 ขวบจากหมู่เกาะคานารีของสเปน ป่วยเป็นมะเร็งขั้นรักษาไม่หาย เขาก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอีกทั้งทำให้ความฝันของนูฮาเซทเป็นจริงก่อนที่จะเสียชีวิตคือพาไปเยี่ยมทีมมาดริด
ปี 2014 เขายังได้มอบเงินโบนัสทั้งหมดที่ได้จากการคว้าแชมป์ราว 600,000 ยูโร ( 23 ล้านบาท ) เป็นการกุศลให้กับองค์การสหประชาชาติเพื่อนำไปช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสและขาดแคลน
ปี 2014 เค้ายอมควักเงินแบบไม่อั้นเพื่อช่วยเหลือค่าผ่าตัดสมองของ เอริค ออร์ติซ ครูซ เจ้าหนูวัย 10 เดือน ที่โชคร้ายเกิดมาพร้อมปัญหาเยื้อหุ้มสมองผิดปกติ ทำให้มีอาการชักถึง 30 ครั้งต่อวัน โดยจ่ายค่ารักษาประมาณ 3.3 ล้านบาท รวมถึงทุกครั้งที่เข้ามารักษาเข้าต้องใช้เงินอีกครั้งละ ประมาณ 330,000 บาท
ไม่เพียงแต่กำลังทรัพย์เท่านั้น เค้ายอมที่จะไม่สักทั้งร่างกายเพื่อที่จะสามารถบริจาคเลือดได้อย่างสะดวก นอกจากนี้เค้ายังบริจาคไขกระดูก หลังจากที่ทราบว่า ลูกชายของ คาร์ลอส มาร์ตินส์ เพื่อนร่วมทีมชาติโปรตุเกสป่วย
เรื่องราวของโรนัลโด้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่อยู่บนจุดสูงสุด แล้วไม่ลืมว่าตนเองเคยเป็นใคร และพร้อมจะช่วยเหลือคนที่อยู่ล่างกว่า
โรนัลโด้ นักเตะใจบุญ คริสเตียโน โรนัลโด นอกจากเป็นนักเตะระดับแนวหน้าที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก ยังได้ชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลที่ใจบุญสุนทาน เพราะชอบบริจาคเงินช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ และยังคงทำเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
โรนัลโด กับผองเพื่อนนักเตะ ยูเวนตุส ตัดสินใจลดค่าเหนื่อยตัวเองเพื่อลดภาระให้แก่สโมสรในช่วงเวลาที่ขาดรายได้จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงสมทบทุนไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเช่นกัน
ใครที่ติดตาม “พี่โด้” มานานตั้งแต่สมัยอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย่อมรู้เป็นอย่างดีว่า CR7 ยินดีช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ จากการที่เคยมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก จนฝ่าฟันตนเองขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกในปัจจุบัน
ย้อนไปเมื่อปี 2011 โรนัลโด บริจาคเงินสู่สังคมครั้งแรกด้วยการนำรางวัลรองเท้าทองคำของยุโรปออกมาประมูล จนได้เงินทั้งสิ้น 1.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 48 ล้านบาท) ก่อนนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างโรงเรียนให้แก่เด็กๆ ที่ฉนวนกาซา
เดือนธันวาคมปี 2011 เสื้อแข่งของ โรนัลโด พร้อมลายเซ็น ถูกประมูลไปได้ที่ 31,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) ซึ่งเงินนำเข้าสู่มูลนิธิ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ก่อนที่เจ้าตัวจะกลายเป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ขององค์กรที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ โรนัลโด ยังเป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้แก่องค์กรยูนิเซฟ กับ เวิลด์ วิชัน ซึ่งในปี 2014 เจ้าตัวมอบเงินโบนัส 450,000 ปอนด์ (ประมาณ 18.3 ล้านบาท) ที่ได้จากการคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มาช่วยองค์กรดังกล่าว
เงินรางวัลจากการติดทีมยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า ปี 2013 จำนวน 87,000 ปอนด์ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) ก็ถูกส่งต่อไปยังสภากาชาด และล่าสุดคือ บริจาคเงิน 120,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) เข้าสู่องค์กรช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งช่วยคุณแม่ของเขาไว้ และอีก 55,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.2 ล้านบาท) เป็นค่าผ่าตัดแก่หนูน้อย เอริค ออร์ทิซ ครูซ วัย 10 ขวบ ที่ตรวจพบเนื้องอกในสมอง
