ไซซะนะ ขึ้นศาลฟังคำพิพากษา ศาลนัดฟังคำพิพากษา ไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาวนักค้ายาเสพติดชื่อดัง ฐานลักลอบนำยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด เข้ามาในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 28 – 30 ก.ย.59
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 20 มี.ค.2561 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว ฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาวนักค้ายาเสพติดชื่อดังเป็นจำเลยในคดียาเสพติด จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา หลังศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดี ลักลอบค้ายาเสพติด
หมายเลขดำ อย.1642/60 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาวนักค้ายาเสพติดชื่อดังเป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติด กรณีระหว่างวันที่ 28 – 30 ก.ย.59 จำเลยกับพวกบังอาจสมคบกันมียาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ด โดยแบ่งหน้าที่กันทำในรูปขบวนการเครือข่ายยาเสพติด

คำฟ้องคดีนี้สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 24 ก.ค.- 16 ก.ย. 2558 จำเลยที่ 1-2 กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง บังอาจสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยแบ่งหน้าที่กันทำในรูปขบวนการเครือข่ายยาเสพติด โดยจำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ใน สปป.ลาว ร่วมกันจัดหาเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า และจัดหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลักลอบขนส่งลำเลียงยาเสพติดและจัดหารถยนต์สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดจำนวน 2,381,400 เม็ดไปส่งให้กับเครือข่ายทางภาคใต้ของไทย และมาเลเซีย
ต่อมาระหว่างวันที่ 17 – 22 ส.ค. จำเลยทั้งสาม ร่วมกันสมคบกันลักลอบส่งยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด ส่งให้เครือข่ายทางภาคใต้โดยติดต่อกับนายไซนุเด็ง มะ ที่ประเทศมาเลเซียโดยจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากนายไซนุเด็ง หลายครั้งหลายหนจำนวน 144 ล้านบาทไปส่งมอบให้เพื่อนของจำเลยที่ 1 ที่ สปป.ลาว เพื่อสะดวกในการกระทำผิด
โดยซุกซ่อนยาเสพติดจาก สปป.ลาวข้ามแดนจากด่าน ตม.สะพานมิตรภาพ 1 จ.หนองคาย เข้ามาในราชอาณาจักร ก่อนลักลอบส่งไปจำหน่ายที่ภาคใต้และประเทศมาเลเซีย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมจำเลยได้ จำเลยให้การปฏิเสธ
ต่อมาระหว่างวันที่ 17 – 22 ส.ค. จำเลยทั้งสาม ร่วมกันสมคบกันลักลอบส่งยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด ส่งให้เครือข่ายทางภาคใต้โดยติดต่อกับนายไซนุเด็ง มะ ที่ประเทศมาเลเซียโดยจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากนายไซนุเด็ง หลายครั้งหลายหนจำนวน 144 ล้านบาทไปส่งมอบให้เพื่อนของจำเลยที่ 1 ที่ สปป.ลาว เพื่อสะดวกในการกระทำผิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมพวกจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ ยาเสพติด รถยนต์กระบะที่ใช้กระทำผิด โทรศัพท์มือถือและอื่น ๆ เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, จ.นครพนม, จ.อุดรธานี, จ.สงขลา และอีกหลายพื้นที่เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 และอื่น ๆ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโดยตลอด
วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสามซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาฟังคำพิพากษา
ไซซะนะ ขึ้นศาลฟังคำพิพากษา โดยต่อมา ศาลได้พิพากษาว่านายไซซะนะและนายชุมพร จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติด 1 ล้านเม็ด เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2559 หลังจากมีพยานหลักฐานข้อมูลการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันให้จัดหารถกระบะมือสองซุกยาบ้ารับจาก สปป.ลาว ไปส่ง ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-2 แต่คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยที่ 1-2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้ตลอดชีวิต
และให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากยาบ้าคดีแรกจำนวน 1.2 ล้านเม็ด ที่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแล้วด้วย ให้ยกฟ้องนายรัชพล จำเลยที่ 3 ที่ถูกกล่าวหารับโอนเงินค้ายา เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร และศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามในส่วนที่ถูกกล่าวหาสมคบค้ายาบ้าจำนวน 2,381,400 เม็ดด้วย เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร

ทั้งนี้ หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น มารดาและครอบครัวของจำเลยที่ 3 ร่ำไห้เข้าโอบกอดจำเลยที่ 3 ทันทีด้วยความดีใจที่ศาลยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2561 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายไซซะนะ ฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ซึ่งเป็นเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1.2 ล้านเม็ดเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม ชั้นสอบสวนนายไซซะนะ ให้การรับสารภาพ ศ่าลลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต.