Skip to content
Home » News » ไซซะนะ พ่อค้ายาเมืองลาว

ไซซะนะ พ่อค้ายาเมืองลาว

ไซซะนะ พ่อค้ายาเมืองลาว จุดเริ่มต้นของการบุกทลายเครือข่าย “ไซซะนะ” เริ่มขึ้นเมื่อตำรวจตามแกะรอยความเคลื่อนไหวของพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้มาระยะหนึ่ง

จนกระทั่งล่าสุดได้เบาะแสว่านายไซซะนะเดินทางมาท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต และเตรียมขึ้นเครื่องกลับประเทศที่สนามบินสุวรรณ ภูมิในวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา

ไซซะนะ พ่อค้ายาเมืองลาว เมื่อได้โอกาสในการล็อกตัวพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่สุดของภูมิภาคอาเซียน พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ออกหมายจับและนำกำลังไปดักซุ่มรอ

หลังจากนายไซซะนะและพวกรวม 3 คน ปรากฏตัวที่สนามบิน ทีมตำรวจได้บุกเข้าชาร์จจับกุมทันที ท่ามกลางความตื่นตระหนกของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา

ก่อนล็อกตัวนายไซซะนะไปเค้นสอบขยายผล พร้อมตรวจสอบประวัติพบทำธุรกิจโรงเลื่อย โรงแรมและธุรกิจอื่นอีกหลายรายการ แถมยังคบค้าสมาคมกับคนในแวดวงไฮโซและคนมีชื่อเสียง

ส่วนข้อมูลในการกระทำผิดพบนายไซซะนะเป็นขบวนการที่ลอบส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

ที่สำคัญถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่กว่า “เล่าต๋า แสนลี่” ราชายาเสพติดภาคเหนือ

พร้อมประสานไปยังตำรวจสปป.ลาวให้ช่วยตรวจสอบขยายผล ก่อนตามลุยค้นบ้านพักและโรงแรม โดยยึดซูเปอร์คาร์และรถหรูของนายไซซะนะได้กว่า 20 คัน

หลังจากได้เบาะแสและความเชื่อมโยงของเครือข่ายพ่อค้ายา “ไซซะนะ” ตำรวจบช.ปส.ก็ยังเดินหน้าบุกทลายขบวนการค้ายาด้วยปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/1”

ไซซะนะ พ่อค้ายาเมืองลาว
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_214840

โดยส่งเจ้าหน้าที่ปูพรมบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 36 จุดทั่วประเทศ ตามล็อกตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ 7 ราย คอยทำหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งรับส่งยาเสพติด หน้าที่ลำเลียงยา ให้ที่พักยาเสพติดและหน้าที่กระจายยาเสพติด

นอกจากนี้ยังอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าได้จากการกระทำผิดมาตรวจสอบจำนวนมาก

ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการล้างบางพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่และลุยกวาดล้างเครือข่ายทั้งหมด

สำหรับการขยายผลกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดของ “ไซซะนะ แก้วพิมพา” พ่อค้ายาเสพติดชาวลาว หลังถูกจับกุมได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ

ที่สามารถทลายเครือข่ายที่เชื่อมโยงอีก 80 จุดทั่วประเทศ ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

เมื่อพบว่าในกลุ่มนี้มีทั้งดารานักร้อง ไฮโซคนดัง รวมทั้งลูกหลานนักการเมือง มีส่วนเข้าพัวพันด้วย มากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่เกี่ยวโดยไม่รู้เห็นบ้าง!??

ทั้งเรื่องการจำหน่ายยาเสพติด ไปจนถึงรับฟอกเงินที่แปรรูปกลายเป็นซูเปอร์คาร์และรถหรูต่างๆ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีนายตำรวจอีกหลายนาย ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับนายไซซะนะ

นำมาซึ่งการวางแผนกวาดล้างเครือข่ายไซซะนะ อีกรอบ

ซึ่งพุ่งเป้าไปยังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพวกดาราไฮโซที่รวมแบบไม่มีที่มา

หวังจะทลายเครือข่ายให้สิ้นซาก

สอบสามีแพทโยง”ไซซะนะ”

กลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/2” ขยายผลจากการจับกุม ไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาชาวลาว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยการลุยเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีก 39 จุดทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ก.พ.

โดย 1 ใน 39 จุด ที่บุกเข้าตรวจค้น คือ ร้านเเอเรีย 51 ภายในซ.อินทามระ 51 ย่านดินแดง กทม. ที่มีนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีดาราสาว “แพท”ณปภา ตันตระกูล เป็นเจ้าของ

แต่ไร้เงาหนุ่ม “เบนซ์ เรซซิ่ง” เจอเพียงดาราสาวที่อุ้มท้องใกล้คลอดอาศัยอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง

เมื่อเช็กวงจรปิดพบว่า นายเบนซ์ได้ขับรถหรูลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กทม. ออกไปตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 1 ก.พ.

จากการตรวจค้นพบบิ๊กไบก์ 1 คัน และอาวุธปืน 2 กระบอก มีนายเบนซ์เป็นผู้ครอบครอง

ไม่นานมีผู้แจ้งเบาะแสเจอรถลัมโบร์กินีไปจอดอยู่ในคาร์แคร์ ย่านรามอินทรา เจ้าหน้าที่จึงยึดกลับมาตรวจอย่างละเอียด ก่อนพบเป็นรถที่สวมทะเบียน โดยแท้จริงแล้วเป็นทะเบียนรถโฟล์กใน จ.ลำพูน

โดยสาเหตุที่เข้าค้นร้านของสามีดาราสาว เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ที่เป็นคนดูแลทรัพย์สินให้ไซซะนะ และให้การซัดทอดถึงเบนซ์ ว่าเป็นคนดูแลทรัพย์สินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายเบนซ์ ก็เข้าพบตร.ปส. พร้อมยืนยันว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยรู้จักนายไซซะนะ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายบอย เนื่องจากชอบแต่งรถบิ๊กไบก์เหมือนกัน แต่ไม่รู้เบื้องหลังว่านายบอยทำธุรกิจอะไร

ยอมรับยืมเงินจากนายบอย 6 ล้านบาท เพื่อมาดาวน์รถหรูลัมโบร์กินีคันที่ตร.ยึดอยู่

แต่เจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องเงินยืม 6 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พร้อมตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายเบนซ์และนายบอยว่ามีการคืนเงินที่ยืมมาตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า นายบอยยังโอนเงินเข้าบัญชีนายเบนซ์เดือนละ 3 แสนบาท

เป็นเรื่องที่นายเบนซ์ต้องชี้แจงให้กระจ่าง

ล่าต่อแก๊งภาคใต้-ยึด 68 ล้าน

และไม่เพียงแค่ตัวของเบนซ์เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเฝ้าจับตาดู พวกดาราไฮโซ รวมทั้งทายาทนักการเมืองดัง

ขณะที่วันที่ 7 ก.พ. นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” พร้อมเพื่อนคือ “เจ๋ง วันพอยท์” เพื่อนนายไผ่ เดินทางเข้าพบตำรวจ บช.ปส. เพื่อให้ข้อมูล

ไผ่ วันพอยท์ ให้การว่า ทำธุรกิจซื้อขาย นำเข้า และตกแต่งซูเปอร์คาร์ หรือจะเรียกว่าเป็นนายหน้าขายรถก็ได้ จึงรู้จักกับนายบอยและนายเบนซ์ ในฐานะลูกค้ารายหนึ่งที่มาติดต่อขอซื้อรถลัมโบร์กินี

ที่ผ่านมาเคยเจอนายบอย 2 ครั้ง และนายเบนซ์เพียงครั้งเดียวในวันที่เดินทางมารับรถเท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับเงินค่านายหน้าจากการขายรถหรูลัมโบร์กินีคันนั้นเลย

https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_214840

ด้าน เจ๋ง วันพอยท์ ให้การด้วยว่า ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานจากนายบอยที่ต้องการรถหรู ก่อนติดต่อให้นายไผ่ช่วยหารถให้ ซึ่งจะได้ค่านายหน้า 4-5 แสนบาท ก่อนแนะนำให้ซื้อรถหรูลัมโบร์กินีคันนี้ ราคา 14 ล้านบาท จากเต็นท์รถบูโน่ ออโต้ คลินิก ย่านพระราม 3 กทม. พร้อมยืนยันไม่รู้จักนายไซซะนะ

เมื่อได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงบุคคลหลายฝ่าย ตำรวจจึงเชิญเจ้าของเต็นท์รถบูโน่ ออโต คลินิก ที่ขายรถลัมโบร์กินี และเจ้าของรถโฟล์ก ทะเบียน กจ 51 กทม. ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับรถลัมโบร์กินีของเบนซ์ มาให้ปากคำด้วย

นอกจากคนดังและดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายไซซะนะแล้ว ยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายตำรวจ 3 นาย ที่แชะภาพร่วมเฟรมกับพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้ด้วย